กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

Loss of Appetite (ภาวะไม่อยากอาหาร)

เผยแพร่ครั้งแรก 22 มิ.ย. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที

ภาวะไม่อยากอาหาร มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่าภาวะอะโนเร็กเซีย (Anorexia) มีสาเหตุมากมายที่ทำให้ความอยากอาหารลดลง ตั้งแต่ภาวะทางจิตไปจนถึงภาวะทางการแพทย์ หากพบว่าตนเองมีอาการไม่อยากอาหาร และมีอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น น้ำหนักลดหรือภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที

สาเหตุของภาวะไม่อยากอาหาร

ภาวะไม่อยากอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • แบคทีเรียและไวรัส อาการไม่อยากอาหารสามารถเกิดได้จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา  ที่ส่วนใดของร่างกายก็ได้ เช่น
  • สาเหตุทางจิตวิทยา ความรู้สึกเศร้าและวิตกกังวลสามารถทำให้ความอยากอาหารลดลงได้ เช่นเดียวกับความเบื่อและความเครียด นอกจากนี้ยังมีภาวะการรับประทานอาหารผิดปกติ เช่น โรคอะโนเร็กเซีย (Anorexia Nervosa) โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีความต้องการที่จะอดอาหารหรือหาวิธีลดน้ำหนักของตัวเองลงจนทำให้มีน้ำหนักต่ำมาก และกลายเป็นความหวาดกลัวที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการในที่สุด
  • ภาวะทางการแพทย์ โรคและภาวะดังต่อไปนี้ อาจทำให้เกิดภาวะไม่อยากอาหารได้
    • โรคตับเรื้อรัง
    • ภาวะไตล้มเหลว
    • หัวใจล้มเหลว
    • ตับอักเสบ (Hepatitis)
    • HIV
    • โรคสมองเสื่อม (Dementia)
    • ภาวะไทรอยด์ทำงานน้อยเกิน (Hypothyroidism)
    • มะเร็ง (Cancer) โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร  มะเร็งรังไข่ และมะเร็งตับอ่อน
  • การใช้ยา ยาบางตัวอาจลดความอยากอาหารลง เช่น ยาปฏิชีวนะบางตัว ยาเคมีบำบัด โคเดอีน และมอร์ฟีน รวมทั้งยาผิดกฎหมายต่างๆ เช่น Cocaine Heroin และ Amphetamines

เมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์?

ควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อพบว่าน้ำหนักของตนเองลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด หรืออาการไม่อยากอาหารเป็นผลมาจากภาวะซึมเศร้า การบริโภคแอลกอฮอล์ หรือภาวะรับประทานอาหารผิดปกติ เช่น ภาวะอะโนเร็กเซีย หรือภาวะบูลิเมีย (Bulimia)

เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะแสดงให้เห็นถึงภาพรวมและความรุนแรงของอาการ โดยการวัดน้ำหนักและส่วนสูง แล้วนำมาเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประชากรเกณฑ์เดียวกัน

จากนั้นแพทย์จะตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ ยาที่ใช้ รวมถึงอาหารการกิน และอาจมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของภาวะไม่อยากอาหาร เช่น

  • การอัลตราซาวด์ช่องท้อง
  • การตรวจนับเม็ดเลือดสมบูรณ์ (Complete Blood Count)
  • การทดสอบการทำงานตับ ไทรอยด์ และไต (โดยมากมักใช้เพียงตัวอย่างเลือด)
  • การถ่ายชุด GI ส่วนบน รวมถึงการเอกซเรย์หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร กับลำไส้เล็ก
  • CT สแกนที่ศีรษะ หน้าอก ช่องท้อง หรือเชิงกราน
  • การทดสอบการตั้งครรภ์
  • การตรวจเชื้อไวรัส HIV
  • การตรวจปัสสาวะเพื่อดูว่ามีการใช้ยาเสพติดหรือไม่

การรักษาภาวะไม่อยากอาหาร

การรักษาภาวะไม่อยากอาหารจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส แพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะให้ และเมื่อเชื้อต่างๆ ถูกกำจัดหมดแล้ว อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง

แต่หากเป็นผลมาจากภาวะทางการแพทย์อย่างมะเร็งหรือโรคเรื้อรัง การรักษาจะทำได้ยาก แต่ก็มีวิธีที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารขึ้นด้วยการรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว การรับประทานอาหารจานโปรด เป็นต้น

การออกกำลังกายเบาๆ ก็มีส่วนช่วยเพิ่มความอยากอาหารได้ และเมื่อมีความอยากอาหารก็ควรจะรับประทานสารอาหารที่จำเป็นต่างๆ ให้เพียงพอ แนะนำว่าให้แบ่งการรับประทานอาหารเป็นมื้อย่อยๆ หลายครั้งต่อวันแทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ จะช่วยให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น

หากความอยากอาหารที่ลดลงทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ แพทย์อาจรักษาด้วยการฉีดสารอาหารเข้าหลอดเลือด หรือจ่ายยากระตุ้นความอยากอาหารให้ และหากอาการนี้เกิดจากภาวะซึมเศร้า ภาวะรับประทานอาหารผิดปกติ หรือการเสพยา แพทย์จะส่งตัวไปพบผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิตเพื่อทำการรักษาให้ถูกต้องต่อไป

หากอาการไม่อยากอาหารเกิดจากภาวะระยะสั้น ผู้ป่วยจะฟื้นตัวกลับมาเองตามธรรมชาติและไม่ประสบกับปัญหาระยะยาวใดๆ อย่างไรก็ตามหากอาการนี้เกิดจากภาวะทางการแพทย์ ภาวะนี้อาจจะทรุดลงได้หากไม่ได้รับการรักษา ซึ่งอาจจะทำให้มีอาการอื่นๆ ที่ร้ายแรงมากกว่าเดิมได้ เช่น เหนื่อยล้ารุนแรง น้ำหนักลด หัวใจเต้นเร็ว มีไข้ ฉุนเฉียว ไม่สบายเนื้อสบายตัว


21 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Loss of Appetite in Life-Threatening Illnesses. Verywell Health. (https://www.verywellhealth.com/where-did-your-appetite-go-1132086)
Loss of Appetite: Symptoms, Signs, Causes & Treatment. MedicineNet. (https://www.medicinenet.com/loss_of_appetite/symptoms.htm)
Loss of Appetite: Causes, Symptoms, and More. Healthline. (https://www.healthline.com/health/appetite-decreased)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
อายุ 51 ปี มีอาการชาริมฝีปากล่างบ่อย ๆ อาการคือชายิบ ๆ เจ็บเล็กน้อยค่ะ มีอาการเป็นบางวันค่ะ ไม่มีโรคประจำตัว แต่ค่า LDL สูง 144 ค่ะ ไม่ทราบเกิดจากอะไรคะ ต้องพบแพทย์แผนกไหนคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ตอนนี้มีอาการปัสสาวะบ่อย ออกมาแบบกระปริบกระปรอย และรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นท้องน้อย มีเลือดจางๆปนออกมาแค่ครั้งเดียว
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
คือหนูทานไข้มุขแล้วเหมือนมันจะติดคอทำยังไงถึงจะให้มันไหลลงท้องปกติค่ะกลัวเป็นอันตราย
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)