Theophylline เป็นยาในยารักษาโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นสารในกลุ่มแซนทีน (xanthine) ในธรรมชาติพบสารนี้ในชา และโกโก้ กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ ยามีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ฟอสโฟไดเอสเตอเรส (phosphodiesterase) แบบแข่งขัน ส่งผลให้เกิดการสร้าง cyclic adenine monophosphate (cAMP) มากยิ่งขึ้นในเนื้อเยื่อ ทำให้หลอดลมขยายตัว ยามีฤทธิ์ขับปัสสาวะ กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและกระตุ้นหัวใจ เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร
Theophylline จัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย ตามการจำแนกโดยคณะกรรมการอาหารและยา มีจำหน่ายเฉพาะร้านยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งควบคุมการขายยา ต้องมีการจัดทำบัญชียาอันตราย และสำหรับบุคคลทั่วไปเภสัชกรสามารถจำหน่ายยาและให้คำแนะนำในการใช้ยาได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพฯ รูปแบบยาที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- รูปแบบยาเม็ด ขนาด 125 มิลลิกรัม
- รูปแบบแคปซูล ขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัม
- รูปแบบยาเม็ดออกฤทธิ์เนิ่น (ยาที่ออกฤทธิ์นานกว่าปกติ) ขนาด 200 และ 250 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้ของยา Theophylline
โรคที่เป็นข้อบ่งใช้ของยานี้ ได้แก่
- ภาวะหลอดลมหดเกร็งเฉียบพลัน และเรื้อรังในผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจ โรคหืดเรื้อรัง หรือโรคปอดเรื้อรัง
ขนาดและวิธีการใช้ยา Theophyline
Theophylline มีขนาดและวิธีการใช้ตามข้อบ่งใช้ ดังนี้
- ขนาดการให้ยาในผู้ป่วยขึ้นอยู่กับกระบวนการแมทาบอลึซึมของยาในผู้ป่วยแต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน ขนาดการใช้ยาโดยทั่วไปในผู้ป่วยคือ
- ภาวะหลอดลมหดเกร็ง ในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจ โรคหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
- ขนาดการใช้ยาในเด็กน้ำหนักตัวน้อยกว่า 45 กิโลกรัม
- ขนาดยาเริ่มต้น ขนาด 12-14 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดคือ 300 มิลลิกรัมต่อวัน
- หลังจาก 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มขนาดยาเป็น 16 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดคือ 400 มิลลิกรัมต่อวัน
- หลังจากเพิ่มขนาดยาแล้ว 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น และจำเป็นต้องมีการเพิ่มขนาดยา ให้เพิ่มขนาดยาเป็น 20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดคือ 600 มิลลิกรัมต่อวัน
- ขนาดการใช้ยาในเด็กน้ำหนักตัวมากกว่า 45 กิโลกรัม และในผู้ใหญ่
- ขนาดยาเริ่มต้น ขนาด 300 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 6-8 ชั่วโมง
- หลังจาก 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มขนาดยาเป็น 400 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 6-8 ชั่วโมง
- หลังจากเพิ่มขนาดยาแล้ว 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น และจำเป็นต้องมีการเพิ่มขนาดยาให้เพิ่มขนาดยาเป็น 600 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 6-8 ชั่วโมง
- ขนาดการใช้ยาในเด็กน้ำหนักตัวน้อยกว่า 45 กิโลกรัม
ข้อควรระวังในการใช้ Theophylline
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีการแพ้ยา Theophylline และยาในกลุ่มอนุพันธ์ของแซนทีน (Xanthine)
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยพอร์ฟิเรีย (porphyria) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสร้างสารพอร์ไฟรินมากเกินไป ซึ่งพอร์ไฟรินเป็นสารที่เกี่ยวข้องการกับทำงานของเม็ดเลือดแดง สารพอร์ไฟรินที่มากเกินไปส่งผลต่อความผิดปกติของร่างกายทั้งในรูปแบบเฉียบพลัน คือส่งผลต่อระบบประสาท และรูปแบบส่งผลต่อผิวหนัง อาการแสดงส่งผลต่อหลายระบบ เช่น ส่งผลต่อระบบเลือด ความดันโลหิต ส่งผลต่อระบบประสาท เช่น อาการวิตกกังวล เห็นภาพหลอน ระบบกล้ามเนื้อ มีอาการปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง อัมพาต ระบบหายใจ เช่น หายใจลำบาก เป็นต้น
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหาร
- ควรระวังการใช้ยานี้ในที่มีความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ ได้แก่ ฮอร์โมนไทรอยด์สูงกว่าปกติ โรคเบาหวาน
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคต้อหิน
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคลมชัก เนื่องจากเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ยาสามารถกระตุ้นให้เกิดการชักได้
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะคอร์พูลโมเนล (Cor pulmonale) หรือภาวะที่หัวใจห้องขวาล้มเหลวซึ่งเป็นผลจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอดหรือหลอดเลือดปอด เนื่องจากเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
- ควระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติการสูบบุหรี่ เนื่องจากเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยสูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
ผลข้างเคียงของการใช้ Theophylline
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ไม่อยากอาหาร ถ่ายท้อง ปวดศีรษะ ตื่นตัว วิตกกังวล นอนไม่หลับ สับสน อาการชัก ปัสสาวะบ่อย ภาวะขาดน้ำ หายใจเร็ว
- อาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ได้แก่ หัวใจเต้นเร็ว เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ความดันโลหิตต่ำ หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ
- ผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงชีวิต ได้แก่ อาการชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำรุนแรง หัวใจหยุดเต้น
ข้อควรทราบอื่นๆของยา Theophylline
- ยาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category C ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์มีความเห็นว่า ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์
- เนื่องจากขนาดการให้ยาขึ้นอยู่กับการแมทาบอลิซึมของผู้ป่วยในกลุ่มต่างๆ ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อไปนี้ ทำให้การทำลายของ Theophylline เกิดได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ระดับยา Theophylline อยู่ในกระแสเลือดได้นานขึ้น อาจเกิดพิษและผลข้างเคียงรุนแรงถึงชีวิตได้
- เด็กแรกเกิด เด็กอายุน้อยกว่ 1 ปี และในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี
- ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย
- ผู้ป่วยที่มีภาวะคอร์พูโมเนล (Cor pulmonale) หรือภาวะที่หัวใจห้องขวาล้มเหลวซึ่งเป็นผลจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอดหรือหลอดเลือดปอด
- ผู้ป่วยที่มีไข้มากกว่า 24 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ (hypothyroidism)
- ผู้ป่วยโรคตับ ได้แก่ ตับแข็ง และตับอักเสบ
- ผู้ป่วยภาวะ Sepsis (ภาวะที่ร่างการตอบสนองต่อการติดเชื้อ โดยตอบสนองเป็นการอักเสบทั่วร่างกาย) ที่มีการทำลายของอวัยวะ และผู้ป่วยภาวะช็อก
- ผู้ป่วยที่มีประวัติการใช้บุหรี่มาก่อนหน้า
การใช้ยา Theophylline ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจึงควรมีการตรวจระดับ Theophylline ในกระแสเลือด อาจมีการพิจารณาลดขนาดยาในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง
- ยานี้ควรรับประทานก่อนอาหาร 1-2 ชั่วโมง เนื่องจากอาหารทำให้การดูดซึมของยาเกิดช้าลง
- การดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับยานี้ส่งผลให้การขับของยาเกิดได้มากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์ในระหว่างที่มีการใช้ยา
- ยานี้แนะนำให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากแสงแดด และความชื้น