อาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่ แม้การอาเจียนจะมาพร้อมกับความทรมานแสบจมูก เจ็บคอ แต่หลังอาเจียนเสร็จ เรามักรู้สึกปลอดโปล่งมากยิ่งขึ้นเหมือนได้ระบายออกไป นอกจากนี้การอาเจียนยังสามารถบ่งชี้ถึงความไม่ปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายได้หลายอย่าง สำหรับในบทความนี้เราจะเน้นไปที่เรื่องการอาเจียนในผู้ใหญ่
การอาเจียนคืออะไร
การอาเจียน (vomiting) เป็นกลไกของร่างกายที่ควบคุมและสั่งการด้วย "ศูนย์อาเจียน" ในสมอง กลไกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อศูนย์อาเจียนได้รับสิ่งกระตุ้นจากระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบทางเดินอาหาร อวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน (อาการเมารถ เมาเรือ) รวมทั้งศูนย์ซีทีแซด (CTZ) ศูนย์อาเจียนจะสั่งการไปกะบังลมทำให้กะบังลมเกิดการบีบตัวและส่งสัญญาณต่อไปยังกล้ามเนื้อท้องทำให้เกิดอาการเกร็งตัวพร้อมที่จะผลักดันอาหาร ยา สิ่งแปลกปลอม หรือสารปนเปื้อนต่างๆ ที่อยุ่ในกระเพาะอาหารให้ผ่านขึ้นมาทางหลอดอาหารและพุ่งออกมาทางปากนั่นเอง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุทั่วไปที่ทำให้เกิดการอาเจียนในผู้ใหญ่
โดยทั่วไป การอาเจียนในผู้ใหญ่มักไม่ใช่สัญญาณของภาวะร้ายแรงใดๆ และมักจะเกิดขึ้นเพียง 1 หรือ 2 วันเท่านั้น สาเหตุมักเกิดได้จากภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ตื่นเต้น ภาวะความผิดปกติ หรือโรคทางกาย เช่น โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (gastroenteritis) ซึ่งเป็นการติดเชื้อของกระเพาะที่มาจากแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ โรคที่เกิดจากการทำงานของต่อมไร้ท่อ เป็นสัญญาณของภาวะร้ายแรงกว่านั้นได้ เช่น ภาวะไส้ติ่งอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ความผิดปกติทางสมอง อาการข้างเคียงของโรคไมเกรน
ตัวอย่าง สาเหตุการอาเจียนในผู้ใหญ่ที่ควรกล่าวถึง
การตั้งครรภ์
สตรีมีครรภ์มักประสบกับอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ (เรียกว่า “แพ้ท้อง” หรือ “morning sickness”) ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน ส่วนมาก อาการแพ้ท้องมักจะเกิดในช่วงที่ตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก และจะหายไปเมื่อครรภ์มีอายุ 16-20 สัปดาห์
ไมเกรน
หากประสบกับอาการอาเจียนซ้ำซากพร้อมกับอาการปวดตุ้บๆ ที่ศีรษะซึ่งเกิดขึ้นยาวนานไม่กี่ชั่วโมงจนถึงหลายวันต่อครั้ง คุณอาจจะประสบกับอาการไมเกรนก็ได้ (migraines) สามารถบรรเทาไมเกรนได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไปอย่างพาราเซตตามอลและไอบูโพรเฟนได้
หูชั้นในอักเสบ
หากอาการอาเจียนเกิดขึ้นร่วมกับอาการวิงเวียนและรู้สึกหัวหมุน (vertigo) ภาวะนี้อาจเกิดมาจากการติดเชื้อของหูชั้นใน (Labyrinthitis) ที่มักจะดีขึ้นเองภายในไม่กี่วัน แต่แพทย์ก็สามารถจ่ายยาบรรเทาอาการดังกล่าวได้ตามความจำเป็น
เมายานพาหนะ
อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางในยานพาหนะจะเรียกว่า อาการเมายานพาหนะ (Motion sickness) อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น จดจ้องไปยังขอบฟ้า หรือเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการฟังเพลง แต่ก็มียามากมายที่สามารถป้องกันและรักษาอาการเมานี้ได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ภาวะไส้ติ่งอักเสบ
เช่นเดียวกับการอาเจียน ภาวะไส้ติ่งอักเสบยังทำให้เกิดอาการปวดท้องด้านขวาล่างรุนแรงขึ้นอีกด้วยจึงควรติดต่อขอรับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล หากคุณประสบกับอาการปวดท้องรุนแรงจนแผ่ไปทั่วท้องเพราะสัญญาณนี้อาจบ่งชี้ถึงการอักเสบอย่างรุนแรงของไส้ติ่งนั่นเอง
สาเหตุอื่น ๆ
การใช้ยาบางประเภท เช่นยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดชนิดโอปิออยด์ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การติดเชื้อของไตและภาวะนิ่วไต การอุดกั้นของลำไส้จากภาวะไส้เลื่อน (hernia) หรือนิ่วถุงน้ำดี (gallstones) การทำเคมีบำบัด (chemotherapy) และการทำรังสีบำบัด (radiotherapy) ภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (acute cholecystitis)
ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?
- อาเจียนซ้ำ ๆ มานานกว่า 1 หรือ 2 วัน
- คุณไม่สามารถดื่มน้ำได้เนื่องจากมีการอาเจียนซ้ำๆ
- กองอาเจียนของคุณมีสีเขียว (อาจมีน้ำดีปนซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุดตันที่ลำไส้)
- คุณมีสัญญาณของภาวะขาดน้ำรุนแรง (severe dehydration) เช่น สับสน หัวใจเต้นเร็ว ถ่ายปัสสาวะน้อย หรือไม่ถ่ายเลย
- ตั้งแต่ป่วย น้ำหนักก็ลดลงอย่างมาก ประสบกับอาการอาเจียนซ้ำซาก
- รู้สึกไม่สบายอย่างมาก หรือรู้สึกกังวลกับอาการของตนเอง
- เป็นเบาหวาน (diabetes) และมีอาการอาเจียนเรื้อรัง โดยเฉพาะหากคุณต้องได้รับอินซูลิน (insulin) เนื่องจากว่าอาเจียนต่อ ๆ กันจะส่งผลไปยังระดับน้ำตาลในเลือด
แพทย์จะซักประวัติตรวจสอบหาสาเหตุของอาการนี้เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น หรือให้การรักษา หากมีอาการท้องร่วง (diarrhoea) พร้อมกับอาการอาเจียน อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ว่า คุณเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (gastroenteritis) ซึ่งนับว่าเป็นโรคที่ก่อให้เกิดอาการอาเจียนที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ใหญ่ ภาวะนี้มักเป็นผลมาจากการรับเชื้อไวรัส เช่น เชื้อโนโรไวรัส (norovirus) หรือภาวะอาหารเป็นพิษ (food poisoning) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบในอาหารปนเปื้อนต่างๆ
ควรไปพบแพทย์อย่างฉุกเฉินเมื่อไร?
บางกรณี การอาเจียนก็เป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพที่ร้ายแรงมาก โดยคุณควรขอความช่วยเหลือจากทางโรงพยาบาล หรือรีบไปยังสถานพยาบาลใกล้เคียงทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้ ความเจ็บปวดที่ท้องรุนแรงและกะทันหัน เจ็บหน้าอกรุนแรง มีเลือดปนกองอาเจียน หรือมีลักษณะเหมือนผงกาแฟ เจ็บคอและมีไข้สูง มีอาการปวดศีรษะรุนแรงกะทันหันต่างจากอาการปวดศีรษะปรกติ คาดว่าตนเองกลืนของมีพิษเข้าไป หากมีอาการท้องร่วง (diarrhoea) พร้อมกับอาการอาเจียน อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ว่า คุณเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (gastroenteritis) ซึ่งนับว่าเป็นโรคที่ก่อให้เกิดอาการอาเจียนที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ใหญ่ ภาวะนี้มักเป็นผลมาจากการรับเชื้อไวรัส เช่น เชื้อโนโรไวรัส (norovirus) หรือภาวะอาหารเป็นพิษ (food poisoning) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบในอาหารปนเปื้อนต่างๆ
การดูแลตนเองที่บ้าน
- สิ่งที่ควรทำที่สุดคือ การจิบน้ำเกลือแร่บ่อยๆ เพื่อชดเชยการเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
- สามารถดื่มน้ำหวาน เพื่อชดเชยน้ำตาลที่สูญเสียไปได้ และอาจผสมเกลือเพื่อช่วยชดเชยเกลือแร่ที่เสียไปได้เช่นกัน
- อาจใช้ขิงในการบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนต่างๆ ซึ่งมีทั้งแบบอาหารเสริม หรือขนม เครื่องดื่มต่างๆ อย่างไรก็ดีหากสนใจใช้อาหารเสริมที่เป็นขิง ควรปรึกษากับเภสัชกร หรือแพทย์เสียก่อน