โรคเบาหวานประเภทนี้เกิดขึ้นกับสตรีที่ตั้งครรภ์และมักจะหายไปเองหลังจากคลอดบุตรแล้ว
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นโรคเบาหวานประเภทหนึ่งซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์โดยมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะเกิดกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ และไม่เคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานมาก่อนตั้งครรภ์เท่านั้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เบาหวาน คือโรคที่บ่งชี้ได้จากการที่ระดับของกลูโคสในเลือดสูง (Glucose คือ น้ำตาลที่ร่างกายจะเก็บไว้เพื่อเป็นพลังงาน) สามารถก่อให้เกิดโรคได้อีกมากมาย โดยโรคเบาหวานมีอยู่หลายประเภท แบ่งได้เป็น
- โรคเบาหวานประเภทที่ 1 จะเกิดขึ้นเมื่อตับอ่อนผลิตอินซูลิน (Insulin) ได้ปริมาณน้อยหรือผลิตไม่ได้เลย (อินซูลินคือฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมกลูโคสในเลือด และนำกลูโคสเข้าไปเป็นพลังงานให้กับเซลล์)
- โรคเบาหวานประเภทที่ 2 เป็นประเภทที่พบมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อตับ กล้ามเนื้อ และเซลล์ไขมันไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีเพียงพอ
ความชุกของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์พบได้ทั่วไปในสหรัฐอเมริกา แต่ตัวเลขยังไม่ชัดเจน จากการศึกษาพบว่าโรคนี้มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ระหว่าง 1% -14% ต่อปี แต่ค่าประเมินนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปตามประชากร และเกณฑ์การวินิจฉัย ตามที่ถูกรายงานไว้ในวารสาร Preventing Chronic Disease ปี 2014
จากข้อมูลในสูติบัตร และแบบสอบถามสำหรับสตรีมีครรภ์ รายงานดังกล่าวระบุว่า โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบ 4.6% - 9.2% ของหญิงที่ตั้งครรภ์ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในรายงานได้มีการบันทึกไว้ว่า อัตรานี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในช่วงระหว่างปี 2007-2010
นอกจากนี้ วารสาร Reviews in Obstetrics and Gynecology ในปี 2008 ได้รายงานว่า อัตราการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เมื่อเทียบกับชาติพันธุ์อื่น ๆ แล้ว มักเกิดขึ้นต่ำกว่าในผู้หญิงผิวขาว
สาเหตุของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มีลักษณะคล้ายกับเบาหวานประเภทที่ 2 ที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้ดี หรือเรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance)เพราะเมื่อเซลล์ในร่างกายไม่สามารถดูดซึมกลูโคสได้ดี น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวก็จะเริ่มก่อตัวในกระแสเลือด เมื่อทำการตรวจเลือดจะพบว่ามีระดับกลูโคสที่สูงขึ้น
จากรายงานในปี 2008 ได้รายงานว่าภาวะดื้อต่ออินซูลินที่เกิดกับหญิงตั้งครรภ์มักจะมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งถ้าเจาะให้ลึกลงไปกว่านั้น จะพบว่ามีความไม่สมดุลระหว่างระดับของฮอร์โมนที่ส่งผลกระทบต่ออินซูลินและกลูโคสในร่างกายระหว่างการตั้งครรภ์
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
โดยฮอร์โมนที่ทำให้ระดับของกลูโคสในเลือดเพิ่มขึ้น หรือทำให้อินซูลินลดลง มีมากกว่า ฮอร์โมนที่ทำให้ระดับของกลูโคสในเลือดลดลง ก่อให้เกิดระดับของกลูโคสในเลือดที่เพิ่มขึ้น ได้แก่
- โกรทฮอร์โมน (Growth Hormones)
- คอร์ติซอล (Cortisol ฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตออกมาเนื่องจากสภาวะเครียดต่าง ๆ)
- เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน (Estrogen and Progesterone)
- ฮิวแมนพลาเซ็นตัลแลคโทเจน (Human placental lactogen – HPL) ฮอร์โมนที่ถูกผลิตในรก ช่วยในการนำไขมันจากแม่มาเป็นพลังงานให้กับทารกในครรภ์
- พลาเซนทัล อินซูลิเนส (Placental insulinase) ฮอร์โมนอีกตัวจากรกซึ่งไปหยุดการทำงานของอินซูลิน
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในช่วงตั้งครรภ์ เช่น การรับประทานที่มากขึ้น การออกกำลังกายที่น้อยลง และการมีไขมันสะสมมากขึ้น ก็ยังสามารถเป็นส่วนทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทำให้ตัวอ่อนในครรภ์ที่กำลังโตนั้นได้รับสารอาหารที่มากขึ้น ร่างกายของผู้หญิงจึงต้องชดเชยด้วยการผลิตอินซูลินที่เพิ่มมากขึ้น แต่บางครั้งอินซูลินที่ถูกผลิตเพิ่มขึ้นมาก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ระดับกลูโคสอยู่ในสภาวะปกติได้ จึงทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวาน
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ปัจจัยต่าง ๆ ที่เพิ่มโอกาสในการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มีดังนี้
- มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (แต่ไม่สูงถึงขั้นเป็นเบาหวาน)
- มีความดันโลหิตสูง
- มีประวัติการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อน
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2
- มีความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome หรือ PCOS)
- มีน้ำหนักมากเกินไป หรือ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเยอะเกินไประหว่างตั้งครรภ์
- มีอายุมากกว่า 25 ปี
- เป็นคนชาติพันธุ์ แอฟริกัน อินเดียนแดง เอเชีย อเมริกาใต้ หรือมีเชื้อสายของคนในหมู่เกาะแปซิฟิค
- เคยให้กำเนิดบุตรที่มีน้ำหนักมากกว่า 9 ปอนด์ ( 4 กิโลกรัม) หรือมีความผิดปกติแต่กำเกิด
- เคยคลอดทารกที่เสียชีวิตในครรภ์ หรือแท้ง
เราป่วยเป็นโรคความดัน และเบาหวานรับยาต่อเนื่อง