อาการไอเป็นเลือด ไม่ว่าจะมีเลือดออกมากหรือน้อยก็ตาม ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจและน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาการนี้มักมีสาเหตุมาจากโรคใดโรคหนึ่ง ซึ่งเลือดดังกล่าวอาจมาจากจมูก ลำคอ ทางเดินหายใจส่วนบนหรือปอดก็ได้ ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับปริมาณของเลือดที่ปนออกมา และระยะเวลาที่มีอาการไอเป็นเลือด
สิ่งที่สามารถสังเกตด้วยตัวเองได้ คือถ้าเลือดที่ออกมาพร้อมกับการไอมีฟองปนอยู่ด้วย มักจะเป็นเลือดที่ออกมาจากปอด เพราะเลือดถูกผสมกับอากาศและเมือกในปอด ส่วนเลือดที่ออกจากช่องปากในกรณีที่มีบาดแผล จะมีลักษณะไม่เหมือนกับเลือดที่ออกมาพร้อมการไอ
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น
ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก
สาเหตุของอาการไอเป็นเลือด
อาการไอเป็นเลือด อาจเกิดจากปัญหาของร่างกายได้หลายระดับ ตั้งแต่การระคายเคืองที่ลำคอ จนถึงโรคมะเร็งปอด แต่สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากโรคหรือความผิดปกติที่ไม่รุนแรง เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) เป็นต้น
ส่วนสาเหตุที่มีความรุนแรงจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ได้แก่
- วัณโรค (Tuberculosis)
- โรคหลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis)
- โรคมะเร็งปอด (Lung Cancer)
- โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
- โรคปอดบวม (Pneumonia)
มีบางสาเหตุที่จัดเป็นภาวะรุนแรง และต้องได้รับการรักษาทันที เช่น
- การได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก เช่น อุบัติเหตุ
- การสูดดมอนุภาคสิ่งแปลกปลอม เช่น PM 2.5
- การบาดเจ็บของหลอดเลือดแดงในปอด
- โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic fibrosis)
- ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร ซึ่งเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การตรวจทางการแพทย์และกระบวนการบางอย่าง ก็สามารถเกิดผลข้างเคียงที่นำไปสู่การไอเป็นเลือดได้ชั่วคราว เช่น
- การส่องกล้องตรวจหลอดลม (Bronchoscopy)
- การตรวจวัดสมรรถภาพปอด (Spirometry)
- การส่องกล้องตรวจกล่องเสียง (Laryngoscopy)
- การผ่าตัดต่อมทอนซิล
- การผ่าตัดเสริมจมูก
- การตัดตรวจชิ้นเนื้อในทางเดินหายใจส่วนบน
เมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์
ทันทีที่พบอาการไอเป็นเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณของโรคระบบทางเดินหายใจร้ายแรง และควรรีบไปที่ห้องฉุกเฉินทันที หากพบอาการเหล่านี้ร่วมอยู่ด้วย
- เริ่มไอเป็นเลือดหลังจากการหกล้ม ตกจากที่สูง หรือได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก
- ไอเป็นเลือดออกมาเกินกว่า 2-3 ช้อนชา
- ไอเป็นเลือด ร่วมกับพบเลือดในปัสสาวะ หรืออุจจาระ
- มีอาการเจ็บหน้าอก เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหายใจลำบากร่วมด้วย
การรักษาอาการไอเป็นเลือด
การไอเป็นเลือดสามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการเอ็กซเรย์ทรวงอกเป็นอันดับแรก และจะทำการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- การส่องกล้องตรวจหลอดลม (Bronchoscopy)
- การเจาะตรวจนับจำนวนเม็ดเลือด และตรวจการแข็งตัวของเลือด
- การตัดตรวจชิ้นเนื้อปอด
- การตรวจการไหลของปอด (Lung VQ Scan)
- การตรวจการไหลเวียนเลือดในปอด (Pulmonary Angiography)
- การเพาะเชื้อจากเสมหะ (Sputum Culture)
- การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximetry)
หากสาเหตุเกิดจากการระคายเคืองคอทั่วไปเนื่องจากการไอ แพทย์ก็อาจจ่ายยาแก้ไอ หรือยาอมที่ทำให้ชุ่มคอ แต่ถ้าหากมีเลือดออกรุนแรง ทั้งที่รักษาโรคต้นเหตุแล้วแต่ยังไม่หาย แพทย์อาจจะต้องทำการผ่าตัดเล็กเพื่อหยุดเลือด เป็นต้น
วิธีป้องกันอาการไอเป็นเลือด
วิธีการป้องกันการไอเป็นเลือดที่ดีที่สุด คือการดูแลตัวเอง และหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น เลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ลง สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในที่มีฝุ่น ควัน หรือสารเคมี เป็นต้น