ในการตั้งครรภ์ ไข่จะถูกปล่อยจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่ (Fallopian tube) โดยจะอยู่ที่ท่อนำไข่ประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นบริเวณที่ไข่จะได้รับการผสมกับอสุจิ (ปฏิสนธิ) เมื่อไข่ผสมกับอสุจิแล้ว ไข่ใบนี้จะค่อยๆ เคลื่อนตัวไปที่มดลูก และฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกก่อนเจริญเติบโตเป็นทารกต่อไป
แต่ถ้าไข่ที่ปฏิสนธิแล้วไปฝังตัวที่บริเวณท่อนำไข่ หรือบริเวณอื่นๆ ในช่องท้องจะเรียกว่า การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic pregnancy) ซึ่งกรณีเช่นนี้การตั้งครรภ์จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้จนครบกำหนดคลอด จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์และได้รับการรักษาฉุกเฉิน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการและสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ส่วนใหญ่แล้วการตั้งครรภ์นอกมดลูกจะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ คุณอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์และอาจไม่รู้ถึงสัญญาณเตือนของปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
อาการเลือดออกทางช่องคลอดและอาการปวดท้องน้อยมักเป็นอาการแรกๆ ที่พบ แต่ยังมีอาการอื่นๆ อีก ได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับอาการปวด
- ปวดเกร็งท้องน้อย
- ปวดด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย อาจปวดมากจนเหมือนมีอะไรมาแทง
- เวียนศีรษะ หรืออ่อนเพลีย
- ปวดที่หัวไหล่ คอ หรือทวารหนัก
การตั้งครรภ์นอกมดลูกจะทำให้ท่อนำไข่แตกได้ ถ้าท่อนำไข่แตก คุณจะมีอาการปวดมากและมีเลือดออกอย่างรุนแรง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
สาเหตุการตั้งครรภ์นอกมดลูก
คุณอาจไม่มีทางรู้ได้ว่าอะไรคือสาเหตุของการตั้งครรภ์นอกมดลูก หนึ่งในสาเหตุคือ ความผิดปกติของท่อนำไข่ ซึ่งทำให้ไข่ไม่สามารถเดินทางไปที่บริเวณมดลูกได้ จึงเกิดการฝังตัวที่ท่อนำไข่หรือบริเวณอื่น
นอกจากนี้คุณจะมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูก ถ้าคุณมีภาวะดังต่อไปนี้
- ผู้ตั้งครรภ์มีอายุมากแล้ว อาจอยู่ในช่วง 35-44 ปี
- เคยมีประวัติตั้งครรภ์นอกมดลูกมาก่อน
- เคยมีภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน (Pelvic inflammatory disease (PID)) ทำให้เกิดพังผืดบริเวณรอบท่อนำไข่
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- แผลเป็นจากการผ่าตัดอุ้งเชิงกรานก่อนหน้านี้
- การทำหมัน หรือการผ่าตัดแก้หมันที่ไม่สมบูรณ์
- การใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- การรักษาภาวะมีบุตรยาก เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (In vitro fertilization (IVF))
- ตั้งครรภ์ทั้งที่ใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิดอยู่ โดยห่วงอนามัยคุมกำเนิดทำได้เพียงป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก แต่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้ฝังตัวที่ปีกมดลูกได้
การวินิจฉัย
ถ้าแพทย์คิดว่าคุณกำลังมีภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก แพทย์จะพิจารณาตรวจบางอย่างที่จำเป็น ได้แก่ การตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจระดับฮอร์โมนต่างๆ และการตรวจภายใน สำหรับการตรวจด้วยการอัลตราซาวด์อาจใช้เพื่อดูสภาวะของมดลูกและท่อนำไข่
ถ้าแพทย์ยืนยันแล้วว่าคุณตั้งครรภ์นอกมดลูก แพทย์จะพูดคุยเกี่ยวกับวิธีในการรักษาที่ดีที่สุด โดยอิงจากสภาวะทางสุขภาพของคุณในขณะนั้น รวมถึงการวางแผนที่จะตั้งครรภ์ครั้งถัดไปด้วย
การรักษา
ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้เมื่ออยู่ภายนอกมดลูก โดยจะต้องนำเนื้อเยื่อดังกล่าวนี้ออก เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีในการรักษา ได้แก่ การใช้ยาและการผ่าตัด
- การใช้ยา ถ้าท่อนำไข่ของคุณยังไม่แตก และการตั้งครรภ์ของคุณยังไม่ได้ดำเนินไปไกลมากนัก แพทย์จะรักษาโดยการฉีดยาเมโทรเทกเซท (Methotrexate (Trexall)) ยานี้จะไปยับยั้งการเติบโตของเซลล์ และร่างกายจะดูดซึมเซลล์เล็กๆ เหล่านี้ได้เอง ส่วนใหญ่ของการตั้งครรภ์นอกมดลูกสามารถรักษาได้ด้วยวิธีนี้ ถ้าพบตั้งแต่อายุครรภ์ยังน้อย
- การผ่าตัด สำหรับกรณีอื่นๆ จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ที่นิยมมากคือการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopy) โดยแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กที่ท้องส่วนล่างและสอดอุปกรณ์สำหรับผ่าตัดขนาดเล็กเข้าไปเพื่อรักษาภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก ทั้งนี้ถ้าพบว่าท่อนำไข่เสียหาย แพทย์จำเป็นต้องนำออกบางส่วนหรือทั้งหมดโดยการผ่าตัดด้วย แต่หากคุณมีเลือดออกจากช่องคลอดปริมาณมากและแพทย์สงสัยว่าท่อนำไข่แตก คุณอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินซึ่งจะไม่สามารถผ่าตัดด้วยการส่องกล้องได้และแผลจะมีขนาดใหญ่ขึ้น เรียกการผ่าตัดนี้ว่า Laparotomy
การดูแลหลังจากตั้งครรภ์นอกมดลูก
หลังจากการตั้งครรภ์นอกมดลูกผ่านไปแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะตั้งครรภ์ปกติอีกครั้ง แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น คุณควรขอรับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะหากมีการผ่าตัดนำท่อนำไข่ออกไป อาจต้องสอบถามว่า ต้องรอนานแค่ไหนจึงจะตั้งครรภ์อีกครั้งได้ แพทย์บางท่านแนะนำว่าจะต้องรออย่างน้อย 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเคยมีการตั้งครรภ์นอกมดลูกมาแล้ว โอกาสที่จะมีการตั้งครรภ์นอกมดลูกอีกจะสูงกว่าคนทั่วไป