ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากความเสียหายของตับ
ภาวะท้องมาน เกิดจากการมีของเหลวสะสมอยู่ภายในช่องท้อง ซึ่งมักจะเกิดจากความผิดปกติของตับที่ทำให้ของเหลวไหลเข้าไปในช่องว่างระหว่างเยื่อบุช่องท้องกับอวัยวะภายในต่างๆ สำหรับผู้ที่มีภาวะท้องมานจากตับแข็ง (Cirrhotic Ascites) จะมีอัตรารอดชีวิตภายในสองปีเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการของภาวะท้องมาน
อาการที่เกิดจากภาวะท้องมาน สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลัน หรืออาจจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้มีของเหลวสะสมในท้อง โดยอาการท้องมานที่พบบ่อย ได้แก่
- มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นกะทันหัน
- ช่องท้องบวมโต
- หายใจขณะนอนลงลำบาก
- ความอยากอาหารลดลง
- ปวดท้อง ท้องอืด
- คลื่นไส้และอาเจียน
- แสบร้อนกลางอก
สาเหตุของภาวะท้องมาน
ภาวะท้องมาน มักเกิดจากการบาดเจ็บที่ตับ จนทำให้แรงดันภายในหลอดเลือดของตับเพิ่มขึ้น จึงทำให้ของเหลวไหลเข้าไปยังโพรงช่องท้อง ส่งผลให้เกิดภาวะท้องมานขึ้นมา โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นที่ตับ ได้แก่
- โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
- โรคตับอักเสบ B หรือ โรคตับอักเสบ C (Hepatitis B หรือ C)
- การบริโภคแอลกอฮอล์
บางครั้ง อาจพบภาวะท้องมาน เกิดขึ้นจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งตับ หรือมะเร็งเยื่อบุมดลูก
- ภาวะหัวใจหรือตับล้มเหลว
- ภาวะตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
- วัณโรค (Tuberculosis)
- ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism)
การวินิจฉัยภาวะท้องมาน
การวินิจฉัยภาวะท้องมานมีมีหลายขั้นตอน ในอันดับแรกแพทย์จะตรวจสอบอาการบวมในช่องท้องก่อน จากนั้นอาจมีการทดสอบฉายภาพต่าง ๆ เพื่อตรวจหาของเหลว เช่น การอัลตราซาวด์ การทำ CT สแกน การสแกน MRI การตรวจเลือด เป็นต้น
การรักษาภาวะท้องมาน
การรักษาภาวะท้องมานจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ แต่โดยทั่วไปแล้ว มักใช้วิธีการรักษาดังนี้
- ยาขับน้ำ (Diuretics) เป็นยาที่นิยมใช้รักษาภาวะท้องมาน โดยยาจะไปเพิ่มปริมาณเกลือและน้ำที่ออกจากร่างกาย เพื่อลดแรงดันภายในหลอดเลือดดำรอบตับลง ซึ่งระหว่างที่ใช้ยานี้ อาจต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคเกลือหรือแอลกอฮอล์
- การเจาะน้ำในท้อง (Paracentesis) กระบวนการนี้จะใช้เข็มยาวแทงเข้าไปดูดน้ำส่วนเกินออก โดยเข็มจะถูกแทงผ่านผิวหนังเข้าไปในโพรงช่องท้อง จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยที่เข้ารับการเจาะน้ำในท้อง จะต้องได้รับยาปฏิชีวนะด้วย การรักษานี้นิยมใช้กันมากในภาวะท้องมานรุนแรงหรือกรณีที่การใช้ยาขับน้ำไม่ได้ผล
- การผ่าตัดรักษาภาวะท้องมาน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะท้องมานรุนแรง จะต้องมีการปลูกถ่ายท่อชนิดถาวร (Shunt) เข้ากับร่างกายเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไหลเวียนของเลือดรอบตับ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการปลูกถ่ายตับหากภาวะท้องมานไม่ตอบสนองต่อการรักษา และมักจะเป็นการรักษาให้กับผู้ป่วยโรคตับระยะสุดท้าย
การป้องกันภาวะท้องมาน
ภาวะท้องมานไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับตับได้ ด้วยวิธีดังนี้
- ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันโรคตับแข็ง
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ B
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากโรคตับอักเสบสามารถแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาผ่านเส้นเลือด และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- อ่านฉลากก่อนใช้ยาทุกครั้ง เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลต่อตับ
ที่มาของข้อมูล
Carmella Wint กับ Elizabeth Boskey, fluid in peritoneal cavity(https://www.healthline.com/symptom/ascites), 23 กันยายน 2015
ช่วงนี้ปวดท้องบ่อย