March 01, 2017 17:55
ตอบโดย
ชัยวัฒน์ จิรานันท์สกุล (หมอเปี๊ยก) (นพ.)
โรคเรื้อนกวาง หรือ โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคไม่ติดต่อ
การรักษา
การรักษาโรคสะเก็ดเงิน แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน โดยจะรักษาตามขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นที่ 1 เมื่อไม่ได้ผลจึงไปขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3
ขั้นที่ 1 การใช้ยา
ยาที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน นิยมใช้ยาต่าง ๆ ดังนี้
ยาทาสเตียรอยด์
เป็นยาที่นิยมใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน มากที่สุด มีหลายรูปแบบ การใช้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็น เช่น หากผู้ป่วยมีผื่นหนาที่แขน ขา มือเท้า ให้ใช้ยาในรูปขี้ผึ้ง หากมีผื่นบางที่ใบหน้า ข้อพับ ไม่ควรใช้ยาขี้ผึ้ง เพราะฤทธิ์แรงเกินไป แต่หากมีผื่นหนาที่ศีรษะให้ใช้ยาในรูปแบบครีมเหลว หรือครีมน้ำนม แต่หากผื่นบนศีรษะบางให้ใช้ยาน้ำ เพื่อให้ซึมเข้าสู่ศีรษะได้ดีกว่า ส่วนยาประเภททานและฉีด ห้ามใช้กับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน เพราะอาจเกิดตุ่มหนอง ผื่นทั่วตัว รุนแรงกว่าเดิม
ข้อดีของยาทาสเตียรอยด์ หาซื้อได้ง่าย ผื่นยุบเร็ว แต่ข้อเสียคือ หากใช้นานอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยาได้ และหากหยุดยา อาจกลับมาเป็นผื่นได้ใหม่ และรุนแรงขึ้น นอกจากนี้หากยามีฤทธิ์แรงจะทำให้ต่อมหมวกไตมีปัญหา และส่งผลต่ออวัยวะอื่น ๆ
ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน ดี 3 (Calcipotriene)
เป็นยารูปแบบวิตามินดี ลักษณะเป็นครีม ราคาค่อนข้างแพง เหมาะกับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ที่เป็นน้อยจนถึงปานกลาง แต่ไม่ควรใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น และไม่ควรใช้มาก เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคืองได้ จึงไม่ควรใช้บริเวณใบหน้า ข้อพับ อวัยวะเพศ
ยากลุ่มน้ำมันดิน
เป็นสารเคมีกลุ่มไฮโดรคาร์บอนที่ได้มาจากธรรมชาติ ผู้ที่เป็นผื่นที่หนังศีรษะ สามารถใช้ แชมพูผสมน้ำมันดิน (Tar Shampoo) ช่วยรักษา โรคสะเก็ดเงิน ได้ ส่วนครีมผสมน้ำมันดิน ก็ใช้รักษาผื่นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าได้ดี ข้อดี คือ โอกาสที่ผื่น และผิวหนังอักเสบจะกลับมาเป็นใหม่ เป็นได้ช้ากว่าใช้ยาสเตียรอยด์ แต่ข้อเสียคือ หาซื้อยาก ต้องซื้อตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ และยังมีสีและกลิ่นที่ไม่น่าใช้ ยาออกฤทธิ์ช้าไม่ทันใจ
ยาทากลุ่มเรตินอล วิตามินเอ
ทำเป็นยาเจลทาวันละครั้ง ใช้ได้ดีกับโรคสะเก็ดเงิน ที่หนังศีรษะและเล็บ โดยมักใช้ร่วมกับยาสเตียรอยด์
แอนทราลีน (Anthralin)
เป็นยาที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน มานานและนิยมใช้มากที่สุด หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงจะใช้รักษาร่วมกับรังสี UV ข้อจำกัดมีเพียงแค่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง และทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทามีสีคล้ำขึ้น นอกจากนี้ไม่ควรใช้กับผื่นแดงและมีน้ำเหลือง เพราะอาจทำให้โรคกำเริบมากขึ้น และไม่ควรใช้กับผื่นบริเวณหน้า คอ ข้อพับ ขาหนีบ อวัยวะเพศ เพราะจะระคายเคืองได้ง่าย
Salicylic Acid
เป็นยาใช้ละลายขุย ทำให้ผิวหนังนุ่ม ลอกขุยออกได้ง่าย เพราะมีส่วนผสมของกรด อยู่ในรูปครีม หรือขี้ผึ้ง เหมาะใช้กับผื่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า แต่ไม่ควรใช้กับข้อพับ และเด็ก เพราะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
ขั้นที่ 2 การใช้แสงรักษา Phototherpy
Ultraviolet Light B
เป็นการรักษาโดยใช้รังสีอัลตราไวโอเล็ตบี ใช้ได้ดีกับคนที่เป็นมาก โดยมีผลข้างเคียงน้อย คือ จะมีอาการคันและอาการแดงหรือไหม้ของผิวหนัง แต่มีข้อจำกัดคือ ผู้ป่วยต้องมารักษาที่โรงพยาบาล 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2-3 เดือนติดต่อกัน จากนั้นให้ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
PUVA
เป็นการรักษาโรคสะเก็ดเงิน โดยใช้แสงอัลตราไวโอเล็ตเอ หรือ PUVA ร่วมกับการใช้ยา psoralen โดยให้ผลดีถึงร้อยละ 75 แต่มีผลข้างเคียงมาก คืออาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นควรใช้ในผู้ที่มีอาการรุนแรง และผู้ป่วยจะต้องได้รับการฉายแสง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รักษาประมาณ 20-30 ครั้ง ให้รักษาต่อไปอีก 2-3 เดือน จะลดโอกาสการเกิดซ้ำได้ใหม่
ขั้นที่ 3 การให้ยารับประทาน
ยาที่นิยมใช้ ได้แก่
เมโธเทร็กเซท (Methotrexate)
มักนิยมใช้กับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ที่เป็นรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่นโดยใช้การรับประทานและฉีดอาทิตย์ละครั้ง เพราะมีผลข้างเคียงสูง คือ อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร รวมทั้งอาจทำให้เกิดตับอักเสบ และตับแข็ง ดังนั้นการใช้ยานี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ และผู้ป่วยต้องตรวจเลือดก่อนการรักษา และหลังการรักษาทุก ๆ 3-4 เดือน
นอกจากนี้ ยาประเภทนี้ยังใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยบางประเภท เช่น หญิงตั้งครรภ์, ผู้ป่วยโรคตับหรือไต, ผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ, ผู้ที่ดื่มเหล้ามาก, ผู้ที่ติดเชื้อระยะรุนแรง เป็นต้น
Oral Retinoids
เป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินรุนแรง โดยต้องใช้ร่วมกับ UVB และ PUVA ผลข้างเคียงของการใช้ยาคือ ผิวจะแห้ง ลอกเป็นขุย ผมร่วง ทำให้ไขมันในเลือดสูง และตับอักเสบ หากหยุดการรักษาในระยะต้น ๆ จะกลับเป็นปกติได้ หากใช้ยาเกิน 1 ปี อาจทำให้เกิดกระดูกงอกได้
ข้อควรระวังคือ ยานี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ เพราะอาจทำให้ทารกพิการ และผู้ใช้ยาห้ามตั้งครรภ์อย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากยาสามารถอยู่ในเลือดได้นานถึง 2 ปี และไม่ควรได้รับวิตามินเสริม โดยเฉพาะวิตามินเออีก
ไซโคสปอริน (Cyclosporine)
เป็นยากดภูมิคุ้มกันที่ใช้กับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินรุนแรง ผลข้างเคียงคือ อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เป็นพิษต่อไตได้ ถ้าหยุดยาในระยะต้น ๆ อาจจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ไม่ควรใช้กับผู้ที่ไตพิการ มีโรคความดันโลหิตสูง เคยเป็นมะเร็งมาก่อน หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่มีความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
การเลือกใช้ยา ตามตำแหน่งที่เกิดโรค
ศีรษะ
กรณีที่ขุยบนศีรษะไม่หนามาก ให้สระผมด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดินร้อยละ 2-8 (Tar shampoo) หาขุยหนา ให้ใช้น้ำมันมะกอก หรือขี้ผึ้งผสม 1-3% Salicylic acid นวดหนังศีรษะทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้หนังศีรษะนุ่มลงก่อน แล้วจึงสระผมด้วยน้ำอุ่นและแชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน นวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างน้ำออก ใช้หวีซี่ถี่ ๆ ค่อย ๆ ขูดสะเก็ดบนหนังศีรษะออก อย่าขูดแรง เพราะอาจทำให้ สะเก็ดเงิน ขึ้นมาใหม่ และเมื่อผื่น หรือสะเก็ดเงินหายแล้ว ให้สระผมด้วยแชมพูยาสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินดี (Calcipotriol) นวดศีรษะ เพื่อลดการอักเสบได้
เล็บ
การรักษาสะเก็ดเงินที่เล็บ ทำได้โดยการใช้ยาทาสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยาแรง ดังนั้นจึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ และยังสามารถใช้ยาทากลุ่มวิตามินดี ทาร่วมกันได้ โดยผู้ที่มีขุยที่เล็บ ต้องทำให้ขุยลอกหลุดเสียก่อน ด้วยการใช้ 10-20 % Salicylic acid ในรูปครีมหรือขี้ผึ้งทาทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วขูดสะเก็ดออกแล้วจึงทายาสเตรียอยด์หรือ Calcipotriol ointment
ใบหน้า
นิยมใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดอ่อน ๆ รักษา เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าที่บอบบาง และไม่ควรใช้ในระยะเวลานาน
วิธีควบคุมโรคสะเก็ดเงิน ไม่ให้กลับมาเป็นอีก
1. หลีกเลี่ยงหรือกำจัดปัจจัยที่กระตุ้นหรือสนับสนุนให้โรคกำเริบ
2. สวมเสื้อผ้าปกปิดผิวหนัง เพื่อไม่ให้ผิวหนังถูกกระทบกระแทก แกะเกา หรือสัมผัสสารที่ระคายเคืองต่อผิวหนัง
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารให้ครบหมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
4. เลิกสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
5. ผู้ใกล้ชิดต้องประคับประคองจิตใจผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยใจสงบ
6. ผู้ป่วยต้องทานยา และปฏิบัติตัวตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ชยากร พงษ์พยัคเลิศ (นพ.)
สาเหตปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัด ทราบแต่ว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น พันธุกรรม ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันและปัจจัยกระตุ้นภายนอกทำให้มีการแบ่งตัวของเซล์ผิวหนังผิดปกติ โรคสะเก็ดเงินพบได้ทั้งเพศชายและหญิงพบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
โรคเรื้อนกวางเป็นโรคติดต่อมั้ยค่ะแล้วควรรักษายังไงค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)