fMRI ย่อมาจาก Functional magnetic resonance imaging คือการทำ MRI (Magnetic resonance imaging – การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก) รูปแบบหนึ่งที่สามารถตรวจการทำงานของสมองโดยอาศัยความเปลี่ยนแปลงของอัตราการไหลของเลือด
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เมื่อสมองมีการทำงานมากขึ้น จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีปริมาณเลือดมาเลี้ยงที่บริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้น fMRI จึงสามารถบอกถึงบริเวณที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง เช่นการคิด พูด หรือเคลื่อนไหวได้ ซึ่งสามารถช่วยแพทย์ในการติดตามผลของการเกิดโรคเส้นเลือดในสมอง อุบัติเหตุ เนื้องอกในสมอง หรือโรคต่าง ๆ เช่น อัลไซเมอร์ได้ และยังช่วยในการวางแผนการฉายรังสี การผ่าตัด หรือการรักษาเกี่ยวกับสมองอีกด้วย
เทคโนโลยีนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1990 โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Seiji Ogawa และ Ken Kwong
วิธีการทำ fMRI
ในการทำ fMRI จะเป็นการใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ (ประมาณขนาดของรถบรรทุก) ซึ่งจะใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุในการสร้างภาพของอวัยวะและโครงสร้างต่าง ๆ ของร่างกายเช่นเดียวกับการทำ MRI ปกติแล้วจะใช้เวลาในการทำประมาณ 1 ชั่วโมง
ก่อนการทำ fMRI คุณอาจต้องฉีดสารทึบรังสีผ่านทางเส้นเลือดดำที่แขนหรือขาเพื่อช่วยทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น คุณอาจได้รับยาสลบก่อนการทำ fMRI หากคุณมีภาวะวิตกกังวลหรือกลัวที่แคบ โดยคุณจะนอนอยู่บนโต๊ะที่สามารถเลื่อนได้ โดยศีรษะจะวางอยู่ในอุปกรณ์ที่จะทำให้คุณไม่สามารถขยับได้ และอาจต้องใส่แว่นตาพิเศษ หรือหูฟัง หลังจากนั้นนักเทคนิกการแพทย์หรือรังสีแพทย์จะทำการเลื่อนตัวคุณเข้าสู่สนามไฟฟ้าของเครื่อง MRI แพทย์จะควบคุมการฉายภาพของเครื่องจากคอมพิวเตอร์นอกห้อง
โดยพวกเขาจะมองเห็น ได้ยินและสามารถพูดคุยกับคุณผ่านทางวิทยุสื่อสารระหว่างห้อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องนอนเฉย ๆ ตลอดการทำ fMRI และบางครั้งคุณอาจจะต้องมีการกลั้นหายใจในช่วงเวลาหนึ่งขณะทำ
โดยปกติแล้วการทำ fMRI ไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่อาจรู้สึกไม่สบายตัวจากการต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ ได้ และสายให้สารทึบรังสีจะถูกนำออกเมื่อทำ fMRI เสร็จ
ก่อนการทำ fMRI
ก่อนการทำ fMRI คุณควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพส่วนตัวที่รุนแรง เช่น โรคไตวาย รวมถึงประวัติการผ่าตัดก่อนหน้า และโอกาสในการตั้งครรภ์ขณะเข้ารับการทำ fMRI และคุณจำเป็นต้องถอดเครื่องประดับและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นเหล็กออกทั้งหมดก่อนการทำ fMRI และแจ้งแพทย์หรือรังสีแพทย์ก่อนการทำหากคุณมีเหล็ก หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ในร่างกาย
หลังการทำ fMRI
คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีหลังการทำ fMRI ยกเว้นแพทย์แจ้ง ซึ่งในบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีผลข้างเคียงจากการฉีดสารทึบรังสี เช่น คลื่นไส้ ปวด หรืออาการแพ้ได้ หากมีอาการผิดปกติควรรีบแจ้งแพทย์ทันที