โรคสะเก็ดเงิน เป็นภาวะผิวหนังที่ทำให้เกิดปื้นหรือผื่นหนาหยาบสีแดง และมีสะเก็ดสีเงินปกคลุมอยู่ ซึ่งมักจะเกิดบนข้อศอก ข้อเข่า หนังศีรษะ และแผ่นหลังส่วนล่าง แต่ความเป็นจริงแล้วปื้นนี้สามารถเกิดขึ้น ณ ตำแหน่งใดของร่างกายก็ได้
โรคสะเก็ดเงินสามารถพบได้ในทุกช่วงวัย แต่พบได้มากในผู้ใหญ่อายุประมาณ 35 ปี และสามารถเกิดกับผู้ชาย และผู้หญิงเท่าๆ กัน ส่วนความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันไปตามกรณี รวมถึงประเภทของโรคสะเก็ดเงิน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ประเภทของโรคสะเก็ดเงิน
ประเภทของโรคสะเก็ดเงินสามารถแบ่งได้หลักๆ ต่อไปนี้
- โรคสะเก็ดเงินชนิดปื้นหนา เป็นโรคสะเก็ดเงินที่พบได้บ่อยที่สุด อาการ คือ เกิดแผลสีแดง และแห้งบนผิวหนังโดยมีสะเก็ดเงินปกคลุมอยู่ข้างบน
ปกติแล้วปื้นของโรคสะเก็ดเงินชนิดปื้นหนาจะเกิดขึ้นบนข้อเข่า ข้อศอก หนังศีรษะ และแผ่นหลังส่วนล่าง แต่ก็สามารถเกิดขึ้นบนส่วนใดของร่างกายก็ได้
นอกจากนี้ ยังสามารถก่อให้เกิดอาการคัน ปวด อาจทำให้ผิวหนังรอบข้อต่อแตกลาย มีเลือดออกได้ด้วย - โรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ เป็นโรคสะเก็ดเงินที่เกิดขึ้นบนหนังศีรษะบางส่วน หรือทั้งหมด ซึ่งจะมีปื้นสีแดงบนผิวหนังที่ปกคลุมด้วยสะเก็ดสีเงินหนา ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการคันรุนแรง แต่บางคนอาจไม่มีอาการใดๆ เลย หากรุนแรงอาจทำให้เกิดผมร่วงได้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
- โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ เกือบครึ่งของผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจะมีอาการเกิดขึ้นที่เล็บด้วย โดยโรคสะเก็ดเงินจะทำให้เล็บเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดเล็กๆ สีของเล็บเปลี่ยน หรืองอกผิดปกติ เล็บอาจจะคลอนและหลุดออกจากฐานเล็บได้ สำหรับกรณีรุนแรงอาจทำให้เล็บหลุดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้
- โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นเล็ก เป็นโรคสะเก็ดเงินที่มีผื่นปวดรูปหยดน้ำขนาดเล็ก (น้อยกว่า 1 เซนติเมตร) มักเกิดขึ้นที่หน้าอก แขน ขา และหนังศีรษะ ซึ่งจะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
แต่ผู้ป่วยบางรายอาจกลายไปเป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนาได้ด้วย โรคสะเก็ดเงินประเภทนี้สามารถเกิดขึ้นหลังการติดเชื้อในลำคอ และจะพบได้มากในเด็กและวัยรุ่น - โรคสะเก็ดเงินตามรอยพับ เป็นโรคสะเก็ดเงินที่เกิดขึ้นตามข้อพับหรือรอยย่นบนผิวหนัง เช่น ขาหนีบ รักแร้ ระหว่างบั้นท้าย และใต้หน้าอก โดยจะทำให้เกิดปื้นขนาดใหญ่ เรียบ และแดง ผู้ป่วยจะมีอาการทรุดลงจากผิวหนังที่แตก และจะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวอย่างมากเมื่อมีเหงื่อ
- โรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนอง เป็นภาวะสะเก็ดเงินที่พบได้ไม่บ่อย ผู้ป่วยจะมีตุ่มหนองเกิดขึ้นบนผิวหนัง ส่งผลต่อตำแหน่งต่างๆ บนร่างกาย
- โรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนองที่ส่งผลต่อระบบร่างกาย (Von Zumbusch psoriasis) จะทำให้เกิดตุ่มหนองบนผิวหนังเป็นบริเวณกว้าง และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หนองที่ออกมาจากโรคสะเก็ดเงินชิ้นนี้จะประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ไม่มีร่องรอยของการติดเชื้อใดๆ และตุ่มหนองสามารถปรากฏออกมาใหม่ได้ทุกไม่กี่วัน หรือทุกสัปดาห์ - โรคสะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า ก่อให้เกิดตุ่มหนองขึ้นบนฝ่ามือ และฝ่าเท้า ตุ่มหนองมักจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นวงกลมสีน้ำตาล จุดสะเก็ด ก่อนจะค่อยๆ หลุดออก และมีตุ่มหนองใหม่เกิดขึ้นมาใหม่ได้ทุกไม่กี่วัน หรือทุกสัปดาห์
- ภาวะตุ่มหนองตามขอบนิ้ว เป็นภาวะที่ก่อให้เกิดตุ่มหนองบนนิ้วมือ และนิ้วเท้า ซึ่งใช้เวลาไม่นานกว่าจะระเบิดออก ทิ้งให้บริเวณที่เป็นมีสีแดงสด และมีหนองขับออกมาเล็กน้อย หรือกลายเป็นสะเก็ดซึ่งอาจทำให้เล็บผิดรูปจนเจ็บปวด
- โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นแดงลอกทั่วตัว เป็นภาวะสะเก็ดเงินที่หายาก ส่งผลให้ผิวหนังทุกส่วนของร่างกายมีอาการคัน หรือแสบร้อนรุนแรง
ภาวะนี้ทำให้ร่างกายสูญเสียโปรตีน และของเหลวเร็วขึ้นจนทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ภาวะขาดน้ำ หัวใจล้มเหลว และเกิดภาวะร่างกายเย็นเกินได้
อาการของโรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินมักจะก่อให้เกิดปื้นบนผิวหนังที่แห้ง แดง และมีสะเก็ดสีเงินปกคลุมตามร่างกาย บางรายอาจมีอาการคันหรือปวดร่วมด้วย ซึ่งส่วนมากโรคสะเก็ดเงินจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนกว่าจะทุเลาและหายไป
อย่างไรก็ตาม โรคสะเก็ดเงินมีอยู่หลายประเภท โดยผู้ป่วยส่วนมากจะเป็นโรคสะเก็ดเงินประเภทใดประเภทหนึ่ง แต่ก็มีกรณีที่เป็นพร้อมกัน 2 ประเภทอยู่เช่นกัน อีกทั้งโรคสะเก็ดเงินประเภทหนึ่งก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นอีกประเภท หรือมีความรุนแรงมากขึ้นได้
สาเหตุของโรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงิน เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผิวหนังถูกผลิตออกมาทดแทนเซลล์เก่าเร็วเกินไป โดยปกติร่างกายคนเราจะผลิตเซลล์ผิวหนังใหม่ที่ผิวหนังชั้นที่ลึกที่สุด ซึ่งจะค่อยๆ ดันมาขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงผิวหนังชั้นนอกสุด
เมื่อผิวหนังตาย และหลุดออก ผิวหนังใหม่ที่อยู่ชั้นถัดไปจะเข้ามาแทนที่ ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์อยู่แล้ว แต่ผู้ป่วยโรคนี้จะมีกระบวนการทางผิวหนังทุก 3-7 วัน ทำให้เซลล์ที่ยังเติบโตไม่เต็มที่สะสมอยู่บนผิวหนังชั้นนอกอย่างรวดเร็วจนผิวหนังเกิดปื้นแดงหนา
นักวิจัยยังไม่พบสาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ผิวหนังผลิตเซลล์ใหม่จนเกิดโรคสะเก็ดเงิน แต่คาดว่าเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นความผิดปกติของหนึ่งในเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า ทีเซลล์ (T-cell)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เซลล์นี้มักจะเดินทางไปทั่วร่างกายเพื่อตรวจหาและกำจัดเชื้อโรคแปลกปลอมอย่างแบคทีเรีย
แต่ในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินนั้นทีเซลล์กลับเข้าโจมตีเซลล์ผิวหนังสุขภาพดีแทน จนทำให้ผิวหนังชั้นลึกสุดผลิตผิวหนังใหม่ออกมาเร็วกว่าปกติ ซึ่งจะยิ่งเร่งให้ร่างกายผลิตทีเซลล์ออกมาต่อสู้เพิ่มขึ้นตาม
นอกจากนี้ ปัจจัยต่อไปนี้ ก็อาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคสะเก็ดเงินขึ้นได้เช่นกัน เช่น พันธุกรรม การบาดเจ็บที่ผิวหนัง การใช้บางชนิด เช่น ยาลิเทียม ยาต้านเชื้อมาลาเรีย การติดเชื้อในลำคอ ความผิดปกติของภูมิคุ้มกันร่างกาย การสูบบุหรี่ บริโภคแอลกอฮอล์ ความเครียด
การวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงิน
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงินได้จากการสังเกตลักษณะที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของผู้ป่วย และอาจมีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อจากผิวหนังไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาประเภทของโรคสะเก็ดเงิน และแน่ใจว่าไม่ได้เป็นภาวะผิวหนังอื่น เช่น ภาวะต่อมไขมันอักเสบ โรคไลเคนพลานัส
ผู้ป่วยอาจถูกส่งไปพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหากแพทย์ไม่มั่นใจผลการวินิจฉัย หรือภาวะของคุณมีความรุนแรงเกินไป
แต่หากแพทย์สันนิษฐาน ว่าคุณเป็นภาวะสะเก็ดเงินข้ออักเสบที่ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคสะเก็ดเงิน คุณจะถูกส่งไปพบแพทย์ด้านข้อต่อ และรับการตรวจเลือดเพื่อหาร่องรอยของภาวะอื่นๆ เช่น โรคข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ รวมถึงกับการเอกซเรย์ข้อต่อบริเวณที่มีอาการ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การรักษาโรคสะเก็ดเงิน
การรักษาโรคสะเก็ดเงินจะขึ้นอยู่กับประเภท และความรุนแรงของอาการบริเวณผิวหนังที่มีอาการ โดยแพทย์อาจจะเริ่มการรักษาแบบอ่อนสุดก่อน เช่น การทาครีมภายนอก ก่อนเปลี่ยนไปใช้การรักษาที่แรงขึ้นตามความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม การหาวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดเป็นเรื่องยาก ส่วนมากแพทย์จะดำเนินการรักษาหลายวิธีผสมผสานกัน และจะมีการติดตามอาการของคุณไปตลอดการรักษา โดยการรักษาโรคสะเก็ดเงินแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ 3 ประเภท คือ
1. การรักษาโรคสะเก็ดเงินภายนอก
การรักษาโรคสะเก็ดเงินภายนอกมักเป็นการรักษาขั้นตอนแรกสุดสำหรับโรคสะเก็ดเงินที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับอ่อนไปจนถึงปานกลาง โดยเป็นการใช้ครีมกับขี้ผึ้งทาบนผิวหนังที่มีอาการ ผู้ป่วยบางคนสามารถควบคุมอาการได้ด้วยการรักษาวิธีนี้ แต่กว่าจะเห็นผลชัดเจนก็อาจใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์
หากคุณเป็นโรคสะเก็ดเงินบนหนังศีรษะ การรักษาที่ใช้จะเป็นการผสานกันของการใช้แชมพูกับขี้ผึ้ง
- สารเพิ่มความชุ่มชื้น จะช่วยลดอัตราการสูญเสียน้ำและปกป้องผิวหนังด้วยการเคลือบแผ่นฟิล์มที่ผิวหนังไว้ หากเป็นโรคสะเก็ดเงินแบบไม่รุนแรง แพทย์มักให้การรักษาด้วยสารเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นวิธีแร เพื่อช่วยลดอาการคัน และสะเก็ดลง อีกทั้งช่วยให้ยาใช้ภายนอกบางตัวทำงานดีขึ้น
- ครีม หรือขี้ผึ้งสเตียรอยด์ (คอร์ติโคสเตียรอยด์ภายนอก) เป็นยาที่นิยมใช้รักษาภาวะสะเก็ดเงินแบบอ่อนไปจนถึงปานกลางกันมากที่สุด เพื่อช่วยลดการอักเสบ ชะลอกระบวนการผลิตเซลล์ผิวหนัง และลดอาการคัน
- สารแทนวิตามินดี มักใช้ไปพร้อมกันหรือแทนครีมสเตียรอยด์สำหรับโรคสะเก็ดเงินที่ไม่รุนแรงมากที่เกิดขึ้นบนส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขนขา หรือหนังศีรษะ สารประเภทนี้จะช่วยชะลอกระบวนการผลิตเซลล์ผิวหนัง ทั้งยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบอีกด้วย
- ตัวยับยั้งคาล์ซินิวริน เช่น Tacrolimus (ทาโครลิมัส) กับ Pimecrolimus (พิเมโครลิมัส)ซึ่งเป็นขี้ผึ้งหรือครีมที่ใช้ลดกิจกรรมของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย และช่วยลดการอักเสบลง สามารถใช้กับโรคสะเก็ดเงินบนพื้นที่อ่อนไหวได้ เช่น หนังศีรษะ อวัยวะเพศ และรอยพับตามร่างกาย
- น้ำมันดิน เป็นวิธีการรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เก่าแก่ที่สุด แต่ก็มีประสิทธิผลอย่างมาก ผลของน้ำมันดินจะช่วยลดสะเก็ด ลดการอักเสบ และอาการคันสามารถใช้สารตัวนี้กับแขนขา ลำตัว หรือหนังศีรษะได้ มักใช้กับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ภายนอก
- ไดทรานอล เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคสะเก็ดเงินมากว่า 50 ปีแล้ว โดยยามีฤทธิ์กดกระบวนการผลิตเซลล์ผิวหนังได้ดีมาก และยังมีผลข้างเคียงน้อย แต่หากใช้ในความเข้มข้นสูงจะทำให้ผิวหนังไหม้ได้
2. การบำบัดด้วยแสง
เป็นการใช้แสงทั้งตามธรรมชาติ และแสงเทียมช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงิน การบำบัดด้วยแสงเทียมมักดำเนินการตามโรงพยาบาล และศูนย์เฉพาะทางต่างๆ และมักอยู่ภายใต้การกำกับโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และการรักษาเหล่านี้ไม่เหมือนกับการใช้เตียงอบผิว
หากคุณเป็นโรคสะเก็ดเงินรุนแรงที่ไม่ตอบสนองกับการรักษา แพทย์อาจเลือกใช้การรักษานี้
- การบำบัดด้วยแสง UVB การบำบัดด้วยแสงอัลตราไวโอเลต B (UVB) เป็นการใช้คลื่นแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยแสงดังกล่าวจะช่วยชะลอกระบวนการผลิตเซลล์ผิวหนัง และเป็นกระบวนการรักษาโรคสะเก็ดเงินที่มีประสิทธิภาพมาก
- รังสีอัลตราไวโอเลต การรักษานี้จะเริ่มจากการรับยาเม็ดที่ประกอบด้วยสารโซราเลนที่สามารถใช้กับผิวหนังได้ ซึ่งสารตัวนี้จะทำให้ผิวหนังอ่อนไหวต่อแสงมากขึ้น จากนั้นจะฉายแสงอัลตราไวโอเล็ต A (UVA) ไปที่ผิวหนัง ซึ่งเป็นแสงที่สามารถผ่านทะลุผิวหนังได้ลึกกว่าแสง UVB
3. การรักษาในรูปแบบทั้งระบบ
หากภาวะสะเก็ดเงินมีความรุนแรง หรือการรักษาอื่นไม่ได้ผล แพทย์อาจจัดการรักษาในรูปแบบทั้งระบบกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นการรักษากับทั้งร่างกาย
การรักษาเหล่านี้อาจมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคสะเก็ดเงินอย่างมาก แต่ก็มีผลข้างเคียงรุนแรงมากเช่นเดียวกัน โดยกระบวนการรักษาแบบทั้งระบบทั้งหมดมีทั้งประโยชน์ และความเสี่ยง
ดังนั้นก่อนเริ่มการรักษารูปแบบนี้แพทย์จะแจ้งตัวเลือกการรักษา และความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ผู้ป่วยพิจารณาทุกครั้ง การรักษาแบบทั้งระบบมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
3.1 การรักษาที่ไม่ใช่ชีวภาพ
- ยาเมโทเทรเซต สามารถใช้ควบคุมโรคสะเก็ดเงินได้ด้วยการชะลอการผลิตเซลล์ผิวหนัง และกดการอักเสบ ซึ่งมักจะใช้ยา 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ยานี้ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ และอาจส่งผลต่อกระบวนการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
การใช้ยาระยะยาวจะสร้างความเสียหายกับตับ ทำให้ผู้ที่เป็นโรคตับไม่ควรใช้ยานี้ และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ยา รวมถึงหญิงมีครรภ์ด้วย - ไซโคลสโพริน เป็นยากดภูมิคุ้มกันที่ในตอนแรกใช้เพื่อป้องกันภาวะปฏิเสธอวัยวะปลูกถ่าย แต่ก็มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยเช่นกัน และมักถูกกำหนดให้ใช้เป็นรายวัน แต่ยานี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไต และภาวะความดันโลหิตสูง
- อะซิทรีทิน เป็นสารเรทินอยด์ทางปากที่ช่วยลดกระบวนการผลิตเซลล์ผิวหนัง ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบทั้งร่างกายที่ไม่ใช่ชีวภาพ และมักใช้ยาเป็นรายวัน
ยาอะซิทรีทินมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น ริมฝีปากแห้ง และแตก ช่องจมูกแห้ง อีกในกรณีที่พบได้น้อย คือ อาจเกิดตับอักเสบขึ้นได้ และจัดเป็นยาที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ ผู้หญิงที่ใช้ยานี้ควรคุมกำเนิด และไม่ควรตั้งครรภ์ในขณะที่ต้องใช้ยา
3.2 การรักษาทางชีวภาพ
การรักษาทางชีวภาพจะช่วยลดการอักเสบด้วยการเข้าจู่โจมเซลล์ที่ทำงานมากเกินไปในระบบภูมิคุ้มกัน การรักษาเหล่านี้มักใช้ในกรณีที่คุณเป็นโรคสะเก็ดเงินรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น หรือคุณไม่สามารถรับการรักษาอื่นได้
- อีทาเนอร์เซพ เป็นยาฉีด 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถเรียนรู้ และทำได้ด้วยตนเอง แต่หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยยานี้ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ แพทย์จะแนะนำให้ยุติการรักษาทันที
ผลข้างเคียงของยานี้ คือ ขึ้นผื่นบริเวณที่ฉีดยา และส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายแรงอื่นๆ - อะดาลิมูมาบ เป็นยาฉีดที่ต้องฉีด 1 ครั้งทุก 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถเรียนรู้ และทำได้ด้วยตนเอง หากภาวะสะเก็ดเงินไม่ดีขึ้นหลังดำเนินการรักษาด้วยวิธีนี้เป็นเวลา 16 สัปดาห์ แพทย์จะยุติการรักษาทันที
ผลข้างเคียงของยาอะดาลิมูมาบมีทั้งปวดศีรษะ เกิดผื่นบนบริเวณที่ฉีดยา คลื่นไส้ รวมทั้งการติดเชื้อรุนแรง - อินฟลิซิมาบ เป็นยาหยดเข้าเส้นเลือดที่ต้องให้ที่โรงพยาบาล คุณจะได้รับการฉีดยาเข้าเส้นเลือด 3 ครั้งในช่วง 6 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็น 1 ครั้งทุก 8 สัปดาห์ หากอาการสะเก็ดเงินไม่ดีขึ้นหลังจากดำเนินการรักษา 10 สัปดาห์ แพทย์จะยุติการรักษาทันที
ผลข้างเคียงหลักของยาอินฟลิซิมาบ คือ ปวดศีรษะ และยายังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันทั่วร่างกาย ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงร้ายแรง รวมไปถึงการติดเชื้อรุนแรง - อัสทีคินูมาบ ยาอัสทีคินูมาบเป็นยาฉีดในช่วงต้นของการรักษา และฉีดอีกครั้ง 4 สัปดาห์หลังจากนั้น หลังจากนั้นจะฉีดยาประเภทนี้ทุก 12 สัปดาห์ หากภาวะสะเก็ดเงินไม่ดีขึ้นหลังดำเนินการรักษาเป็นเวลา 16 สัปดาห์ แพทย์จะยุติการรักษา
ผลข้างเคียงของยาอัสทีคินูมาบ คือ การติดเชื้อในคอ และผื่นบริเวณที่ฉีดยา ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันทั่วร่างกาย ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงรุนแรง รวมไปถึงการติดเชื้อรุนแรง
ส่วนมากแพทย์จะดำเนินการรักษาเหล่านี้ผสมกันไป และจะติดตามอาการของผู้ป่วยไปตลอดการรักษา จึงควรไปพบแพทย์ตามนัดหมายตามนัด หากรู้สึกว่าการรักษาที่ทำอยู่ไม่ได้ผล หรือประสบกับผลข้างเคียงจากการรักษาที่รุนแรงเกินรับไหว ควรปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานัด
นอกจากการรักษาด้วยยา ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินก็ควรดูแลตนเองทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตให้แข็งแรงด้วย ทั้งรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล ให้ลองพูดคุยกับคนรอบข้าง หรือปรึกษาจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการดูแลสภาพจิตใจ
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถอยู่ร่วมกับโรคสะเก็ดเงินได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมากเกินไป
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพทุกวัย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
โรคสะเก็ดเงินที่เล็บรักษาไม่หายจริงหรอค่ะ