ในร่างกายของคนเรานั้นเต็มไปด้วยฮอร์โมนและสารต่างๆ ที่ส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งหากจะพูดถึงสารโดพามีน เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นหูหรือรู้จักกันเท่าไรนัก แต่รู้หรือไม่ว่าสารโดพามีนนี้เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความกระฉับกระเฉง ความกระปรี้กระเปร่าสดชื่น รวมไปถึงช่วงเวลาที่คุณต้องการสมาธิเป็นอย่างมาก เราจึงจะมาทำความรู้จักว่าสารนี้คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
โดพามีน คืออะไร?
โดพามีน (dopamine) คือ สารเคมีในสมองที่เกิดจากกรดอะมิโนชนิดไทโรซีนและเอนไซม์ไทโรซีนไฮดร็อกซิเลสที่ทำงานควบคู่กัน ซึ่งถือเป็นสารที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มแคทีโคลามีนที่ประกอบไปด้วยนอร์เอพิเนฟริน, อิพิเนฟริน และโดพามีนนั่นเอง โดยสารที่หลั่งออกมานั้นจะถูกรับโดยโปรตีนในสมองและเส้นประสาททั่วร่างกาย
โดพามีน มีหน้าที่อะไรบ้าง?
โดพามีนมีหน้าที่ช่วยให้กระบวนการทำงานของสมองและการเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นไปอย่างปกติ ช่วยควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็ก ควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ช่วยในเรื่องของการรับรู้ ส่งเสริมระบบความจำ และการเรียนรู้ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยทางการแพทย์ยังได้วิจัยแล้วพบว่าสารนี้ยังมีหน้าที่ในการสร้างบุคลิกของผู้คนให้กลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีได้ เนื่องจากร่างกายของคนเราหากมีสารโดพามีนอย่างเพียงพอ จะทำให้สมองตัดเรื่องแง่ลบหรือแง่ร้ายออกไปได้อย่างอัตโนมัติ รวมไปถึงในช่วงเวลาที่คุณเกิดปัญหานั้น จะช่วยทำให้มีสมาธิในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
การหลั่งของโดพามีน
สารโดพามีนจะพบการหลั่งได้ตลอดชีวิต แต่ช่วงของการเจริญพันธุ์คือระหว่างอายุ 12 – 30 ปีจะพบได้มากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวต่างๆ อีกทั้งยังเป็นช่วงอายุที่ร่างกายมักจะมองหาคู่รักหรือเพศตรงข้ามมากขึ้น จึงทำให้สารนี้หลั่งออกมาจนถูกขนานนามมาเป็นเคมีแห่งความรักเลยก็ว่าได้ เพราะในขณะที่โดพามีนหลั่งออกมาจะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่พึงพอใจ มีความยินดี ความรักและความรู้สึกดีๆ จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น ช่วยทำให้สมองสามารถเลือกคู่ได้อย่างถูกใจและถูกอารมณ์มากยิ่งขึ้น จากการทดลองเกี่ยวกับหนูทดลองทำให้พบว่าหนูในกลุ่มที่มีสารโดพามีนแบบเดียวกัน มักจะให้ความรู้สึกสนใจกันเองมากเป็นพิเศษ นั่นเพราะเป็นความพึงพอใจที่เจ้าหนูได้มอบให้แก่กัน ทำให้เมื่อมามองในแง่ของมนุษย์เองนั้นมักจะมีความพึงพอใจที่แตกต่างกัน ในบางครั้งเราอาจจะชอบคนๆ หนึ่งอยู่ แต่ในช่วงเวลาหนึ่งเราอาจจะรู้สึกไม่ชอบขึ้นมา นั่นเป็นเพราะสมองได้รับสิ่งเร้าเข้ามาจนทำให้ประมาณของสารโดพามีนลดน้อยลงไปหรือเพิ่มขึ้นตามช่วงเวลานั้นๆ นั่นเอง
ประโยชน์ของสารโดพามีน
สำหรับประโยชน์ของสารโดพามีนที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ช่วยให้คุณกลายเป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อสารนี้เข้ามากระตุ้นการทำงานของสมอง จะทำให้คุณรู้สึกอารมณ์ดีและรู้สึกดีได้ง่ายๆ ต่อสิ่งรอบตัว เมื่อสารนี้หลั่งอย่างต่อเนื่องเป็นปกติ แน่นอนว่าจะส่งผลดีกับร่างกายของคุณอย่างแน่นอน โดยจะช่วยทำให้คุณกลายเป็นคนจดจำได้แม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ระบบการเคลื่อนไหวต่างๆ โดยเฉพาะระบบกล้ามเนื้อจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความกระฉับกระเฉง มีความตื่นตัวอยู่เสมอ ในขณะที่คุณออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาจะรู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างใจต้องการ นั่นเป็นเพราะสารโดพามีนด้วยส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบสมองและระบบร่างกายทำงานควบคู่กันได้อย่างลงตัว
เมื่อร่างกายขาดสารโดพามีนจะเกิดอะไรขึ้น?
หากร่างกายขาดสารโดพามีนมากจนเกินไป จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายชนิด เช่น โรคพาร์กินสัน ซึ่งอาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือกล้ามเนื้อสั่น เกร็ง และเคลื่อนไหวได้ช้าลง โดยมักจะพบเป็นจำนวนมากในกลุ่มของผู้สูงอายุหรือผู้ที่ละเลยการดูแลกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุหลักๆ มาจากการที่เซลล์สมองไม่สามารถสร้างสารโดพามีนได้ หรือเซลล์สมองบางส่วนที่ทำหน้าที่สร้างสารโดพามีนเกิดตายลง จนทำให้การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นไปได้โดยยากและผิดปกติลงในที่สุด แต่ในทางตรงกันข้าม หากร่างกายที่หลังสารโดพามีนมากจนเกินไป อาจจะทำให้กลายเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำ อารมณ์ร้อน หรือหากมีจำนวนมากผิดปกติอาจจะทำให้เกิดอาการป่วยทางจิตได้ ดังนั้น วิธีการสร้างสมดุลให้กับสารโดพามีนในร่างกายได้ดีที่สุดคือ การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น นม ไข่ เนื้อสัตว์ หรือธัญพืชต่างๆ เป็นต้น
โดพามีนถือเป็นอีกหนึ่งสารจากระบบสมองที่มีความมหัศจรรย์และเราควรศึกษาเรียนรู้ไว้ เพื่อช่วยให้ทราบถึงวิธีการทำงานและวิธีสร้างสมดุล ซึ่งล้วนแล้วแต่จะมีผลต่อด้านระบบสมอง ระบบอารมณ์ และระบบการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพราะสามารถช่วยให้ระบบสมองและกล้ามเนื้อสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด ช่วยให้คุณมีความสุขในการใช้ชีวิต เปลี่ยนมุมมองในการมองโลก และยังรวมไปถึงการมีความสุขกับคู่รักที่คุณพึงพอใจ แถมยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพากินสันอีกหนึ่งโรคที่ไม่ควรมองข้ามของผู้คนในยุคนี้อีกด้วยนั่นเอง