สรรพคุณของยา warfarin
ยา warfarin ใช้สำหรับรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เช่น ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก (deep vein thrombosis-DVT) หรือ ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (pulmonary embolus-PE) และ/หรือ ใช้เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดใหม่ในร่างกาย การป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) และกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (heart attack) โดยสภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในร่างกาย เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด atrial fibrillation, การเปลี่ยนลิ้นหัวใจ (heart valve replacement) และการผ่าตัดบางชนิด เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า/ข้อสะโพกเทียม
Warfarin เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ยาจะช่วยให้การไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น โดยยาจะไปลดปริมาณสารบางชนิดเลือด (clotting proteins)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วิธีใช้ยา warfarin
อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ และในทุกครั้งที่มารับยาซ้ำ หากมีคำถามใดๆ ให้สอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
รับประทานยานี้ตามแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์สั่ง โดยสามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ โดยทั่วไปจะรับประทานวันละ 1 ครั้ง สิ่งที่สำคัญมากคือต้องรับประทานยานี้ตามสั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามเพิ่มขนาดยา ห้ามรับประทานยามากกว่าที่สั่ง หรือหยุดยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
ขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรค, ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (เช่น ค่า INR) และการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ โดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์จะติดตามคุณอย่างใกล้ชิดระหว่างใช้ยานี้เพื่อกำหนดขนาดยาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
รับประทานยานี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยามากที่สุด เพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา แนะนำให้รับประทานในเวลาเดียวกันของทุกวัน
สิ่งสำคัญในการรับประทานอาหารคือ ให้รับประทานอาหารที่สมดุล และมีปริมาณเท่าๆ เดิมระหว่างใช้ยา warfarin เพราะอาหารบางชนิดอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา warfarin และอาจส่งผลต่อการรักษาและขนาดยาที่ได้รับ โดยให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีวิตามินเคสูงในปริมาณมากอย่างทันทีทันใดหรือลดปริมาณการรับประทานลงอย่างทันทีทันใด เช่น บรอกโคลี, ดอกกะหล่ำ, กะหล่ำปลี, ผักขม, ผักคะน้า และผักใบเขียวอื่นๆ, ตับ, ชาเขียว, ผลิตภัณฑ์วิตามินเสริมบางชนิด หากคุณกำลังลดน้ำหนัก ขอให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการปรับปริมาณอาหารที่รับประทาน
เนื่องจากยา warfarin สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังและปอดได้ และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์หรืออาจตั้งครรภ์ไม่ควรหยิบจับยานี้หรือหายใจเอาฝุ่นผงของเม็ดยาเข้าไป
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ผลข้างเคียงของยา warfarin
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา warfarin เช่น คลื่นไส้, เบื่ออาหาร หรือปวดท้อง ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
ยา warfarin อาจเป็นสาเหตุของการเกิดเลือดออกอย่างรุนแรงได้ ถ้ายาส่งผลต่อ blood clotting proteins ที่มากเกินไป (ตรวจพบค่า INR สูงผิดปกติ) และแม้ว่าแพทย์จะให้คุณหยุดยาแล้ว ความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกจะยังมีต่อไปอีกนานเป็นสัปดาห์ โดยให้แจ้งแพทย์ทันทีถ้ามีอาการของภาวะเลือดออกอย่างร้ายแรง ได้แก่ ปวด บวม ไม่สบายตัวอย่างผิดปกติ, ฟกช้ำได้ง่าย ฟกช้ำผิดปกติ, มีเลือดออกหยุดยาก เช่นเลือดออกที่แผลหรือที่เหงือก, เลือดกำเดาไหลบ่อยครั้ง หรือไหลนาน, ประจำเดือนมามากผิดปกติ, ปัสสาวะมีสีชมพูหรือมีสีเข้ม, ไอเป็นเลือด, อาเจียนเป็นเลือดหรือเหมือนกากกาแฟ, ปวดศีรษะรุนแรง, เวียนศีรษะ หน้ามืด, อ่อนเพลีย อ่อนเพลียผิดปกติ, อุจจาระมีสีดำ, อุจจาระมีเลือด, เจ็บหน้าอก, หายใจถี่, กลืนลำบาก
แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียนแล้วไม่ดีขึ้น, ปวดท้องอย่างรุนแรง, ตัวเหลือง ตาเหลือง
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรงมาก (อาจถึงแก่ชีวิต) คือ ยาทำให้เกิดลิ่มเลือดขนาดเล็กๆ (มักเป็นในช่วงแรกของการใช้ยา) ทำให้ผิวหนัง/เนื้อเยื่อได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งอาจจำเป็นต้องผ่าตัดหรือตัดแขนขาหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยโรคเลือดที่ขาดโปรตีน C หรือโปรตีน S (protein C or S deficiency) อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ดังนั้นต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีถ้ามีอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรงดังต่อไปนี้เกิดขึ้น: พบปื้นสีแดง/ม่วง/มีอาการปวด ที่บริเวณผิวหนัง เช่น ที่นิ้วเท้า, เต้านม, หน้าท้อง, มีสัญญาณของการเกิดปัญหาที่ไต เช่น ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลงไป, การมองเห็นเปลี่ยนแปลงไป, สับสน, พูดไม่ชัด, อ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย
ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ข้อควรระวังในการใช้ยา warfarin
ถ้าคุณแพ้ยา warfarin หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนการใช้ยา warfarin ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น
- โรคเลือด เช่น โลหิตจาง, โรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย (hemophilia)
- มีเลือดออกในร่างกาย เช่น เลือดออกที่กระเพาะอาหาร ลำไส้, เลือดออกที่สมอง
- โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดแดงโป่งพอง (aneurysms)
- เพิ่งได้รับการผ่าตัดใหญ่ หรือเกิดอุบัติเหตุใหญ่
- เป็นโรคไต
- เป็นโรคตับ
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ สภาพจิตใจ รวมถึงปัญหาด้านความจำ
- หกล้มบ่อย ได้รับบาดเจ็บบ่อย
สิ่งสำคัญคือคุณต้องแจ้งแพทย์และทันตแพทย์เสมอว่าคุณกำลังใช้ยา warfarin อยู่ ดังนั้นก่อนเข้ารับการผ่าตัด ทำฟัน หรือการรักษาทางการแพทย์ใดๆ ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าคุณกำลังใช้ยา warfarin อยู่ รวมถึงแจ้งรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรอื่นที่กำลังใช้อยู่ด้วย
ให้หลีกเลี่ยงการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อระหว่างใช้ยา warfarin แต่ถ้าจำเป็นต้องฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ เช่น ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดที่บริเวณแขน เพราะง่ายต่อการสังเกตภาวะเลือดออก และ/หรือ สามารถใช้ผ้าพันเพื่อห้ามเลือดได้
ยา warfarin อาจทำให้เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกในกระเพาะอาหารและอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาได้ จึงต้องจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ โปรดสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่คุณอาจดื่มได้อย่างปลอดภัย
ถ้าคุณไม่ได้รับประทานอาหารที่ดี, กำลังเจ็บป่วยหรือมีการติดเชื้อที่ทำให้มีไข้, อาเจียน หรือท้องเสีย นานมากกว่า 2 วัน หรือกำลังเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ) โปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที เพราะสภาวะดังกล่าวจะส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา warfarin ได้
ยา warfarin เป็นสาเหตุของการเกิดเลือดออกอย่างมากได้ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดบาดแผล ฟกช้ำ หรือการบาดเจ็บ ต้องระมัดระวังการใช้สิ่งของมีคมต่างๆ เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ แนะนำให้ใช้เครื่องโกนหนวดไฟฟ้าขณะโกนหนวด และใช้แปรงสีฟันขนนุ่มขณะแปรงฟัน หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีการกระทบกระทั่ง หากคุณหกล้มหรือได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะที่ศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจจำเป็นต้องตรวจเช็คอาการให้กับคุณ
โดยปกติแล้วยา warfarin ที่ผลิตในประเทศสามารถเปลี่ยนยี่ห้อในการใช้ได้ อย่างไรก็ตามต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการเปลี่ยนยี่ห้อยา warfarin และอย่าใช้ยาผลิตภัณฑ์ยาที่มีส่วนประกอบของยา warfarin มากกว่า 1 ผลิตภัณฑ์ ยกเว้นได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งสามารถติดตามการรักษาด้วยยา warfarin ให้กับคุณได้
ผู้สูงอายุอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกขณะใช้ยานี้มากขึ้น
ไม่แนะนำให้ใช้ยา warfarin ขณะกำลังตั้งครรภ์ เพราะจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อทารกในครรภ์ได้ (อาจทำให้ทารกเสียชีวิต) ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์คุมกำเนิดระหว่างใช้ยา warfarin จนกระทั่งหยุดใช้ยา warfarin ไปแล้ว 1 เดือน ถ้ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น หรือคิดว่าอาจจะตั้งครรภ์ ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที หากคุณกำลังวางแผนตั้งครรภ์ โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผนในการจัดการกับโรคที่เป็นก่อนการตั้งครรภ์ เนื่องจากแพทย์อาจต้องเปลี่ยนยาให้คุณใช้ระหว่างตั้งครรภ์
เนื่องจากยา warfarin สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังและปอดได้ และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์หรืออาจตั้งครรภ์ไม่ควรหยิบจับยานี้หรือหายใจเอาฝุ่นผงของเม็ดยาเข้าไป
ยา warfarin อาจผ่านไปยังน้ำนมแม่ในปริมาณน้อยมาก ซึ่งไม่น่าจะเป็นอันตรายต่อทารกที่ดูดนมแม่ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร
คำเตือนในการใช้ยา warfarin
ยา warfarin เป็นสาเหตุของการเกิดเลือดออกอย่างรุนแรงได้ (อาจทำให้เสียชีวิต) ซึ่งมีโอกาสพบได้บ่อยขณะเริ่มใช้ยา warfarin หรือเมื่อคุณรับประทานยา warfarin มากเกินไป
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออก แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์จะติดตามอาการของคุณอย่างใกล้ชิดและให้คุณเจาะเลือดตรวจค่า INR เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้รับยา warfarin มากเกินไป ดังนั้นคุณต้องไปโรงพยาบาลและเจาะเลือดตามนัดหมาย แจ้งแพทย์ทันทีถ้ามีอาการของการเกิดเลือดออกที่ร้ายแรง (อ่านเพิ่มเติมได้ในหัวข้อผลข้างเคียงของยา)
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา warfarin
ผู้ป่วยที่มีสภาวะดังต่อไปนี้ ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา warfarin หากคุณมีสภาวะดังรายละเอียดด้านล่าง ให้แจ้งแพทย์ทราบก่อนได้รับยา
- ได้รับการเจาะน้ำไขสันหลัง/การเจาะหลัง (spinal tap)
- ได้รับการผ่าตัดที่ระบบประสาท
- เป็นโรคมะเร็งหรือเนื้องอกชนิดร้าย
- ภาวะเม็ดเลือดแดงข้น (polycythemia vera)
- ได้รับการผ่าตัดที่ตา
- ขาดสารอาหาร
- ได้รับปริมาณวิตามินเค ไม่เพียงพอ
- เป็นโลหิตจาง
- มีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกมากขึ้น เช่น เกิดจากโรคที่มีปัญหาในการแข็งตัวของเลือด หรือสาเหตุอื่นๆ
- ปริมาณเกล็ดเลือดลดลงจากการใช้ยา heparin
- ผู้ป่วยที่ใส่สายสวน (catheter) ในหลอดเลือด
- ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้
- มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลิ้นหัวใจ
- มีการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardium)
- มีของเหลวคั่งในเยื่อหุ้มหัวใจ
- มีเลือดออกในสมอง
- เส้นเลือดแดงในสมองบวมคล้ายบอลลูน
- เส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ (aorta) โป่งนูน หรือฉีกขาด
- มีการอุดตันของหลอดเลือดที่เกิดจากก้อนเลือด
- มีภาวะเลือดออก
- มีแผลที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้
- เป็นโรคตับรุนแรง
- มีการอุดตันของท่อน้ำดี
- มีเลือดออกที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้
- เป็นโรคไตที่มีการทำงานของไตลดลง
- มีเลือดออกในระบบสืบพันธุ์
- เพิ่งได้รับการผ่าตัด
- มีไข้
- มีเลือดออกในทางเดินหายใจ
- ท้องเสียอย่างรุนแรง
- ผลตรวจการทำงานของตับผิดปกติ
- ได้รับอุบัติเหตุใหญ่
- กำลังตั้งครรภ์
- ได้รับการฉีดยาชาเฉพาะที่เข้าทางไขสันหลัง
- มีแผลเน่าเรื้อรัง (gangrene)
- เป็นโรคขาดโปรตีน C (Protein C Deficiency Disease)
- มีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกที่สัมพันธ์กับยีน vitamin K epoxide reductase (warfarin-sensitive) gene
- เป็นผู้ที่มีการทำงานของเอนไซม์ CYP2C9 ต่ำกว่าปกติ
- ภาวะที่มีแคลเซียมเกาะหลอดเลือดจนเกิดอุดตันส่งผลให้มีการตายของเนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณนั้น (calciphylaxis)
- แพ้ยา warfarin
การใช้ยา warfarin ร่วมกับยาอื่น
การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
ยา warfarin เป็นยาที่เกิดปฏิกิริยากับยา, วิตามิน และสมุนไพร หลายชนิด รวมถึงยาที่ใช้ทาที่ผิวหนัง หรือสอดเข้าทางช่องคลอดหรือทวารหนักด้วย ปฏิกิริยาระหว่างยา warfarin ที่เกิดขึ้นมักส่งผลเพิ่มฤทธิ์หรือลดฤทธิ์การต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ควรติดตามอาการของคุณอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะเลือดออกอย่างรุนแรงหรือปัญหาในการแข็งตัวของเลือด ระหว่างใช้ยา warfarin สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ เมื่อมีการเปลี่ยนยา เปลี่ยนวิตามิน หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่ใช้อยู่
ผลิตภัณฑ์ยาบางชนิดที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา warfarin:
- Capecitabine
- Imatinib
- Mifepristone
ยา aspirin หรือยาที่คล้ายกับยา aspirin (salicylates) และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ibuprofen, naproxen, celecoxib อาจมีผลต่อร่างกายคล้ายกับยา warfarin ซึ่งยาเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกถ้าใช้ร่วมกับยา warfarin ดังนั้นต้องอ่านฉลากยาทุกชนิดอย่างละเอียด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ยาบางชนิดอาจประกอบด้วยยาในกลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือ salicylates โดยให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาอื่นเพื่อรักษาอาการปวดและอาการไข้ เช่น ยา paracetamol
ในกรณีที่ได้รับยา aspirin ขนาดต่ำ (low-dose aspirin) และยาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น clopidogrel, ticlopidine คุณยังควรใช้ยานี้ต่อถ้าแพทย์เป็นผู้สั่งให้ใช้สำหรับป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (heart attack prevention) หรือเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (stroke prevention) โดยให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
สมุนไพรหลายชนิดเกิดปฏิกิริยากับยา warfarin ได้ จึงต้องแจ้งแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร โดยเฉพาะ บรอเมเลน (bromelains), โคเอนไซม์คิวเท็น (coenzyme Q10), ตังกุย (dong quai), ลูกซัด (fenugreek), กระเทียม, แปะก๊วย (ginkgo biloba), โสม และ St. John's wort
ยา warfarin อาจรบกวนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ใช้วัดระดับ theophylline ทำให้ผลออกมาไม่ถูกต้อง จึงต้องแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทราบว่าคุณกำลังใช้ยา warfarin อยู่
ระหว่างใช้ยา warfarin ต้องรักษาระดับของการรับประทานอาหารที่มีวิตามินเคสูงในปริมาณเท่าๆ เดิม ไม่รับประทานมากกว่าปกติหรือน้อยกว่าปกติจากที่เคยทำ
การได้รับยา warfarin เกินขนาด
หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา warfarin เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
อาการของการได้รับยาเกินขนาดอาจได้แก่ อุจจาระมีเลือด, อุจจาระดำ, ปัสสาวะมีสีชมพู ปัสสาวะมีสีเข้ม, เลือดออกผิดปกติ หรือเลือดออกหยุดยาก
หมายเหตุ
ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้
ต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ/หรือ การตรวจทางการแพทย์ เช่น ตรวจค่า INR, ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เป็นระยะ เพื่อติดตามอาการหรือผลข้างเคียง ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
หากลืมรับประทานยา warfarin
เพื่อให้ได้ผลจากการรักษาเต็มที่ อย่าลืมรับประทานยา แต่ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้และนึกได้ในวันเดียวกัน ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าลืมแล้วนึกได้ในวันถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ อย่าเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้ และให้จดรายละเอียดของมื้อที่ลืมรับประทานยาและนำไปให้แพทย์หรือเภสัชกรดูด้วย ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าคุณลืมรับประทานยาตั้งแต่ 2 ครั้งติดต่อกันขึ้นไป
การเก็บรักษายา warfarin
เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องอาบน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก