กองบรรณาธิการ HonestDocs
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HonestDocs

นอนไม่หลับ (Insomnia)

เผยแพร่ครั้งแรก 1 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที

ปัญหานอนไม่หลับเป็นอีกปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยกับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในช่วงกลางวัน และปัญหานอนไม่หลับในที่นี้ ยังรวมไปถึงปัญหาความผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับอื่นๆ ด้วย เช่น 

  • นอนหลับยาก
  • นอนหลับไม่สนิท 
  • สะดุ้งตื่นกลางดึกหรือเช้าเกินไปแล้วไม่สามารถกลับไปนอนต่อได้
  • รู้สึกอ่อนเพลียทั้งๆ ที่นอนหลับเพียงพอแล้ว 

ความหมายของโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) หรือสามารถเรียกได้ว่า "อาการนอนไม่หลับ" เป็นความผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับซึ่งแสดงออกมาในรูปของการนอนไม่พอ หรือนอนไม่หลับในตอนกลางคืน จนส่งผลให้คุณรู้สึกอ่อนเพลียหรือง่วงนอนในช่วงกลางวัน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมและกิจวัตรประจำวันของคุณด้วย เช่น การเรียน สมาธิในการทำงาน ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจการนอน Sleep Test วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,455 บาท ลดสูงสุด 50%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

โรคนอนไม่หลับไม่สามารถประเมินได้ด้วยระยะเวลา หรือจำนวนชั่วโมงของการนอนหลับ เนื่องจากในแต่ละบุคคลต้องการช่วงเวลาการนอนหลับที่แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขชีวิต โดยช่วงระยะเวลาเมื่อเกิดโรคนอนไม่หลับอาจเกิดในระยะเวลาสั้นๆ หรือเกิดต่อเนื่องเป็นระยะยาวก็ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ชนิดของโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. โรคนอนไม่หลับจากปัญหาการปรับตัว (Adjustment Insomnia)

เป็นโรคนอนไม่หลับที่มักจะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ มักมีสาเหตุมาจากความเครียดและความตื่นเต้น เช่น ต้องไปโรงเรียนวันแรก มีสอบสำคัญ มีประชุมหรือตกลงกันทางธุรกิจในวันต่อมา มีเรื่องกังวลใจหรือทะเลาะกับคนใกล้ชิด หรืออาจเกิดจากการเดินทางข้ามโซนเวลา ต้องอยู่ห่างจากบ้าน การออกกำลังกายก่อนเวลาเข้านอนประมาณ 4 ชั่วโมง

โรคนอนไม่หลับประเภทนี้จะดีขึ้นเมื่อคุณรู้สึกผ่อนคลาย หมดความกังวลใจ หรือมีการปรับพฤติกรรมและเวลาการเข้านอนแล้ว หลังจากนั้นการนอนหลับก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

2. โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia)

เป็นโรคนอนไม่หลับที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว โดยอาจมากกว่า 1 เดือน และเป็นโรคนอนไม่หลับที่พบได้มากที่สุดในผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับทั้งหมด โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ 

  • โรคนอนไม่หลับปฐมภูมิ (Primary Insomnia) เป็นโรคนอนไม่หลับที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งของสารเคมีในสมอง ไม่ได้เกิดจากโรคทางร่างกายหรือจิตใจของผู้ป่วยแต่อย่างใด แต่อาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยในระยะเวลาสั้นๆ เช่น การเดินทางด้วยเครื่องบินนานๆ หรืออาการวิตกกังวลบางอย่าง 
  • โรคนอนไม่หลับทุติยภูมิ (Scondary Insomnia) เป็นโรคนอนไม่หลับที่เกิดจากอาการ หรือผู้ป่วยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้นอนไม่หลับ เช่น ความเครียด ความรู้สึกสะเทือนใจจากเหตุการณ์บางอย่าง รวมถึงเกิดได้จากปัจจัยเกี่ยวกับยา หรือการรักษาบางประเภทด้วย 
    สำหรับยาและสารกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับทุตยภูมิ ได้แก่
    • ยารักษาโรคซึมเศร้า (Antidepressant)
    • ยาเบต้า บล็อกเกอร์ (Beta Blckers)
    • เครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน
    • ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy drugs)
    • ยาซูโดเอฟีดรีน (Pseudoephedrine)
    • ยาขับปัสสาวะ (Diuretics drugs)
    • ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (Stimulant laxatives)

อาการของโรคนอนไม่หลับ

ส่วนใหญ่อาการของโรคนอนไม่หลับที่พบได้ มีดังนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจการนอน Sleep Test วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,455 บาท ลดสูงสุด 50%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

  • นอนหลับยาก
  • นอนหลับไม่สนิท นอนหลับๆ ตื่นๆ
  • คุณภาพในการนอนไม่สม่ำเสมอ (บางคืนนอนหลับยาก สลับกับบางคืนนอนหลับได้ดี)
  • ง่วงนอนระหว่างวัน
  • อ่อนเพลีย รู้สึกไม่ค่อยมีแรง
  • หลงลืมง่าย
  • ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้
  • หงุดหงิดฉุนเฉียว
  • วิตกกังวลบ่อย
  • ซึมเศร้า เบื่อหน่าย
  • ประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานลดลง
  • มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการนอน

สาเหตุของโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยมีดังนี้

  • สภาพแวดล้อมของห้องนอน ได้แก่ อุณหภูมิ แสงสว่าง เสียงรบกวน การพักอยู่ต่างที่ หรือข้ามโซนเวลา
  • ความเครียดและความวิตกกังวลจากปัญหาชีวิต เช่น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก การหย่าร้าง การตกงาน ปัญหาด้านการเงิน
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป รวมถึงสูบบุหรี่ด้ว
  • การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคหัวใจ ยาลดความดัน ยาแก้แพ้ ยาเสตียรอยด์ (Steroid)
  • นอนหลับไม่เป็นเวลา และเวลาตื่นนอนแต่ละวันช้าเร็วไม่เท่ากัน 
  • ทำงานกะดึกบ่อย
  • วิตกกังวลว่าตนเองจะนอนไม่หลับ
  • ความอ่อนเพลียจากการเดินทางโดยเครื่องบิน
  • ภาวะความเจ็บป่วยบางอย่าง ได้แก่

ผลกระทบและภาวะแทรกซ้อนจากโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เช่น ทำให้อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย สับสน ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตประจำวัน และทำให้ประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว และการทรงตัวลดลง นอกจากนี้ ยังพบว่าอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จะพบได้มากกว่าในผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางอย่างตามมาได้ เช่น

  • โรคเบาหวาน
  • โรคอ้วน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคซึมเศร้า
  • โรควิตกกังวล
  • พฤติกรรมการใช้ยาในทางที่ผิดหรือใช้สารเสพติด
  • พฤติกรรมนอนหลับหรืองีบในเวลากลางวันมากเกินไป
  • เหนื่อยและอ่อนเพลียง่าย
  • หลงลืมบ่อย 
  • ไม่มีสมาธิ

การวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับ

หากคุณสงสัยว่าตนเองเป็นโรคนอนไม่หลับ คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการประเมินอาการ ซึ่งจะมีการซักประวัติสุขภาพ ประวัติการนอน และตรวจร่างกายเบื้องต้น นอกจากนี้ คุณอาจต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมโดยผู้เชี่ยวชาญในศูนย์การนอนด้วย 

การรักษาโรคนอนไม่หลับ

การรักษาหลักๆ ของโรคนอนไม่หลับมักจะเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาระยะยาวและทำให้ผู้ป่วยชินกับพฤติกรรมการนอนที่ดีด้วย แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาโรคนอนไม่หลับจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค

  • ผู้ป่วยที่อาการนอนไม่หลับไม่รุนแรงมาก: แพทย์มักจะให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และปรับสภาพแวดล้อมการนอนให้คุณภาพการนอนของผู้ป่วยดีขึ้น เช่น 
    • จำกัดการนอน (Sleep Restriction) โดยผู้ป่วยจะต้องจำกัดเวลาที่อยู่บนเตียง หรือในพื้นที่ที่ทำให้นอนหลับได้ง่าย เพื่อให้ผู้ป่วยมีการหลับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะความจริงแล้ว การนอนอยู่บนเตียงนานๆ เพื่อให้ตนเองหลับได้ง่ายขึ้นนั้นเป็นความคิดที่ผิด อีกทั้งยังเพิ่มความวิตกกังวลว่าตนเองจะนอนหลับได้หรือไม่กับผู้ป่วยด้วย
    • ควบคุมสิ่งเร้ารอบตัว (Stimulus Control) ซึ่งอาจอยู่ในรูปของความเครียด อาการวิตกกังวลจากการทำงาน การทำงานกะดึกเป็นประจำ หรือสภาพห้องนอนไม่น่านอน หากผู้ป่วยรู้จักควบคุม หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสิ่งเร้าทำให้นอนไม่หลับได้ โอกาสที่จะนอนหลับได้ง่ายขึ้นก็จะมีสูงขึ้นเช่นกัน
    • บำบัดด้วยการผ่อนคลาย (Relaxing Therapy) เป็นการทำกิจกรรมหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยให้มีสภาพจิตใจอ่อนคลาย ไม่เครียดหรือกดดันจากสภาพแวดล้อมรอบตัวจนทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น
    • บำบัดด้วยการประมวลความคิด (Cognitive Therapy) วิธีรักษาแบบนี้มีหัวใจหลักคือ ปรับทัศนคติหรือความเชื่อบางอย่างของผู้ป่วยที่มีต่อการนอนหลับที่ผิดไป เช่น หากนอนน้อยกว่า 8 ชั่วโมงจะอันตราย วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยลดความกังวลเรื่องการนอนหลับให้น้อยลง
  • ผู้ป่วยที่อาการนอนไม่หลับรุนแรงมาก: แพทย์อาจให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง โดยอาจมีการปรึกษาเพิ่มเติมว่าอะไรทำให้อาการของผู้ป่วยไม่ดีขึ้น หรือแพทย์อาจมีการจ่ายยานอนหลับให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น โดยยาที่มักได้รับนิยมในการจ่ายให้ผู้ป่วยคือ กลุ่มยาเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepine)

วิธีดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคนอนไม่หลับ

พฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม คือ สิ่งที่สามารถป้องกันโรคนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดี โดยคุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองเกิดอาการนอนไม่หลับและลุกลามกลายเป็นโรคนอนไม่หลับในภายหลัง

  1. กำหนดเวลาตื่นนอนและเข้านอนให้เป็นเวลาทุกวัน เพื่อให้ร่างกายของคุณชินถึงเวลาที่ต้องหลับและตื่น
  2. อย่าไม่ทำกิจกรรมอื่นๆ เมื่ออยู่บนเตียงนอน เช่น เล่นโทรศัพท์ และใช้เตียงนอนเพื่อนอนหลับเท่านั้น หรือสำหรับมีเพศสัมพันธ์ 
  3. เมื่อเข้านอนไปได้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วไม่สามารถนอนหลับได้ ให้ลองลุกจากเตียงไปทำกิจกรรมเบาๆ อย่างอื่น เช่น อ่านหนังสือ จนเมื่อรู้สึกง่วงอีกครั้งจึงค่อยลองกลับมาเข้านอนใหม่
  4. อย่าทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก ใช้ความคิดเยอะหรือทำให้เกิดความเครียดก่อนนอน
  5. งดดื่มสุราและสูบบุหรี่ก่อนนอน หรือทางที่ดีควรเลิกพฤติกรรมทั้ง 2 อย่างนี้เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
  6. อย่าบริโภคแอลกอฮอล์ทุกชนิดภายใน 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน 
  7. ทำห้องนอนให้ดูเงียบสงบ มืด มีบรรยากาศที่น่านอน
  8. อย่านอนกลางวันมากเกินไป หรือหากจะนอน อย่าใช้เวลานอนเกินกว่า 1 ชั่วโมง
  9. ระมัดระวังเรื่องการใช้ยานอนหลับให้เหมาะสม หรือปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยา

36 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Insomnia. MedlinePlus. (https://medlineplus.gov/insomnia.html)
Insomnia: Causes, Symptoms, Types, and More. Healthline. (https://www.healthline.com/health/insomnia)
Insomnia: Causes, symptoms, and treatments. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/9155)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
มีอาการนอนไม่หลับ ช่อยบอกสาเหตุและการรักษาด้วยค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
นอนไม่หลับ แต่มีอาการเพลียมากและถึงจะหลับก็เหมือนหลับไปสนิท
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
อยากทราบสาเหตุที่นอนไม่หลับ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
นอนหลับไม่สนิทตื่นระหว่างคืนเกี่ยวข้องกับไทรอยหรือไม่
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ตอนตั้งครรภ์ทำไมถึงชอบตื่นตอนกลางดึกแล้วก็จะนอนไม่หลับคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
นอนประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ แต่เหมือนยังไม่ง่วง บางวันยาวไปถึงตี2 หรือจะเป็นอาการของคนแก่คะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)