Venlafaxine หรือเวนลาฟาซีน เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคกลัวการเข้าสังคม และโรคตื่นตระหนก
Venlafaxine เป็นยารักษาโรคซึมเศร้าในกลุ่ม Serotonin-norepinephrine reuptake inhibitors (SNRIs) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยเพิ่มระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนิน สารนอร์อิพิเนฟริน ในสมอง ช่วยปรับสมดุลสารสื่อประสาทในสมอง มีส่วนทำให้อารมณ์ดีขึ้น ช่วยให้มีพลังงานในการทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
Venlafaxine อาจนำมาใช้นอกเหนือข้อบ่งใช้ข้างต้น เช่น ใช้รักษาอาการร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นในหญิงวัยหมดประจำเดือน หรือใช้รักษามะเร็งเต้านม อาการปวดปลายประสาทเนื่องจากเบาหวาน โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ อาการปวดศีรษะไมเกรน ปวดศีรษะจากความเครียด กลุ่มอาการความล้าเรื้อรัง รวมไปถึงภาวะซึมเศร้าในโรคอารมณ์สองขั้ว และโรคสมาธิสั้น
คำเตือนในการใช้ยา Venlafaxine
องค์การอาหารและยากำหนดให้มีคำเตือนสำคัญสำหรับยา Venlafaxine เนื่องจากมีการศึกษาหลายงานพบว่ายานี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงให้กลุ่มผู้ป่วยเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ตอนต้น มีความคิดและพฤติกรรมฆ่าตัวตาย แพทย์จึงต้องติดตามอาการของผู้ป่วยเป็นระยะๆ ในขณะที่ใช้ยา รวมทั้งต้องขอความร่วมมือจากญาติผู้ป่วยในการเฝ้าดูอาการและพฤติกรรมผิดปกติต่างๆ เพื่อป้องกันผู้ป่วยทำร้ายตนเอง และห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี
นอกจากนี้ คุณควรระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ยา Venlafaxine ดังนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณกำลังรับประทานยารักษาโรคซึมเศร้าอื่นๆ ได้แก่ ยากลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitors (SSRIs) เช่น พาร็อกซีทีน (Paroxetine) เซอร์ทราลีน (Sertraline) ยากลุ่ม SNRIs อื่นๆ เช่น ดูล็อกซีทีน (Duloxetine) หรือเดสเวนลาแฟ็กซีน (Desvenlafaxine) และยาในกลุ่ม Monoamine oxidase inhibitors (MAOIs) เช่น เฟนเทอร์มีน (Phentermine) หรือไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid) หรือหากคุณเพิ่งหยุดรับประทานยาในกลุ่ม MAOI มาไม่ถึง 14 วัน ก่อนเริ่มรับประทานยา Venlafaxine
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณกำลังใช้ยารักษาโรคอื่นๆ วิตามิน อาหารเสริม หรือสมุนไพรชนิดใดก็ตาม โดยเฉพาะยาเหล่านี้
- ยากลุ่มทริปแทน (Triptans) ได้แก่ ซูมาทริปแทน (Sumatriptan) ที่ใช้รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ลีเนโซลิด (Linezolid)
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ลีเนโซลิด (Linezolid)
- สารต้านพิษเมธิลีน บลู (Methylene blue) ที่ใช้ฉีดเข้าเส้นเลือด เพื่อรักษาภาวะเลือดผิดปกติ (Methemoglobinemia)
- สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St. John's wort) ซึ่งอาจเพิ่มระดับสารเซโรโทนินในสมอง เมื่อรับประทานควบคู่ไปกับ Venlafaxine จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเซโรโทนินซินโดรม ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต แต่ก็พบได้น้อย
- กลุ่มยาละลายลิ่มเลือด ได้แก่ วาร์ฟาริน (Warfarin) ยาแอสไพริน และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็นต้น
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ลีเนโซลิด (Linezolid)
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีโรคประจำตัวหรือภาวะเจ็บป่วยต่อไปนี้
- แพ้ยา Venlafaxine หรือแพ้ยาที่มีส่วนประกอบคล้ายกับ Venlafaxine
- กลุ่มอาการของการหลั่งฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะไม่เหมาะสม (Syndrome of inappropriate antidiuretic hormone secretion)
- มีระดับคอเลสเตอรอลสูง
- มีระดับโซเดียมในเลือดต่ำ
- เสี่ยงมีเลือดออกสูง
- เสี่ยงต่อการมีเลือดออกสูงขึ้นจากการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ
- ร่าเริงและเคลื่อนไหวมากผิดปกติ
- มีอาการคุ้มคลั่งที่ไม่รุนแรง
- มีความคิดฆ่าตัวตาย
- เป็นกลุ่มอาการเซโรโทนิน (Serotonin syndrome)
- เป็นต้อหินมุมปิด หรือเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินมุมปิด
- ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้
- มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
- ตับแข็ง เป็นโรคตับ
- ไตทำงานบกพร่อง
- มีอาการชัก
- น้ำหนักลด
- ยา Venlafaxine อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอน หรือส่งผลต่อการใช้ความคิดและการตอบสนองอัตโนมัติ ไม่ควรขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล จนกว่าคุณจะทราบว่ายานี้ส่งผลต่อคุณอย่างไร
- โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ยา Venlafaxine ในผู้ป่วยเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่หากจำเป็นต้องใช้ แพทย์จะติดตามอาการใช้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีการศึกษาหลายงานแนะนำว่ายานี้อาจส่งผลให้การเจริญเติบโตของเด็กล่าช้า มีภาวะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดความคิดฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยที่รับประทานยาขับปัสสาวะ ควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง เพราะมีความเสี่ยงเกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำมากกว่าคนทั่วไป
การใช้ยา Venlafaxine ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร
Venlafaxine อาจเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์มารดา โดยมีข้อมูลรายงานว่าเด็กที่คลอดออกมาจากแม่ที่รับประทานยา Venlafaxine ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ อาจมีปัญหาในการดื่มนม ปัญหาทางเดินหายใจ มีอาการชักตัวสั่น กระวนกระวาย และร้องไห้ตลอดเวลาหลังคลอด และข้อมูลจากองค์กรพันธมิตรผู้ป่วยโรคทางจิตแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (The national Alliance on mental illness) ระบุว่าหญิงตั้งครรภ์ที่รับประทานยารักษาโรคซึมเศร้าในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์นั้นจะมีความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด
Venlafaxine ไม่ผ่านทางน้ำนมไปสู่ทารก แต่ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาเพียงพอที่จะรับรองถึงความปลอดภัยของการใช้ยานี้ต่อทารก ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้
อาการถอนยา Venlafaxine
การหยุดรับประทานยา Venlafaxine โดยทันที หรือลดปริมาณยาที่ใช้อยู่กะทันหัน อาจทำให้เกิดอาการถอนยาได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง อาการถอนยาที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา Venlafaxine ได้แก่
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- วิตกกังวล รู้สึกสับสน หรือกระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
- สูญเสียการทรงตัว หรือรู้สึกบ้านหมุน
- คลื่นไส้ ท้องเสีย หรืออาเจียน
- นอนไม่หลับ หรือฝันร้าย
- ปวดศีรษะ
- ปากคอแห้ง
- อ่อนเพลีย
- รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตในสมอง
อาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะสูญเสียการรับรู้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานอื่นๆ ที่เสี่ยงอันตราย หากคุณต้องการหยุดใช้ยาหรือปรับลดปริมาณยาจึงควรปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์จะพิจารณาว่าสมควรหยุดยาหรือไม่
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Venlafaxine
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยา Venlafaxine
- ฝันร้าย
- นอนไม่หลับ
- สมรรถภาพทางเพศลดลง
- ง่วงซึม ไม่มีแรง หรืออ่อนเพลีย
- วิงเวียนศีรษะ มองเห็นไม่ชัดเจน
- เบื่ออาหาร
- จุกเสียด แน่นท้อง
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องผูก
- ท้องเสีย
- ปากคอแห้ง
- หนาวสั่น
- เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารหรือปวดท้อง
- น้ำมูกไหล
- อาการสั่นเฉพาะบางส่วนของร่างกาย ตัวสั่น หรือหนาวสั่น
- รู้สึกเสียวและเหน็บชาตามร่างกาย
- น้ำหนักตัวลดลง
คุณควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการข้างเคียงเหล่านี้ในระยะเวลานานหรืออาการที่เกิดขึ้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณเป็นอย่างมาก
อาการข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Venlafaxine
หากมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงดังต่อไปนี้ คุณควรรีบไปพบแพทย์หรือเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน
- อาการแพ้ยา เช่น หายใจขัด ใบหน้า ลิ้น ตา หรือปากบวม ผื่นขึ้น คัน ลมพิษ หรือตุ่มพุพอง ซึ่งอาจเกิดขึ้นร่วมกับการมีไข้ หรืออาการปวดข้อ
- เกิดอาการของภาวะเซโรโทนินซินโดรม (Serotonin syndrome) ได้แก่ อาการอยู่ไม่นิ่ง ประสาทหลอน หมดสติ กล้ามเนื้อบิดพลิ้ว หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ความดันโลหิตสูงขึ้นหรือต่ำลง เหงื่อออกมากผิดปกติ หรือเป็นไข้
- ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
- เกิดต้อหินมุมแคบ หรือม่านตาขยาย
- ระดับโซเดียมในกระแสเลือดต่ำกว่าปกติ
- มีอาการชัก หรือกล้ามเนื้อเกร็ง
- มีเลือดออกผิดปกติ หรือเกิดรอยจ้ำเลือดเพิ่มขึ้น
- แน่นหน้าอก หรือหายใจขัด
ภาวะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากการใช้ยา Venlafaxine
เช่นเดียวกับยารักษาโรคซึมเศร้าตัวอื่นๆ การใช้ยา Venlafaxine อาจทำให้คุณมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยานี้อาจทำให้เกิดภาวะน้ำคั่งในร่างกาย ขาดการออกกำลังกาย ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น หรืออาจเป็นปัจจัยอื่นๆ ดังนั้น คุณควรหมั่นออกกำลังกาย รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูงให้น้อยลง เพื่อควบคุมน้ำหนักตัวในระหว่างรับประทานยา Venlafaxine หรือยารักษาโรคซึมเศร้าตัวอื่นๆ
การใช้ยา Venlafaxine ร่วมกับยาชนิดอื่นๆ
การใช้Venlafaxine ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
คุณไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยา Venlafaxine เนื่องจากยานี้มีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้มีอาการง่วงนอนมากขึ้น
ปฏิกิริยาระหว่าง Venlafaxine กับยาตัวอื่น ๆ
คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงการใช้ยาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์สั่งใช้ หรือยาที่หาซื้อเอง รวมถึงวิตามิน สมุนไพร สารเสพติด หรือกลุ่มยาที่ใช้เพื่อผ่อนคลาย และผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักหรืออาหารเสริม ซึ่งอาจมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา Venlafaxine ได้ และในทางกลับกันยานี้ก็อาจมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยาอื่นๆ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตัวยาต่อไปนี้สามารถเกิดปฏิกิริยาเมื่อใช้ร่วมกับยา Venlafaxine จึงไม่ควรรับประทานยาร่วมกัน หรือใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
- ยาในกลุ่ม Monoamine oxidase inhibitors (MAOIs) ได้แก่ ฟีเนลซีน (Phenelzine sulfate) ทรานิลซัยโปรมีน (Tranylcypromine sulfate) ไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid) ราซาจิลีน (Rasagline) และเซเลกิลีน (Selegeline)
- ยารักษาโรคซึมเศร้า เช่น อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) ไซตาโลแพรม (Citalopram) ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) พาร็อกซิทีน (Paroxetine) เซอร์ทราลีน (Sertraline) ฟลูวอกซามีน (Fluvoxamine)
- ยากลุ่มทริปแทน (Triptans) เช่น ซูมาทริปแทน (Sumatriptan) เป็นต้น
- ลีเนโซลิด (Linezolid)
- ไซเมทิดีน (Cimetidine)
- คีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
- ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- นาพรอกเซน (Naproxen )
- วาร์ฟาริน (Warfarin)
- แอสไพริน (Aspirin)
- ลิเทียม (Lithium)
- ทรามาดอล (Tramadol)
- ทริโตเฟน (Tryptophan)
- สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St.John's wort)
ปริมาณการใช้ยา Venlafaxine
Venlafaxine มีวางจำหน่ายทั้งในรูปแบบยาเม็ดออกฤทธิ์ทันทีและยาเม็ดออกฤทธิ์ช้า ยาเม็ดออกฤทธิ์ทันทีมีปริมาณยาหลายขนาด ได้แก่ 25 มิลลิกรัม 37.5 มิลลิกรัม 50 มิลลิกรัม 75 มิลลิกรัม และ 100 มิลลิกรัม ยาแคปซูลแบบออกฤทธิ์ช้ามีขนาด 37.5 มิลลิกรัม 75 มิลลิกรัม 150 มิลลิกรัม และ 225 มิลลิกรัม
หากคุณรับประทานยาในรูปแบบยาเม็ดออกฤทธิ์ทันที ปริมาณยาที่ใช้มักจะแบ่งเป็น 2-3 มื้อต่อวัน โดยรับประทานพร้อมอาหาร และหากคุณรับประทานยาในรูปแบบยาแคปซูลออกฤทธิ์ช้า ควรรับประทานยาในมื้อเช้าหรือเย็น และควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน โดยยาแคปซูลไม่สามารถบด เคี้ยว แบ่ง หรือละลายน้ำได้ ต้องรับประทานโดยกลืนลงไปทั้งแคปซูล หากไม่สามารถกลืนแคปซูลได้ ให้แกะแคปซูลและโรยผงยาลงบนอาหารนิ่มๆ หรืออาหารเหลว เช่น ขนมพุดดิ้ง หรือน้ำแอปเปิ้ล และรับประทานพร้อมอาหารทันที แล้วดื่มน้ำตามอย่างน้อย 1 แก้ว
โดยทั่วไป แพทย์มักให้ผู้ป่วยเริ่มต้นใช้ยาปริมาณระหว่าง 37.5-75 มิลลิกรัมต่อวัน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ปรับเพิ่มปริมาณยาจนถึงขนาดยาสูงสุดที่สามารถใช้ได้ คือ 225 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ คุณอาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 2 เดือน จึงจะเห็นผลการรักษาอย่างเต็มที่ และไม่ควรหยุดรับประทานยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากการหยุดยาโดยทันทีอาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวล หงุดหงิด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และมีอาการสั่นได้
การรับประทานยา Venlafaxine เกินขนาด
หากคุณรับประทานยา Venlafaxine ในปริมาณมากเกินกว่าปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ หรือโทรเรียกรถฉุกเฉิน 1669 ทันที
อาการที่สังเกตได้จากการรับประทานยา Venlafaxine เกินขนาด ได้แก่
- อาเจียน
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- มองเห็นภาพไม่ชัดเจน
- อ่อนเพลียอย่างมาก
- ชัก
ทำอย่างไรเมื่อลืมรับประทานยา Venlafaxine
ในกรณีที่ลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานยามื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป แล้วรับประทานยามื้อถัดไปตามปกติ ไม่ต้องรับประทานยา Venlafaxine เป็น 2 เท่า และไม่ควรรับประทานยาชนิดแคปซูลออกฤทธิ์ช้า หรือยาชนิดเม็ดธรรมดาเกินกว่า 1 ครั้งต่อวัน
ลักษณะเม็ดยา Venlafaxine
คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับยา Venlafaxine
คำถาม 1: ยา Venlafaxine มีผลต่อน้ำหนักตัวหรือไม่
คำตอบ: ฉลากยา Venlafaxine อาจทำให้มีความอยากอาหารมากขึ้นและน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ อาจเกิดจากผู้ป่วยมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อน้ำหนักตัวร่วมด้วย ได้แก่ อาการเครียดเรื้อรัง ระดับไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ นอนหลับไม่เพียงพอ และการเลิกสูบบุหรี่ เพื่อควบคุมน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น คุณควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเลือกรับประทานอาหารไขมันต่ำ หากมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่เปลี่ยนแปลงไป คุณควรปรึกษาแพทย์
อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วยานี้ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับยารักษาโรคซึมเศร้าอื่นๆ บางชนิด และมีรายงานว่ายานี้สามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลง และมีอาการอาเจียนได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยที่แตกต่างกันในแต่ละราย
คำถาม 2: ปัจจุบันกำลังรับประทานยา Venlafaxine ขนาด 75 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณยาเท่านี้เหมาะสมในการรักษาโรควิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้าหรือไม่
คำตอบ: เราไม่สามารถตอบได้ว่าขนาดยาดังกล่าวเหมาะสมที่สุดหรือไม่ เนื่องจากการตอบสนองของแต่ละคนต่อยานั้นแตกต่างกันออกไป หากคุณใช้ยานี้ไม่ได้ผล หรือเกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา ทางที่ดีที่สุดคือควรปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้รักษาเพื่อประเมินว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนชนิดของยาหรือไม่
คำถาม 3: ปัจจุบันฉันรับประทานยา Venlafaxine พร้อมอาหาร โดยรับประทานวันละ 2 ครั้ง หากต้องงดน้ำและอาหารเพื่อตรวจเลือด ฉันสามารถรับประทานยา Venlafaxine โดยไม่พร้อมมื้ออาหารในตอนเช้าได้หรือไม่
คำตอบ: Venlafaxine ออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อรับประทานในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน และรับประทานพร้อมอาหาร หากคุณไม่สามารถรับประทานยาพร้อมอาหาร คุณควรรับประทานยาพร้อมน้ำอย่างน้อย 1 แก้วในตอนเช้าอย่างที่คุณเคยรับประทานตามปกติ และควรรับประทานยานี้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
คำถาม 4: ผู้ป่วยแต่ละรายสามารถรับประทานยา Venlafaxine ได้นานเท่าไหร่ และจะมีอันตรายหรือไม่ หากรับประทานยาปริมาณ 75 mg เป็นเวลานานกว่า 10 ปี
คำตอบ: ในการใช้ยา Venlafaxine รักษาระยะยาว แพทย์จะประเมินผลการรักษาเป็นระยะ และอาจต้องมีการพิจารณาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาในระยะยาว เช่น การมีระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดสูง แพทย์อาจให้คุณเข้ารับการตรวจเพื่อติดตามระดับคอเลสเตอรอลเรื่อยๆ
คำถาม 5: อาการข้างเคียงต่างๆ จากการใช้ยา Venlafaxine ที่เกิดขึ้นกับฉัน ดูเหมือนว่าจะเลวร้ายกว่าอาการซึมเศร้าที่เป็นอยู่ด้วยซ้ำ แบบนี้ถือว่าผิดปกติหรือไม่
คำตอบ: อาการข้างเคียงจากการใช้ยา Venlafaxine นั้นมีความคล้ายคลึงกับยารักษาโรคซึมเศร้าชนิดอื่นๆ โดยผู้ป่วยมักเกิดอาการข้างเคียงเมื่อเริ่มต้นใช้ยาเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการรักษา แต่เมื่อรับประทานยาต่อไป ผู้ป่วยจะสามารถทนต่ออาการข้างเคียงเหล่านี้ อาการข้างเคียงต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้น และในสัปดาห์ที่ 3 ของการรักษาก็จะเริ่มเห็นประสิทธิภาพของยามากขึ้น
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยา Venlafaxine ได้แก่ ง่วงซึม อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ วิตกกังวล นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ปากและคอแห้ง หากอาการเหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรบกวนการใช้ชีวิต คุณควรปรึกษาแพทย์ โดยคุณอาจได้รับคำแนะนำให้ปรับลดปริมาณยาและลองเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่น ไม่ควรหยุดใช้ยาเองทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะการหยุดรักษาด้วยยา Venlafaxine ที่ถูกต้องจำเป็นต้องค่อยๆ ปรับลดปริมาณยา เพื่อหลีกเลี่ยงอาการถอนยา
คำถาม 6: จะรับประทานยา Venlafaxine ร่วมกับยาลอราซีแพม (Lorazepam) ได้หรือไม่
คำตอบ: Venlafaxine เป็นยาที่แพทย์สั่งใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคตื่นตระหนก ส่วนยา Lorazepam เป็นยาสำหรับรักษาโรควิตกกังวล ยาทั้งสองชนิดนี้ออกฤทธิ์โดยการเปลี่ยนแปลงสารเคมี โดยทั่วไปแพทย์มักสั่งใช้ร่วมกันในการรักษาโรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวล ซึ่งอันตรกิริยาจากการใช้ยาร่วมกันนั้นอาจเกิดขึ้นได้ โดยอาจทำให้มีอาการง่วงซึมมากกว่าปกติ ดังนั้น ระหว่างที่ใช้ยานี้ คุณควรระมัดระวังในการขับรถหรือการทำงานที่ต้องเสี่ยงอันตราย
คำถาม 7: ตอนนี้อยู่ในช่วงที่กำลังค่อยๆ ปรับลดปริมาณยา Venlafaxine และค่อยๆ ปรับเพิ่มปริมาณยาบูโพรพิออน (Bupropion) จะทำให้เกิดอาการข้างเคียงอะไรขึ้นบ้าง โดยก่อนหน้านี้เคยมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน และได้ยินเสียงในหูจากการใช้ยา Venlafaxine
คำตอบ: หากอาการดังกล่าวที่คุณให้รายละเอียดมานั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และเกิดขึ้นพร้อมกับการปรับเปลี่ยนปริมาณยาที่ใช้อยู่ คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบ โดยคุณควรพิจารณาการปรับเปลี่ยนยาร่วมกับแพทย์ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาให้กับคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด
คำถาม 8: เคยรับประทานยา Venlafaxine ขนาด 75 mg เป็นระยะเวลาเกือบปี หลังจากนั้นฉันเปลี่ยนไปพบหมอท่านอื่น ซึ่งหมอท่านใหม่ได้สั่งใช้ยา Venlafaxine ในชื่อการค้าทั่วไป ปัจจุบันฉันรับประทานยาชุดนี้และรู้สึกไม่สบายท้องหลังรับประทานยาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ยาที่รับประทานเป็นชนิดแคปซูล แต่ในปัจจุบันเป็นรูปแบบยาเม็ด เป็นไปได้ไหมว่าเม็ดยาสามารถละลายได้รวดเร็วเกินไปในกระเพาะอาหาร และทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้ได้ และที่แท้จริงแล้วยาในชื่อการค้าทั่วไปและยาต้นแบบมีความแตกต่างกันมากหรือไม่
คำตอบ: แนะนำให้สอบถามคุณหมอที่รักษาว่ายาชนิดใหม่มีการปลดปล่อยของตัวยาแบบเดียวกับยาเดิมหรือไม่ โดยยา Venlafaxine มีวางจำหน่ายทั้งชนิดเม็ดออกฤทธิ์ทันที ชนิดเม็ดออกฤทธิ์ช้า และชนิดแคปซูลออกฤทธิ์ช้า และตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและยา ยาในชื่อการค้าทั่วไปชนิดต่างๆ จะต้องมีความแข็งตามมาตรฐานเดียวกับเม็ดยาต้นแบบ รวมทั้งต้องมีความแรง รูปแบบยา วิธีการบริหารยา และค่าชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ จึงจะได้รับอนุญาตให้วางจำหน่ายโดยองค์การอาหารและยา และอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในด้านส่วนประกอบอื่นที่ไม่ใช่ยา
ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลยาพบว่าอาการคลื่นไส้เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้จากการใช้ยา Venlafaxine ซึ่งพบได้ในประมาณ 21-58 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ใช้ยา หากมีความกังวล คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับมือกับอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นอย่างถูกวิธี
คำถาม 9: ยา Venlafaxine ในชื่อการค้าทั่วไป เหมือนกับยาต้นแบบหรือไม่
คำตอบ: ยา Venlafaxine XR ในชื่อการค้าทั่วไป (ซึ่งมีตัวยาสำคัญเช่นเดียวกับ Effexor XR) มีวางจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ด เมื่อเปรียบเทียบกับยารูปแบบชนิดแคปซูลของ Effexor XR จะไม่สามารถเปรียบเทียบได้แบบ AB-rated (รหัสหนึ่งของการเปรียบเทียบชีวสมมูลที่กำหนดโดยองค์การอาหารและยา) เนื่องจากมีความแตกต่างกันในรูปแบบยาเม็ดและยาแคปซูล นั่นหมายความว่ายาทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้ในทุกกรณี แพทย์จำเป็นต้องระบุอย่างเฉพาะเจาะจงในการสั่งใช้ยา Venlafaxine XR รูปแบบยาเม็ด หากต้องการสั่งใช้ยาในรูปแบบชื่อการค้าทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ยา Venlafaxine ในรูปแบบยาเม็ดไม่ได้รับอนุญาตโดยองค์การอาหารและยาให้นำมาใช้ในการรักษาโรคตื่นตระหนกหรือโรควิตกกังวล หากต้องการรักษาโรคดังกล่าวจะต้องใช้ยาชนิดแคปซูล ข้อบ่งใช้ที่เหมือนกันของยาชนิดแคปซูลและยาชนิดเม็ดคือใช้รักษาโรคซึมเศร้าและโรคกลัวการเข้าสังคม
คำถาม 10: ก่อนหน้านี้รับประทานยา Venlafaxine มาเป็นระยะเวลาหลายปี เพื่อรักษาโรคซึมเศร้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร เริ่มรู้สึกเฉื่อยชาและมีพลังลดลงอย่างมาก และรู้สึกเหมือนมีภาวะเสพติดยา โดยจะรู้สึกหน้ามืด เวียนหัว และปวดหัว หากไม่ได้รับประทานยา พอจะมีทางเลือกอื่นๆ ในการรักษาหรือไม่
คำตอบ: อาการทนต่อยา Venlafaxine อาจเกิดขึ้นได้เมื่อใช้ยาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ปัญหาต่างๆ ที่ประสบในชีวิตก็มีผลต่อความสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งขึ้นอยู่กับความไวในการตอบสนองต่อยาของคุณ คุณควรพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนปริมาณยาที่ใช้ ซึ่งโดยทั่วไปแพทย์จะปรับเพิ่มปริมาณยาจนถึงขนาดที่ได้ผลในการรักษาเหมือนในช่วงเริ่มต้นรักษา แต่แพทย์บางท่านอาจให้เปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่น ได้แก่ ยากลุ่ม SSRIs เช่น ไซตาโลแพรม (Citalopram) หรือฟลูออกเซทีน (Fluoxetine) และอาจแนะนำวิธีอื่นที่สามารถช่วยปรับสภาวะอารมณ์ของคุณให้ดีขึ้นได้ เช่น การทำสมาธิทุกวัน การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันอันตรายและน้ำตาล
คำถาม 11: สามีของฉันรับประทานยา Venlafaxine แล้วยามีผลต่อความต้องการทางเพศและสมรรถภาพทางเพศ มียาชนิดใดที่สามารถใช้แทนยานี้ได้บ้าง
คำตอบ: ยา Venlafaxine สามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ได้ เช่น ถึงจุดสุดยอดช้าเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ความต้องการทางเพศลดลง และการแข็งตัวของอวัยวะเพศผิดปกติ สำหรับทางเลือกอื่นๆ ในการจัดการอาการข้างเคียง ได้แก่ การรับประทานยาชนิดอื่นเพื่อลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป หรือเปลี่ยนตัวยาที่ใช้รักษาไปเป็นชนิดอื่นๆ สิ่งสำคัญคือไม่ควรหยุดใช้โดยทันทีด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาของคุณ
คำถาม 12: การนำยา Venlafaxine มาใช้รักษาอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยหมดประจำเดือนอายุ 30 ปี ที่ผ่านการผ่าตัดมดลูกทั้งสองข้าง และอยู่ในช่วงกำลังปรับลดปริมาณเพื่อหยุดใช้ยาฮอร์โมนทดแทน Premarin จะเป็นการรักษาที่ได้ผลหรือไม่
คำตอบ: ยา Venlafaxine ไม่ได้รับอนุญาตโดยองค์การอาหารและยาให้นำมาใช้ในการรักษาอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยหมดประจำเดือน การนำมาใช้จะอยู่นอกเหนือจากข้อบ่งใช้ที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยา คุณควรปรึกษาผู้ให้การรักษาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาด้วยยา Venlafaxine
คำถาม 13: ยา Venlafaxine ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้หรือไม่
คำตอบ: หากผู้ป่วยรับประทานยานี้แล้วเกิดอาการของภาวะสมองเสื่อม ควรรีบพบแพทย์โดยทันที เนื่องจากอาจเป็นอาการที่บ่งบอกถึงอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงอย่าง Hyponatremia หรือภาวะระดับโซเดียมในเลือดต่ำกว่าปกติ อาการของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำกว่าปกติที่พบได้ ได้แก่ ปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ รู้สึกสับสน อ่อนเพลีย และเสียการทรงตัว โดยแพทย์ผู้รักษาจะสามารถประเมินสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมหรืออาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณได้อย่างถูกต้อง
คำถาม 14: ตอนนี้ฉันหมดสัญญาประกันชีวิตแล้ว และต้องหยุดใช้ยา Venlafaxine ซึ่งเป็นยาที่ช่วยรักษาอาการของฉันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เว้นก็แต่อาการข้างเคียงเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ ในท้องตลาดมียา Venlafaxine ที่มีราคาถูกและไม่เกิดอาการข้างเคียงอย่างไอแห้งหรืออาการข้างเคียงเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์หรือไม่
คำตอบ: คุณอาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษา เนื่องจากการปรับเปลี่ยนตัวยาต้องอาศัยประวัติการรักษาและประวัติการใช้ยา แพทย์ของคุณจะสามารถประเมินทางเลือกในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้
คำถาม 15: ปัจจุบันฉันรับประทานยา Venlafaxine และยังคงรู้สึกซึมเศร้า ควรทำอย่างไรต่อไปดี
คำตอบ: ยานี้ออกฤทธิ์โดยเปลี่ยนแปลงสารเคมีในสมองที่เสียสมดุล ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า การรักษาอาจจำเป็นต้องใช้ระยะเวลากว่า 4 สัปดาห์ขึ้นไป จึงจะเริ่มมีอาการดีขึ้น เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดคุณควรรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรหยุดใช้ยาหรือเปลี่ยนปริมาณยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการถอนยาได้
คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากอาการที่เป็นอยู่แย่ลงหรือมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ได้แก่ อารมณ์หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง วิตกกังวล อาการตื่นตระหนกกำเริบ มีปัญหานอนไม่หลับ รู้สึกหุนหันพลันแล่น หงุดหงิด อยู่นิ่งไม่ได้ รู้สึกไม่เป็นมิตร มีพฤติกรรมก้าวร้าว กระสับกระส่าย กระตือรือร้นผิดปกติ มีอาการซึมเศร้ามากขึ้น หรือมีความคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง
คำถาม 16: การใช้วิตามินหรืออาหารเสริมชนิดใดบ้างที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับ Venlafaxine ในการรักษาโรคซึมเศร้า
คำตอบ: ไม่มีข้อมูลว่ามีวิตามินชนิดใดที่สามารถทำปฏิกิริยากับยานี้ อย่างไรก็ตาม มีอาหารเสริมจากสมุนไพรบางชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงในการใช้ร่วมกับยา Venlafaxine ได้แก่ อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของแอลทริปโตเฟน (L-Tryptophan) สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต และ 5-HTP เพราะการใช้ร่วมกันอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
คำถาม 17: อาการข้างเคียงที่สำคัญของยานี้มีอะไรบ้าง
คำตอบ: อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยานี้ ได้แก่ ท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปากคอแห้ง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ กระสับกระส่าย ปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ การนอนหลับ เหงื่อออกมากผิดปกติ และอ่อนเพลีย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลข้างเคียงการใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาและการใช้ยาของคุณ
คำถาม 18: Venlafaxine เป็นสาเหตุให้ตับทำงานบกพร่องได้หรือไม่
คำตอบ: ในการใช้ยา Venlafaxine แพทย์จะปรับลดขนาดยาให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาตับทำงานบกพร่องรุนแรงระดับน้อยถึงปานกลาง โดยปัญหาตับผิดปกติมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากในผู้ป่วยที่รับประทานยานี้ จากการศึกษาทางคลินิกมีรายงานว่าผู้ป่วยน้อยกว่า 1% ที่มีภาวะไขมันพอกตับ ตับแข็ง ตับวาย และไวรัสตับอักเสบ หากมีอาการผิดปกติใดๆ คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเพื่อหาแนวทางในการรักษากรณีตับทำงานผิดปกติจากการใช้ยานี้
คำถาม 19: ฉันรับประทานยา Venlafaxine มาเป็นระยะเวลานานและปัจจุบันยังคงรับประทานอยู่ จนตอนนี้ต้องการหยุดใช้ยา อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการหยุดใช้ยามีอะไรบ้าง
คำตอบ: เมื่อต้องการหยุดใช้ยา Venlafaxine แนะนำให้ค่อยๆ ปรับลดขนาดยา หากรับประทานยามามากกว่า 1 สัปดาห์ หากรับประทานยา Venlafaxine มานานกว่า 6 สัปดาห์ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ในการปรับลดปริมาณยา โดยแพทย์จะให้คำแนะนำถึงขนาดยาที่ควรปรับลด รวมถึงวิธีการค่อยๆ ปรับลดขนาดยา หากการปรับลดขนาดยาเป็นไปอย่างเหมาะสมและค่อยเป็นค่อยไป ก็อาจช่วยป้องกันอาการถอนยาได้ แต่หากหยุดใช้ยาโดยทันที อาจมีอาการถอนยาเกิดขึ้น ได้แก่ อาการคล้ายไข้หวัด นอนไม่หลับ คลื่นไส้ หงุดหงิด และวิงเวียนศีรษะ
ในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานยาปริมาณสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดอาการถอนยาได้ แม้จะค่อย ๆ ปรับลดขนาดยาแล้วก็ตาม และหลังจากหยุดใช้ยา Venlafaxine อาการของโรคอาจกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งได้
คำถาม 20: Venlafaxine ทำให้ลำไส้อุดตันได้หรือไม่
คำตอบ: การเกิดภาวะลำไส้อุดตันเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยมากในผู้ป่วยที่รับประทานยาชนิดนี้ ซึ่งข้อมูลที่มีก็ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าอาการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับยาหรือไม่
คำถาม 21: ฉันรับประทานยา Venlafaxine มาเป็นเวลามากกว่า 5 ปี ยานี้สามารถใช้ในระยะยาวได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ และตอนนี้ฉันรับประทานยาพรีกาบาลิน (Pregabalin) และยาเซเลโคซิบ (Celecoxib) อยู่ด้วย ยาเหล่านี้สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
คำตอบ: Pregabalin เป็นยากันชักที่ช่วยลดการกระตุ้นในสมองซึ่งเป็นสาเหตุของอาการชัก ตัวยาออกฤทธิ์ต่อสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณเกี่ยวกับอาการปวดผ่านระบบเส้นประสาท ยานี้มีข้อบ่งใช้ในการป้องกันการชัก รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ อาการปวดเนื่องจากเส้นประสาทถูกทำลายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาการปวดจากโรคงูสวัด รวมทั้งนำมาใช้ในการรักษาโรคขาอยู่ไม่สุขด้วย อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้บ่อยจากการใช้ยา Pregabalin คล้ายคลึงกับอาการจาก Venlafaxine ได้แก่ วิงเวียนศีรษะ ง่วงซึม สูญเสียการทรงตัว กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ปัญหาด้านความจำหรือสมาธิ ปากคอแห้ง ท้องผูก ปวดท้อง และอยากอาหารมากขึ้น
Celecoxib เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ออกฤทธิ์โดยลดระดับฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของการอักเสบและอาการปวดในร่างกาย ยานี้ใช้ในการรักษาอาการปวดและอักเสบอันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ ข้ออักเสบ โรคข้อสันหลังอักเสบชนิดยึดติด และอาการปวดประจำเดือน ทั้งยังสามารถใช้ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยา Celecoxib ได้แก่ ระคายเคืองกระเพาะอาหาร จุกเสียดแน่นเล็กน้อย ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร วิงเวียนศีรษะ กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ ผื่นผิวหนัง คัน มองเห็นไม่ชัดเจนและมีเสียงในหู
การใช้ยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS) อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ เสี่ยงโรคหัวใจกำเริบ เส้นเลือดสมองตีบ และมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร ความเสี่ยงของโรคหัวใจกำเริบหรือเส้นเลือดสมองตีบจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยาในกลุ่มนี้เป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตาม การมีเลือดออกในทางเดินอาหารสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ใช้ยากลุ่มนี้ สังเกตได้จากอาการ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำหรือมีเลือดปน ไอมีเลือดปน หรืออาเจียนออกมาคล้ายสีกาแฟ หากคุณมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์
การใช้ยาเหล่านี้ร่วมกันสามารถเกิดปฏิกิริยาที่ต้องระวัง 2 ประการ อย่างแรก อาการข้างเคียงที่คล้ายคลึงกันนั้นอาจทำให้อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นรุนแรงขึ้น เช่น อาการวิงเวียนศีรษะและง่วงซึม อย่างที่สอง การเกิดอันตรกิริยาระหว่าง Venlafaxine และ Celecoxib โดย Venlafaxine สามารถเพิ่มความเสี่ยงให้มีเลือดออกง่ายกว่าปกติ เมื่อใช้ร่วมกับ Celebrex ดังนั้น ควรเฝ้าระวังอาการที่อาจบ่งบอกถึงภาวะเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน เกิดจ้ำเลือดผิดปกติหรือเกิดจ้ำเลือดง่าย แผลหายช้า และปัสสาวะหรืออุจจาระมีสีคล้ำ หากคุณพบปัญหาเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์โดยทันที
คำถาม 22: ฉันมีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันคอเลสเตอรอลสูง โรควิตกกังวลไปทั่ว โรคบุคลิกภาพผิดปกติ และโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ทำให้ต้องรับประทานยาหลายชนิดเพื่อรักษาโรคประจำตัวเหล่านี้ แต่ไม่มีเงินพอที่จะซื้อยา Effexor XR ขนาด 300 mg ได้อีก จึงหยุดใช้ยาทันที หลังจากหยุดยามาเป็นระยะเวลา 5 วัน ฉันรู้สึกหนาวหนาวๆ ร้อนๆ คลื่นไส้ พะอืดพะอม และรู้สึกแปลกๆ คล้ายกับตอนที่เริ่มต้นรับประทานยา วิงเวียนศีรษะแม้จะยังอยู่ในท่านั่งก็ตาม อาการดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน และฉันยังรู้สึกแปลกๆ บริเวณผิวหนังด้วยเช่นกัน ฉันควรทำอย่างไรกับอาการที่เกิดขึ้น
คำตอบ: แพทย์ไม่แนะนำให้หยุดรับประทานยา Venlafaxine โดยทันที เนื่องจากอาจเสี่ยงต่ออาการถอนยาที่รุนแรง ได้แก่ อาการอยู่นิ่งไม่ได้ เบื่ออาหาร วิตกกังวล รู้สึกสับสน อาการคล้ายไข้หวัด วิงเวียนศีรษะ รู้สึกเหนื่อยง่าย ปากคอแห้ง อารมณ์เปลี่ยนแปลง การรับรู้ความรู้สึกผิดปกติ เช่น รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต เหงื่อออกมากขึ้น และอาการสั่น ซึ่งอาจมีอาการอื่นๆ นอกเหนือจากนี้เกิดขึ้นได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้ หรือเกิดขึ้นไม่รุนแรง ควรปรับลดขนาดยาลงเป็นระยะ ๆ หรือค่อย ๆ ปรับลดลงทีละน้อย โดยใช้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ทั้งนี้ ไม่ควรหยุดใช้ยาหรือปรับเปลี่ยนขนาดยา Venlafaxine ที่คุณรับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้าน เพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายการรักษา โดยแพทย์อาจจัดหาตัวยาที่ราคาถูกกว่ายาต้นแบบ
คำถาม 23: ฉันรับประทาน Venlafaxine 150 mg มาเป็นเวลาหลายปีและตอนนี้เกิดผื่นบริเวณผิวหนัง หลังจากการทดสอบปรากฏว่าเป็นผื่นแพ้ยา ดังนั้นแพทย์จึงพิจารณาหยุดใช้ยา โดยค่อยๆ ปรับลดปริมาณยาในช่วง 3 สัปดาห์ ให้รับประทานปริมาณ 75 มิลลิกรัม และ 3 สัปดาห์ต่อมารับประทานยาปริมาณ 37.5 mg หลังจากนั้นแพทย์จึงให้หยุดยาได้ ในสัปดาห์ต่อมาหลังหยุดยาฉันมีอาการวิงเวียนศีรษะ อาการเช่นนี้ผิดปกติหรือไม่
คำตอบ: อาการที่เกิดขึ้นจากภาวะถอนยามีมากมาย โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวกับสารสื่อประสาทต่างๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน และอาจต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้สมองปรับตัวในสภาวะที่ปราศจากยา บ่อยครั้งที่แพทย์จะใช้วิธีค่อยๆ เพิ่มยาชนิดอื่นในผู้ป่วย เช่น ยา Bupropion ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ปรับลดยาที่มีความแรง เช่น Venlafaxine ลง ฉันไม่ทราบแน่ชัดถึงแผนการรักษาของแพทย์คุณ อย่างไรก็ตาม หากอาการวิงเวียนศีรษะยังคงเกิดขึ้นติดต่อกันหลายสัปดาห์ แนะนำให้คุณแจ้งข้อมูลดังกล่าวแก่แพทย์ และไม่ควรทำงานเกี่ยวกับยานพาหนะหรือเครื่องจักรกลที่เสี่ยงอันตราย จนกว่าอาการจะบรรเทาลง
คำถาม 24: ฉันมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน เรอเปรี้ยว ปวดเมื่อยตามร่างกาย และรู้สึกไม่อยากตื่นในตอนเช้า อาการเหล่านี้เป็นอาการข้างเคียงจากการใช้ยา Venlafaxine หรือไม่
คำตอบ: Venlafaxine ทำให้เกิดความผิดปกติในทางเดินอาหารได้ หากคุณยังมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่แสดงถึงภาวะตับมีความผิดปกติในการกำจัดยา
คำถาม 25: ยา Venlafaxine ทำให้มีอาการหลงผิดได้หรือไม่
คำตอบ: ยานี้อาจทำให้เกิดภาวะเซโทนินซินโดรม (Serotonin syndrome) โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นที่มีผลเพิ่มระดับเซโรโทนินในสมอง ภาวะเซโทนินซินโดรมเกิดขึ้นได้น้อย แต่ร้ายแรงและอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้ควรได้รับการติดตามอาการต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย หมดสติ ไม่รู้สึกตัว สับสน อารมณ์เปลี่ยนแปลง ประสาทหลอน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เหงื่อออก อาการสั่น กล้ามเนื้อแข็งเกร็งและทำงานไม่สัมพันธ์กัน รวมทั้งปวดเกร็งท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย หากมีอาการเหล่านี้คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที
คำถาม 26: ฉันรับประทานยา Venlafaxine มาเป็นระยะเวลา 45 วัน เพื่อรักษาอาการวิตกกังวล แต่ในตอนนี้ฉันรับประทานยารักษาโรคหัวใจหลายชนิด การใช้ยาทั้งสองชนิดนี้ร่วมกันจะปลอดภัยหรือไม่
คำตอบ: คุณสามารถรับประทานยา Venlafaxine ร่วมกับยารักษาโรคหัวใจส่วนใหญ่ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย คุณควรไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ หากจำเป็นต้องปรับปริมาณยาเพิ่มขึ้นหรือลดลงจนกว่าจะถึงระดับปริมาณยาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
คำถาม 27: Effexor เหมือนกับยา Venlafaxine หรือไม่
คำตอบ: Venlafaxine เป็นชื่อยาในส่วนประกอบของ Effexor และยา Effexor ที่ผลิตและวางจำหน่ายในชื่อการค้าทั่วไปก็เรียกว่า Venlafaxine ยาสองตัวนี้ควรจะให้ผลเช่นเดียวกัน เนื่องจากประกอบด้วยตัวยาสำคัญเดียวกัน โดยองค์การอาหารและยากำหนดให้ยาในชื่อการค้าทั่วไปมีค่าชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ และต้องผ่านการทดสอบประเมินผล เพื่อแสดงถึงความปลอดภัย และประสิทธิภาพของยาชื่อการค้าทั่วไป เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ยาต้นแบบ หากคุณรู้สึกว่ายาชื่อการค้าทั่วไปไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาต้นแบบ คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษา เพื่อประเมินการรักษาด้วยยาต้นแบบ แทนการใช้ยาชื่อการค้าทั่วไป
คำถาม 28: การใช้ยา Venlafaxine ทำให้อาการตัวสั่นแย่ลงหรือไม่ และควรรักษาอาการดังกล่าวอย่างไร
คำตอบ: จากข้อมูลรายละเอียดยาของ Venlafaxine ระบุว่าจากการศึกษาทางคลินิก มีรายงานผู้ป่วยประมาณ 10% ที่รับประทานยาแล้วเกิดอาการตัวสั่น ซึ่งถือเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย คุณควรปรึกษาแพทย์หากคุณมีอาการตัวสั่นเกิดขึ้น หรืออาการตัวสั่นแย่ลงจากการใช้ยา Venlafaxine เนื่องจากอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนชนิดยา แพทย์ผู้รักษาของคุณจะสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดกับคุณได้
คำถาม 29: ยานี้สามารถลดอาการปวดได้หรือไม่
คำตอบ: ข้อบ่งใช้ที่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในฉลากยา ได้แก่ รักษาอาการปวดปลายประสาท อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอาการปวดศีรษะไมเกรน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนที่ระบุการออกฤทธิ์ของ Venlafaxine ในการรักษาอาการปวดปลายประสาท คาดว่ายาอาจช่วยยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทระหว่างไขสันหลังและสมอง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับอาการปวดปลายประสาท จึงช่วยลดอาการปวดได้ อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยา Venlafaxine ได้แก่ ท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปากคอแห้ง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ กระสับกระส่าย มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ ง่วงนอน เหงื่อออก และอ่อนเพลีย
คำถาม 30: Venlafaxine ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือด หรือน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้หรือไม่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะก่อนเกิดโรคเบาหวาน เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาฉันจึงเริ่มควบคุมอาหารตามคำสั่งแพทย์ โดยลดปริมาณการรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ปรากฏว่าน้ำหนักตัวลดลง 11 กิโลกรัม แต่ระดับน้ำตาลในเลือดก็ยังคงเพิ่มสูงอยู่
คำตอบ: มีรายงานพบว่า Venlafaxine เป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ ส่วนภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นก็พบได้เช่นกัน แต่เกิดขึ้นไม่บ่อย เพียง 0.1- 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ใช้ยานี้เท่านั้น หากคุณมีภาวะน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวินิจฉัยภาวะโรคร่วม และเพื่อประเมินหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณต่อไป