พาร์กินโซนิซึม (Parkinsonism) หมายถึง กลุ่มอาการทางประสาทที่ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง โดยโรคพาร์กินสันเป็นหนึ่งในพาร์กินโซนิซึมที่พบได้มากที่สุด
พาร์กินโซนิซึม สามารถแบ่งออกได้หลายชนิด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- Parkinson Plus Syndrome เป็นภาวะที่พบได้น้อยกว่าโรคพาร์กินสัน สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย คือ
- Multiple System Atrophy (MSA) กลุ่มอาการนี้ประกอบด้วยความผิดปกติจากความเสื่อมของระบบร่างกายหนึ่งระบบหรือมากกว่า
- Progressive Supranuclear Palsy (PSP) กลุ่มอาการนี้มักเริ่มแสดงอาการหลังอายุ 50 ปี และมีการดำเนินโรคที่รวดเร็วกว่าโรคพาร์กินสัน ผู้ป่วย PSP มักมีปัญหาที่ตาทำให้มองเห็นภาพไม่ชัด จึงมักทำให้เกิดการหกล้มบ่อยๆ และมักจะมีอาการหลงลืมเกิดขึ้นภายหลัง
- Corticobasal Degeneration (CBD) กลุ่มอาการนี้อาจทำให้เกิดการกระตุกและสูญเสียการควบคุมรยางค์โดยไม่มีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย
- Lewy Body Dementia (LBD) เป็นสาเหตุอันดับสองที่ทำให้เกิดอาการหลงผิดในผู้สูงอายุ รองจากโรคอัลไซเมอร์ ภาวะนี้จะมีกลุ่มก้อนของโปรตีนในสมองเช่นเดียวกับในโรคพาร์กินสัน แต่จะพบได้หลายตำแหน่งในสมอง ผู้ป่วย LBD อาจมีปัญหาการพูด จิตประสาทหลอน และสติปัญญาเสื่อมถอย
- Vascular Parkinsonism เกิดจากเส้นเลือดเล็กๆ หลายเส้นในสมองตีบ อาการมีทั้งเกิดขึ้นแบบรวดเร็วหรือค่อยเป็นค่อยไป มักพบปัญหาการเคลื่อนไหวที่ขา แต่ไม่ทำให้เกิดอาการสั่น
- Post-Traumatic Parkinsonism ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง หรือการกระทบกระทั่งที่ศีรษะบ่อยครั้ง เช่น การต่อยมวย หรือกีฬาอเมริกันฟุตบอล ภาวะนี้สามารถทำให้เกิดโรคหลงลืมชนิดหนึ่งเรียกว่า Chronic Traumatic Encephalopathy (CTE)
- Essential Tremor กลุ่มอาการนี้มักถ่ายทอดกันในครอบครัว และอาการจะค่อยๆ ทรุดหนักเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่มีภาวะนี้จะมีอาการสั่นที่มือ ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อขยับมือ
- Normal Pressure Hydrocephalus (NPH) เป็นภาวะที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นผิดปกติของสารน้ำในช่องสมอง รักษาได้ด้วยการระบายสารน้ำส่วนเกินไปที่ช่องท้องแทน
- Postencephalitic Parkinsonism เป็นภาวะที่มักเกิดจากโรคจากพยาธิ African trypanosomiasis หรือโรคติดเชื้อจากไวรัสที่ทำให้สมองหรือไขสันหลังบวม
นอกจากนี้ยังพบภาวะพาร์กินโซนิซึมจากการใช้ยา ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้ยาบางชนิด และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อหยุดใช้ยา โดยรายชื่อยาที่อาจทำให้เกิดภาวะพาร์กินโซนิซึม ได้แก่
- Antipsychotics เช่น Haldol (Haloperidol) และ Thorazine (Chlorpromazine)
- Depakote (Valproic Acid)
- MPPP (Desmethylprodine)
- Reglan (Metoclopramide)
- Serpasil (Reserpine)
- Stimulants ได้แก่ Amphetamine Cocaine
- Xenazine(tetrabenazine)
สาเหตุของภาวะพาร์กินโซนิซึม
แม้พาร์กินโซนิซึมจะมีหลายชนิด แต่ทั้งหมดล้วนเกิดจากความผิดปกติของการสร้างหรือการใช้สารโดพามีน (Dopamine) ในสมองส่วนเบซอล แกงเกลีย (Basal ganglia) ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้พาร์กินโซนิซึมทุกชนิดแสดงอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า ตัวแข็ง และเสียการทรงตัว(postural instability)
การรักษาพาร์กินโซนิซึม
โรคพาร์กินสันเป็นพาร์กินโซนิซึมรูปแบบที่พบมากที่สุดและสามารถรักษาได้มากที่สุด ต่างกับพาร์กินโซนิซึมชนิดอื่นที่รักษาได้ยากกว่า ผู้ที่มีภาวะพาร์กินโซนิซึมจากการใช้ยาอาจหายเป็นปกติได้เมื่อหยุดใช้ยาที่เป็นต้นเหตุ
แต่พาร์กินโซนิซึมชนิดอื่นๆ มักมีการดำเนินโรคที่เร็ว โดยยาเพิ่มระดับ Dopamine ในสมองที่ใช้กับการรักษาโรคพาร์กินสันก็แทบไม่มีประโยชน์กับพาร์กินโซนิซึมชนิดอื่นๆ ทำได้เพียงใช้การบำบัดการพูด กายภาพบำบัด และยารักษาโรคซึมเศร้าเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ