โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis) คือ โรคข้ออักเสบเรื้อรังหลายข้อชนิดหนึ่ง ที่มักเกิดร่วมกับโรคผิวหนังสะเก็ดเงิน ผู้ป่วยส่วนมากมักอยู่ในช่วงอายุ 30 - 50 ปี พบในเพศชายเท่ากับเพศหญิง
โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินยังเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองชนิดหนึ่ง ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะจู่โจมเข้าทำลายข้อต่อ นำไปสู่การอักเสบ และทำให้เจ็บปวดได้
ตรวจกระดูกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 534 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ปัจจัยเสี่ยงโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินข้ออักเสบ เป็นโรคที่ยังไม่ทราบที่มาแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคได้ เช่น
- เป็นโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) ผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคสะเก็ดเงินข้ออักเสบมากกว่าถึงประมาณ 15% ของคนทั่วไป
- พันธุกรรม 40% ของผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินข้ออักเสบจะมีพ่อแม่หรือผู้ใกล้ชิดทางสายเลือดป่วยเป็นโรคนี้มาก่อน
- การติดเชื้อ โรคสะเก็ดเงินข้ออักเสบอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะเริ่มมาจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- อายุ กลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงสูง คือ คนที่มีอายุในช่วง 30 - 50 ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดข้ออักเสบอาจเริ่มเป็นโรคนี้ตั้งแต่เด็กๆ
อาการของโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินข้ออักเสบเป็นโรคเรื้อรังที่มีระยะโรคสงบ และระยะโรคกำเริบที่จะแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
อาการที่พบได้บ่อยของโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงินประกอบด้วย
- ข้อบวมและปวด อาจรู้สึกร้อนผิวเมื่อสัมผัส โดยอาจเกิดขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย หรือทั้ง 2 ด้านก็ได้ และอาจจะเกิดขึ้นกับข้อเดียว หรือหลายข้อก็ได้เช่นกัน เช่น ที่ข้อศอกข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้าง หรือเกิดที่ข้อศอก และเข่าก็ได้
- นิ้วเท้า และนิ้วมือบวม (Dactylitis) นิ้วของคุณอาจจะมีลักษณะบวมๆ นอกจากนั้นอาจเกิดรอยโรคที่เล็บได้ด้วยเช่นกัน อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะเริ่มมีอาการปวดข้อ
- ปวดเท้า คุณจะรู้สึกปวดในตำแหน่งที่เส้นเอ็นกล้ามเนื้อ และเอ็นกระดูกที่ยึดติดเข้ากับกระดูก โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังของส้นเท้า หรือที่ฝ่าเท้าอาการปวดนี้อาจเกิดขึ้นที่ข้อศอกได้ด้วยเช่นกัน
- ปวดหลัง อาการปวดคอ หลังส่วนล่าง หรือปวดเมื่อก้มตัวอาจเกิดจาก "ภาวะ Spondylitis (การอักเสบที่กระดูกสันหลัง)" ทำให้เกิดการอักเสบที่ข้อระหว่างกระดูกสันหลังของคุณ
อาการปวดหลังมักจะเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง และมีช่วงเวลาที่โรคจะกำเริบกับช่วงเวลาที่โรคสงบ ส่วนมากแล้ว อาการของโรคจะค่อยๆ เป็นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
การวินิจฉัยโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน
ไม่มีการทดสอบใดที่สามารถนำมาใช้ช่วยวินิจฉัยโรคนี้ได้ ดังนั้นแพทย์จึงมักทำการตรวจร่างกายของคุณร่วมกับการส่งตรวจเพื่อตัดโรคอื่นที่อาจทำให้มีอาการแบบเดียวกันได้
ระหว่างการตรวจ แพทย์จะทำการมองตรวจข้อที่บวม และปวด ตรวจดูเล็บว่ามีความผิดปกติหรือไม่ และกดที่เท้าของคุณเพื่อหาจุดกดเจ็บ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
- ตรวจเลือดสำหรับโรคข้ออักเสบชนิดรูห์มาตอยด์ เนื่องจากโรคนี้อาจมีอาการเหมือนกับโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงินได้ แพทย์อาจส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ด้วย เช่น
ตรวจอัตราการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง (Erythrocyte Sedimenation Rate: ESR) การตรวจหาระดับ C-reactive protein (CRP) และ ตรวจหาแอนติบอดี Anti-cyclic citrullinated peptide (anti-CCP)
หากผลการตรวจเหล่านี้ได้ผลบวก อาการปวดข้อดังกล่าวอาจเป็นอาการของโรคข้ออักเสบชนิดรูห์มาตอยด์ และไม่ได้เกิดจากโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงิน - การตรวจน้ำไขข้อ การมีผลึกของกรดยูริกภายในน้ำไขข้อนั้นพบในโรคเกาท์ได้บ่อยกว่าโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงิน ดังนั้นหากตรวจพบผลึกดังกล่าวแสดงว่า คุณน่าจะเป็นโรคเกาท์มากกว่า
- เอกซเรย์ การตรวจเอกซเรย์สามารถช่วยระบุความเปลี่ยนแปลงของข้อซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงินได้
- การตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) การตรวจนี้สามารถระบุความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ และเอ็นยึดกระดูกที่เท้า หรือหลังส่วนล่างได้
- การส่งตรวจตัวอย่างผิวหนัง แพทย์อาจทำการตัดชิ้นส่วนของผิวหนังเพื่อนำไปตรวจหาโรคสะเก็ดเงิน
การรักษาโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน
การใช้ยา การผ่าตัด และการเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตสามารถช่วยลดอาการปวดจากโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงินได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โรคนี้เป็นโรคที่ไม่มีวิธีรักษาแต่มีหลายวิธีที่สามารถช่วยลดอาการปวด และอาการอื่นๆ ของโรคนี้ นักวิจัยได้เสนอว่าการเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกสามารถช่วยลดการดำเนินของโรคได้ ดังนั้นขึงควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ยาสำหรับรักษาโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงิน
1. กลุ่มยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal Anti-inflammatory drugs: NSAIDs) ยากลุ่ม NSAIDs ที่สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาเช่น Aleve (Naproxen) และ Ibuprofen (Advil, Motrin)
โดยยากลุ่มนี้สามารถช่วยลดอาการปวด และการอักเสบที่เกิดจากโรคนี้ได้ แต่อาจมีผลข้างเคียงตามมาระหว่างใช้ยา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เช่น ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และอาจทำลายตับหรือไตได้
2. Disease-Modifying Antirheumatic drugs (DMARDs) : ยากลุ่มนี้ทำงานโดยการป้องกันการดำเนินของโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงิน และยังป้องกันการทำลายข้อ และเนื้อเยื่ออื่นๆ อย่างถาวรอีกด้วย
ยาในกลุ่มนี้ประกอบด้วย
- Arava (Leflunomide)
- Azulfidine (Sulfasalalzine)
- Trexall (Methotrexate)
อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้ คือ อาจทำลายตับ กดการทำงานของไขกระดูก และเกิดการติดเชื้อที่ปอดอย่างรุนแรงได้
3. ยากดภูมิ : ยากลุ่มนี้จะช่วยกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงินมีการทำงานมากเกินไป แพทย์อาจสั่งจ่ายยา Azathioprine (Imuran, Azasan) หรือ Cyclosporine (Gengraf, Neoral, Sandimmune) ให้
อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้มีผลข้างเคียง คือ อาจทำให้คุณมีโอกาสในการติดเชื้ออื่นๆ เพิ่มขึ้น ดังนั้นหากอยู่ในระหว่างใช้ยาในกลุ่มนี้อยู่ควรจะต้องดูแลสุขภาพของตนเองอย่างระมัดระวัง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
4. สาร TNF-alpha inhibitors สารTumor necrosis factor-alpha (TNF-alpha) เป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบ ดังนั้นยาในกลุ่มนี้จึงสามารถช่วยลดอาการปวดและข้อติดในตอนเช้าได้ และยังลดอาการปวดหรือบวมของข้ออีกด้วย ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ประกอบด้วย
- Cimzia (Certolizumab)
- Embrel (Etanercept)
- Humira (Adalimumab)
- Remicade (Infliximab)
- Simponi (Golimumab)
ผลข้างเคียงของยาอาจประกอบด้วย อาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ผมร่วง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้
5. การฉีดสเตียรอยด์ การฉีดสเตียรอยด์เข้าไปยังข้อที่มีอาการนั้นสามารถลดอาการอักเสบ และอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อ
หากข้อมีการถูกทำลายจากโรคนี้อย่างรุนแรงและส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการใช้ชีวิตของคุณ คุณอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนใส่ข้อเทียม
การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต
นอกเหนือจากการใช้ยาแล้วนั้น การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตยังอาจช่วยลดอาการของโรคได้
- คงน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม : การที่มีน้ำหนักมากเกินไปหรืออ้วนนั้นจะทำให้เพิ่มแรงดันและความเครียดไปที่ข้อมากขึ้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายสามารถช่วยให้ข้อของคุณแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ การเดิน, ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำอาจให้ผลดีต่อข้อของคุณโดยไม่เพิ่มแรงดันต่อข้อ การเล่นโยคะก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
- ป้องกันข้อ : ไม่ควรใช้งานข้อมากเกินไป เช่น ไม่ควรหิ้วถุงจ่ายตลาดด้วยนิ้วเพียงไม่กี่นิ้ว แต่ควรใช้ทั้งมือในการหิ้ว อย่าเปิดประตูโดยการใช้มือดัน แต่ให้ใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดช่วยดันเป็นต้น
- อย่าฝืนร่างกายมากเกินไป : นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ชวนหงุดหงิด แต่โรคนี้มักจะมาพร้อมกับช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นควรหยุดการใช้พลังงานอย่างเต็มที่ตลอดเวลา แต่ให้แบ่งการทำงานออกเป็นส่วนๆ ทีละ 10-15 นาทีแทน
- ประคบร้อนหรือประคบเย็น : การประคบร้อนและเย็นสามารถช่วยลดอาการปวดได้เมื่อเริ่มมีอาการปวดข้อ
ภาวะแทรกซ้อนของโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน
โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน มักมีผลข้างเคียงที่ทำให้โลหิตจาง เมื่อยล้า และซึมเศร้า นอกจากนี้ ยังอาจมีความดันโลหิตสูง และคอเลสเตอรอลสูง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนัก
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงยิ่งขึ้นของโรคสะเก็ดเงินข้ออักเสบ คือ การทำลายกระดูกนิ้วมือ และมือ และยังทำให้พิการถาวรด้วย แต่ก็มีผู้ป่วยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงนี้ในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจรักษา ผ่าตัดกระดูก และข้อ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
โรคสะเก็ดเงินที่เล็บรักษาไม่หายจริงหรอค่ะ