ความหมายและประเภทของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ (Arrhythmia) คือ ภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจมีความผิดปกติไปจากเดิม โดยสามารถแบ่งอย่างง่ายๆ โดยใช้อัตราการเต้นหัวใจ ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- แบรดดีคาร์เดีย (Bradycardia) คือ หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ
- แทคคีคาร์เดีย (Tachycardia) คือ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
ซึ่งในกลุ่มหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติสามารถแบ่งย่อยได้ตามส่วนของหัวใจที่ผิดปกติ ได้แก่
ตรวจหัวใจและหลอดเลือดวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 294 บาท ลดสูงสุด80%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- สาเหตุจากหัวใจห้องบน (Atrium) คือจุดเริ่มต้นของสัญญาณที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติมาจากหัวใจห้องบน ตัวอย่างของความผิดปกติได้แก่ Atrial fibrillation, Atrial flutter, Supraventricular tachycardia และ Wolff-Parkinson-White syndrome เป็นต้น
- สาเหตุจากหัวใจห้องล่าง (Ventricle) คือจุดเริ่มต้นของสัญญาณที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติมาจากหัวใจห้องล่าง ตัวอย่างของความผิดปกติได้แก่ Ventricular tachycardia, Ventricular fibrillation และ long QT syndrome เป็นต้น
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดนั้นไม่ได้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แต่ในบางภาวะก็มีอันตรายถึงชีวิตซึ่งหมายถึงทำให้หัวใจหยุดเต้น หรือหัวใจวายได้
สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดจากสัญญาณไฟฟ้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจทำงานผิดปกติ โดยอาจเป็นผลมาจากเซลล์ประสาทที่คอยนำสัญญาณไฟฟ้าถูกทำลาย หรือมีประสิทธิภาพการนำสัญญาณไฟฟ้าลดลง จนไปรบกวนจังหวะการเต้นของหัวใจ
นอกจากนี้ ผลข้างเคียงของยาบางชนิดยังทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้เช่นกัน แม้กระทั่งยาที่ขายตามร้านขายยาทั่วไป เช่น
- ยาต้านซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic antidepressant)
- ยาแก้แพ้กลุ่มต้านฮิสทามีน (Antihistamine)
- ยากลุ่มเบต้า บล็อกเกอร์ (Beta blocker)
นอกเหนือจากยาบางชนิดแล้ว ยาเสพติดบางประเภท เช่น โคเคน (Cocaine) เมทแอมเฟตามีน (Methamphetamines) หรือยาบ้า รวมถึงสารจำพวกคาเฟอีนและนิโคติน ก็ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมักจะพบบ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือโรคอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้มากกว่า
อาการของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
หัวใจเต้นผิดจังหวะหลายชนิดมักไม่มีอาการแสดงออกมา แต่ก็ยังมีอาการบางอย่างที่สามารถสังเกตได้ ได้แก่
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ใจสั่น โดยผู้ป่วยอาจรู้สึกสั่นๆ ในอก หรือรู้สึกหัวใจเต้นรัวและแรงมาก
- รู้สึกหัวใจหยุดเต้นเป็นพักๆ ไม่เต้นตามจังหวะปกติ หรือรู้สึกว่าจังหวะการเต้นไม่สม่ำเสมอ
- เพลีย อ่อนแรง วิงเวียนศีรษะ
- หัวใจเต้นช้า
หัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะในขณะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่นั้น หัวใจจะไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้และอาจหยุดทำงาน ดังนั้น หากผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ก็ควรเรียกรถพยาบาล หรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันที ได้แก่
- แขนขาอ่อนแรงฉับพลัน เวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะ
- เป็นลมหรือหน้ามืด
- หายใจไม่สะดวก
- เจ็บแน่นหน้าอก
ปัจจัยเสี่ยงของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ปัจจัยเสี่ยงของหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบได้ทั่วไป ได้แก่
- หัวใจวาย
- หัวใจล้มเหลวหรือกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม
- ลิ้นหัวใจผิดปกติ
- หัวใจพิการแต่กำเนิด
- ความดันโลหิตสูง
- ภาวะหยุดหัวใจขณะหลับ
- ยาบางชนิดที่ซื้อได้ตามร้านขายยา
- ยาเสพติด เช่น โคเคนหรือยาบ้า
- ได้รับคาเฟอีนหรือนิโคตินมากเกินไป
- เครียดจัดหรือโกรธจัด
การวินิจฉัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ
มีวิธีการตรวจ และเครื่องมือหลายอย่างที่สามารถตรวจหาหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ แต่การจะวินิจฉัยหัวใจเต้นผิดจังหวะได้นั้น จะต้องอาศัยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG หรือ EKG) เช่น
- เครื่องโฮลเตอร์ มอนิเตอร์ (Holter monitor): มีลักษณะเป็นเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แบบพกพาได้ โดยมีแผ่นแปะ หรือสติ๊กเกอร์เล็กๆเป็นตัวรับสัญญาณคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แพทย์จะแปะแผ่นดังกล่าวหลายตำแหน่งบนร่างกายและหน้าอก จากนั้นแผ่นตัวรับสัญญาณเหล่านี้จะสร้างภาพจำลองของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แล้วแพทย์จะตรวจดูว่ามีคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติอยู่ตำแหน่งใด ซึ่งโดยปกติแพทย์จะติดเครื่อง Holter monitor ประมาณ 24-48 ชั่วโมง
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram: ECHO): เป็นอัลตราซาวด์ประเภทหนึ่งที่ใช้คลื่นความถี่สร้างภาพจำลองของหัวใจ และสามารถใช้ในการวินิจฉัยหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ด้วยเช่นกัน
- การตรวจสมรรถภายหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (Stress test): เป็นการทดสอบโดยให้ผู้ป่วยออกกำลัง เช่น วิ่งสายพาน ปั่นจักรยาน ใช้ยากระตุ้นหัวใจให้คล้ายกับการออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังนี้จะไปกระตุ้นให้หัวใจเกิดการเต้นผิดจังหวะ และแพทย์ก็จะสามารถวินิจฉัยอาการได้
การรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถรักษาได้โดยการใช้ยา การทำหัตถการ หรือการผ่าตัด ตามสาเหตุของความผิดปกติ
ตัวยาที่ให้ผู้ป่วยจะช่วยชะลอจังหวะการเต้นของหัวใจหากหัวใจเต้นเร็วเกินไป และช่วยทำให้การเต้นของหัวใจสม่ำเสมอขึ้น กลุ่มยาที่ใช้รักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่
- ยากลุ่มเบตา บล็อคเกอร์ (Beta blocker)
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant)
- ยากลุ่มแคลเซียม แชแนล บล็อคเกอร์ (Calcium channel blocker)
- ยากลุ่มแอนติอาร์ริทมิก (Antiarrhythmic Drugs)
ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ สามารถรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะใส่เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เครื่องจะตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าที่ไปกระตุ้นหัวใจ และควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ว่ามีความผิดปกติอย่างไร
สำหรับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD) ผู้ป่วยจะต้องรักษาด้วยการใส่ขดลวดถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ (intracoronary stent) หรือ ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Graft: CABG) ซึ่งนิยมเรียกกันสั้นๆ "ทำบายพาส"
สำหรับวิธีการทำบายพาสนั้น ศัลยแพทย์จะผ่าตัดนำหลอดเลือดที่อยู่ในสภาพดี เช่น บริเวณที่แขน หรือขา แล้วนำมาทำทางเบี่ยง หรือบายพาสให้เลือดไหลในหลอดเลือดที่ดีกว่าแทนหลอดเลือดหัวใจที่อุดตัน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
นอกจากยาและการผ่าตัดแล้ว แพทย์ได้แนะนำให้ปรับพฤติกรรมง่ายๆ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีไขมันและเกลือต่ำ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- เลิกบุหรี่
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นภาวะที่นำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้ หากพบว่าตนเองมีความผิดปกติควรพบแพทย์โดยทันที และไม่ควรซื้อยารับประทานเองเนื่องจากยาที่ใช้รักษามีผลข้างเคียงที่จำเป็นต้องได้รับการปรับขนาดและประเมินผลข้างเคียงโดยแพทย์
ภาวะหัวใจเต้นกระตุกเเรง1ครั้ง แล้วก็เต้นปกติอีกประมาณ15-20นาทีก็จะเต้นเเรงอีก1ครั้งเกิดจากอะไร และเป็นภาวะเริ่มต้นของโรคหัวใจรั้วใช่หรือไม่คร้บ