สิ่งที่ขึ้นชื่อว่า “ยาเสพติด” ล้วนก่อให้เกิดโทษต่อชีวิตผู้เสพด้วยกันทั้งสิ้น โดยทำลายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ครอบครัวที่คุณรักและความมั่นคงของประเทศชาติ
ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรทราบว่า 10 ยาเสพติดซึ่งเป็นที่แพร่หลายในหมู่ผู้เสพนั้นมีอะไรบ้าง แล้วมีโทษอย่างไร ส่งผลอะไรต่อร่างกายของคุณ โทษของยาเสพติดในแต่ละชนิดมีดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
1. โทษของยาบ้า
ยาบ้า (ยาม้า เมทแอมเฟตามีน หรือแอมเฟตามีน) ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาททำให้ผู้เสพมีอาการติดยาทั้งทางร่างกาย และจิตใจ มีลักษณะเป็นเม็ดกลมสีส้ม แดง น้ำตาล เขียว มีอักษร WY, Y, R
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายในช่วงที่เสพใหม่ๆ จะออกฤทธิ์กระตุ้นร่างกายให้มีอาการต่อไปนี้
- เกิดการตื่นตัว ไม่ง่วง
- มีกำลังวังชา
- ความดันโลหิตสูง
- มีอาการใจสั่น
- ตึงเครียด
- อัตราการเต้นของจังหวะหัวใจเร็วขึ้น
แต่เมื่อฤทธิ์ยาหมดลง ระบบสั่งการทางสมองทำงานช้าลง การตัดสินใจช้า ผู้เสพจะมีอาการอ่อนเพลียมากกว่าปกติ และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น
หากผู้เสพยังคงเสพยาบ้าติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือเสพมากเกินขนาด ฤทธิ์ยาก็จะยิ่งทำลายระบบประสาทในร่างกาย และส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบกล้ามเนื้อ ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงอวัยวะต่างๆ เช่น
- สมองเสื่อม
- มีอาการประสาทหลอน เกิดภาพลวงตา
- วิตกกังวล หวาดระแวง
- เสียสติ คลุ้มคลั่งเป็นบ้าจนสามารถทำร้ายผู้อื่นและตนเองได้
- เกิดภาวะหมดสติ และทำให้เสียชีวิตได้
อ่านเพิ่มเติม: ยาบ้า ส่วนผสม อาการของคนเสพ โทษทางกฏหมาย และสถานบำบัด
2. โทษของเฮโรอีน
เฮโรอีนจะเป็นสารเสพติดมีลักษณะเป็นผงสีขาว มีฤทธิ์กดระบบประสาท ผู้เสพอาจฉีดเข้าเส้นเลือด การสูบ เสพผ่านทางการรับประทาน หรือแม้แต่การใช้สอดทางทวารหนัก
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การเสพจะทำให้ผู้เสพรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด มีความสุข และลดอาการเจ็บปวดได้ หรือไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเลย
นอกจากนี้เฮโรอีนยังทำให้ผู้เสพรู้สึกมึนเมา สมอง และการรับรู้จะเบลอคล้ายกับอาการกึ่งง่วงกึ่งตื่น ผู้เสพหลายรายมักใช้เฮโรอีนเพื่อให้รู้สึกว่า ตนเองได้หลีกหนีจากความวุ่นวายและความเครียด
เฮโรอีนเป็นยาเสพติดที่ทำให้ผู้เสพติดได้ง่ายทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ รวมถึงทำให้เกิดโทษระยะยาวที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ได้แก่
- อาการปวดตามส่วนต่างๆ ได้แก่ กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ สันหลัง บั้นเอว และปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- ผิวหนังออกเป็นสีแดง
- นอนไม่หลับ
- กระสับกระส่าย ทุรนทุรายอึดอัด
- มีอาการจุกภายในอกราวกับจะขาดใจตาย
- อ่อนเพลียอย่างหนัก มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ
- มีอาการชักตาตั้ง น้ำลายไหลฟูมปาก
- ม่านนัยน์ตาดำหดลง
- เสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน
- เป็นโรคปอดอักเสบ
- ตับ และไตเสื่อม
- มึนงง ความจำเสื่อม
- หายใจไม่ออก กดระบบทางเดินหายใจ
- หัวใจเต้นช้าลง
- เกิดภาวะเส้นเลือดหดตัว
- เป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล
นอกจากฤทธิ์ของยาแล้ว ผู้เสพยังมีความเสี่ยงอื่นที่เกิดจากวิธีการใช้ เช่น เพิ่มความเสี่ยงทำให้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus: HIV) ผ่านการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และเป็นฝีจากการฉีด
อ่านเพิ่มเติม: โทษของเฮโรอีน อาการของผู้เสพ วิธีการเลิกเสพ
3. โทษของยาอี
ยาอี มีอีกชื่อคือ "ยาเลิฟ" เพราะเป็นยาที่มักใช้ในงานปาร์ตี้ มีฤทธิ์ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ทำให้กล้าพูด และกล้าเผยความรู้สึกในใจออกมามากกว่าปกติ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เป็นยาเสพติดที่มีหลายชื่อเรียก โดยมีชื่อเรียกสากลว่า "เอ็กซ์ตาซี (Ecstasy)" แปลว่า ความสนุกสนานเบิกบานใจ หลังจากเสพยาอีเข้าไปแล้ว ยาจะออกฤทธิ์ภายในเวลา 45 นาที และสามารถอยู่ในร่างกายได้ยาวนานถึง 6–8 ชั่วโมง มักแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ที่เที่ยวกลางคืน
ในครั้งแรกที่เสพ ตัวยาจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทเพียงแค่ระยะสั้นๆ ก่อน จากนั้นยาจะออกฤทธิ์หลอนประสาท ส่งผลให้ผู้เสพมีอาการติดยาทางด้านจิตใจ และมีอาการร่วมอย่างอื่นตามมาด้วย ได้แก่
- ใจสั่น
- ระดับความดันโลหิตสูง
- เหงื่อออกเยอะ
- เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
- เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบประสาทการรับรู้ทั้งหมด ทำให้ทั้งการได้ยิน และการมองเห็นแสงสีต่างๆ ผิดปกติไปจากความจริง เกิดภาพหลอน
อ่านเพิ่มเติม: โทษของยาอี ผลข้างเคียง วิธีการเลิกเสพ
4. โทษของโคเคน
ฤทธิ์ของโคเคนขึ้นอยู่กับวิธี และปริมาณที่เสพเข้าร่างกาย โดยกระตุ้นระบบประสาทและจะส่งผลทางด้านจิตใจมากกว่าด้านร่างกาย เมื่อผู้เสพไม่ได้เสพยาก็อาจรู้สึกขาดยาซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นด้านร่างกายบ้าง แต่จะไม่รุนแรงมากนัก
โคเคนเป็นยาเสพติดที่อันตรายต่ออัตราการเต้นของหัวใจ โดยจะเข้าไปทำให้หัวใจได้รับการกระตุ้นอยู่เสมอ จึงทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อมสภาพลงทีละน้อยๆ จนกระทั่งหัวใจไม่สามารถบีบตัวต่อไปได้ และทำให้ผู้เสพมีภาวะหัวใจล้มเหลวในที่สุด ทำให้สงผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด และอาการต่างๆ ดังนี้
- ระดับความดันโลหิตสูง
- มีไข้
- นอนไม่หลับ เกิดภาพหลอน
- หัวใจเต้นอย่างรุนแรง
- กระวนกระวาย
- ผนังจมูกขาดเลือด ส่งผลให้เยื่อบุโพรงจมูกฝ่อมีการฉีกขาด หรือทะลุ
- สมองจะได้รับการถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ทำให้มีอาการชัก
- เลือดออกในสมอง เกิดเนื้อสมองตายในบางส่วน
นอกจากนี้หากผู้เสพยังคงเสพโคเคนติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคซึมเศร้าอย่างหนักได้ด้วย
อ่านเพิ่มเติม: โทษของโคเคน ผลข้างเคียง วิธีการตรวจหาและเลิกเสพ
5. โทษของยาเค
ผู้เสพยาเคจะมีอาการเคลิบเคลิ้ม เข้าใจผิดว่า ตนเองเป็นผู้ที่มีอำนาจวิเศษ เนื่องจากยาเคเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง
อีกทั้งการรับรู้และการตอบสนองกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวจะเปลี่ยนไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น แสง สี การได้ยินเสียง
ฤทธิ์ของยาเคมักส่งผลต่อระบบการคิด การรับรู้ และตอบสนองของผู้เสพ โดยจะเกิดอาการต่อไปนี้
- เกิดภาวะติดขัดในระบบหายใจ
- มีปัญหาโรคจิต เป็นคนวิกลจริต
- มีความคิดสับสน
- หูแว่ว
- ตาลาย
- ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างสัมพันธ์กันได้
- การเคลื่อนไหวทางด้านร่างกายไม่เป็นไปในจังหวะที่สัมพันธ์กันดังเดิมอีก
- การทำงานของสมองทางด้านการรับรู้ และการตอบสนองกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวมีการเปลี่ยนไป
อ่านเพิ่มเติม: ความหมายของยาเค อาการและผลข้างเคียง วิธีการเลิกเสพ
6. โทษของกัญชา
กัญชาจะออกฤทธิ์หลายอย่างกับระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้เสพเกิดอาการประสาทหลอน มีภาวะอารมณ์ และจิตใจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้เสพเกิดอาการต่อไปนี้
- มีอาการเหมือนเมาสุราอ่อนๆ
- มีอาการง่วงซึม
- ตื่นเต้น ตื่นตัว
- คุยเก่ง สนุกสนาน หัวเราะร่าเริงได้ตลอดเวลา
หากร่างกายได้รับปริมาณกัญชาเข้าไปมากเกินขนาด ก็จะเกิดภาวะผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น
- ประสาทหลอน
- เห็นภาพลวงตา
- หูแว่ว
- ระบบความคิดเกิดการสับสน มึนงง
- ไม่สามารถควบคุมตนเองได้
เมื่อผู้เสพเสพกัญชาเกินขนาดในปริมาณมาก หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ฤทธิ์จากกัญชาก็จะเข้าไปทำลายสมอง ปอด เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้เสื่อมสภาพทรุดโทรมต่อไป
อ่านเพิ่มเติม: ความหมายของกัญชา อาการของผู้เสพและโทษทางกฎหมาย
7. โทษของกระท่อม
ใบกระท่อมมีสารไมตราไจนิน (Mitragynine) ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้เกิดการเสพติดด้านจิตใจมากกว่าด้านร่างกาย ทำให้เมื่อขาดยาก็จะมีอาการลงแดงเกิดขึ้น แต่ไม่รุนแรงมาก
ลักษณะอาการของผู้เสพใบกระท่อม ได้แก่ ทำงานได้อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย มีเรี่ยวแรงพลังมากมาย และทนต่อสภาวะอากาศร้อนหนาวได้อย่างสบายๆ
โทษจากใบกระท่อมสามารถส่งผลต่อความผิดปกติทางประสาท และผิวหนังของผู้เสพ ได้แก่
- หนาวสั่นเมื่ออยู่ท่ามกลางอากาศชื้น
- จิตใจสับสน โลเล
- ประสาทหลอน
- มีสภาพผิวหนังที่แห้งดำไหม้เกรียม
- ปากแห้ง
- ท้องผูก
- นอนไม่หลับ
- สภาพร่างกายเกิดความเสื่อมโทรมอย่างหนัก
อ่านเพิ่มเติม: ความหมายของใบกระท่อม อาการของผู้เสพ การใช้เพื่อรักษาทางการแพทย์และโทษทางกฎหมาย
8. โทษของมอร์ฟีน
มอร์ฟีนจะออกฤทธิ์เข้าไปกดระบบประสาท ผู้เสพจะมีอาการขาดยาทางร่างกายหากไม่ได้เสพยาอย่างต่อเนื่อง ผู้เสพจะมีอาการเสพติดทั้งทางร่างกาย จิตใจ ได้แก่
- สมองช้าเกิดอาการมึนๆ ชาๆ
- สติปัญญาเสื่อม ไม่สนใจต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
- ร่างกายทรุดโทรมอย่างหนักท้องผูก
- คลื่นเหียน
- อาเจียน
- คันตามใบหน้า
- ตาแดง
- ง่วงซึม
9. โทษของฝิ่น
ฝิ่นจะออกฤทธิ์เข้าไปกดระบบประสาท ส่งผลให้ผู้เสพมีอาการเสพติดทั้งทางร่างกาย จิตใจ และยังมีภาวะขาดยาทางร่างกายอีกด้วย
- ตาหรี่ พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง
- ความคิดทำงานเชื่องช้า
- จิตใจเลื่อนลอย
- โลเล สับสน
- มีอาการง่วงซึมตลอดเวลา
- ชีพจรเต้นในระดับช้าขึ้น
นอกจากนี้หากเสพติดฝิ่นเกินขนาด ฤทธิ์ของฝิ่นจะเข้าไปกดระบบการหายใจ ทำให้ผู้เสพเสียชีวิตได้ในที่สุด
10. โทษของเห็ดขี้ควาย
เห็ดขี้ควายมีสารอันตรายสำคัญอย่างไซโลไซบีน (Psilocybin) และไซโลซีน (Psilocine) ผสมอยู่ ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดนี้จะออกฤทธิ์หลอนประสาท ส่งผลให้ผู้เสพเกิดอาการมึนเมา เคลิบเคลิ้ม และเกิดอาการบ้าคลั่งได้
เห็ดขี้ควายเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์เข้าไปทำลายระบบประสาทได้อย่างรุนแรง และหากผู้เสพมีภาวะภูมิต้านทานน้อยอยู่แล้ว เมื่อเสพเข้าไปในปริมาณมากๆ ก็อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้
เมื่อทราบกันแล้วว่า โทษของยาเสพติดมีอะไรบ้าง จากนี้ไปควรจะต้องระมัดระวังและร่วมมือกันจากหลายๆ ส่วนเพื่อปกป้องคนที่คุณรักจากยาเสพติด ทั้งการพูดคุยกันในครอบครัวถึงอันตราย ร่วมกับสถานศึกษาที่ควรจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโทษของยาเสพติดให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จัก และเข้าใจมากขึ้น รวมถึงได้ตระหนักถึงโทษร้ายแรงต่างๆ ของยาแต่ละชนิด
ผู้เสพส่วนมากมักใช้ยาเสพติดเวลาเครียด หรือรู้สึกหดหู่ ดังนั้นหากเกิดภาวะจิตใจซึมเศร้า กดดัน มีปัญหากับชีวิต ไม่ควรอยู่คนเดียวลำพังและควรหาทางออกโดยปรึกษาคนในครอบครัว ผู้ที่ไว้วางใจ หรือไปพบจิตแพทย์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาเสพติดตอบโดยแพทย์
1. สวัสดีค่ะ อยากทราบว่าเสพยาเสพติดตั้งแต่อายุครรภ์ 1-14 สัปดาห์ จะมีผลต่อทารกในครรภ์ไหมคะ?
คำตอบโดย นพ. สุเทพ สุขนพกิจ: เป็นอันตรายมากนะครับ คุณควรไปพบแพทย์และหาทางเลิกใช้ยาเสพติดโดยเร็วที่สุดครับ เพราะยาเสพติดอาจทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด ภาวะเลือดออกในสมอง ทำให้มีการทำลายเซลล์ประสาท และทำให้เส้นรอบศีรษะทารกมีขนาดเล็ก นอกจากนี้ฤทธิ์ยายังส่งผลต่อสมาธิ ความจำ และมีผลทำให้เด็กมีปัญหาพฤติกรรมในระยะยาวอีกด้วยครับ
คำตอบโดย ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก): ยาเสพติดจะส่งผลให้เด็กมีความผิดปกติหลายด้าน ดังนี้
- มีน้ำหนักแรกเกิดน้อย
- มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด
- ภาวะเลือดออกในสมอง
- ภาวะสมองตาย
- ทำให้มีการทำลายเซลล์ประสาท
- เส้นรอบศีรษะมีขนาดเล็ก ซึ่งมีผลต่อสมาธิ ความจำ และมิติสัมพันธ์ (spatial skills) และมีผลทำให้เด็กมีปัญหาพฤติกรรมในระยะยาวอีกด้วย
การป้องกันที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดทุกชนิด ไม่ว่าคุณจะตั้งครรภ์หรือไม่ก็ตาม เพราะผลกระทบที่ตามมาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
ส่วนในรายที่ตั้งครรภ์แล้วและยังไม่เลิก หรือเพิ่งจะเลิกใช้สารเสพติด ก็ต้องระมัดระวังทารกในครรภ์เป็นพิเศษ โดยระหว่างที่ตั้งครรภ์ ควรปฏิบัติดังนี้
- หมั่นไปพบสูติแพทย์เพื่อติดตามผลของพัฒนาการทารกในครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของสูติแพทย์อย่างเคร่งครัด
- งด ละ เลิก สิ่งเสพติดทุกชนิดอย่างเด็ดขาด
- หากคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ควรขอความร่วมมือให้ไปสูบบุหรี่ภายนอกบ้าน เพราะควันบุหรี่มีสารพิษที่เรียกว่า “ทาร์” หรือน้ำมันดิน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทารกในครรภ์และว่าที่คุณแม่ รวมถึงสมาชิกในครอบครัวมากกว่าตัวผู้สูบเองเสียเอง
- เมื่อคลอดบุตรแล้วก็ไม่ควรละเลย ควรพาทารกไปพบกุมารแพทย์เพื่อเฝ้าระวัง คัดกรอง ประเมินพัฒนาการ และพฤติกรรมเป็นระยะๆ เพื่อหาความผิดปกติร่วมที่พบได้บ่อย เช่น ปัญหาด้านการมองเห็น การได้ยินบกพร่อง เพื่อให้การช่วยเหลือ กระตุ้นพัฒนาการโดยเร็วเพื่อลดปัญหาทางด้านการเรียนรู้และปัญหาสังคมที่จะตามมา
(ตอบโดย ชยากร พงษ์พยัคเลิศ (นพ.))
คำถาม: สารกัญชาอยู่ในร่างกายเราได้กี่วัน
คำตอบ: ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความถี่ในการใช้ค่ะ สามารถตรวจพบได้ในระยะเวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ - 3 เดือนค่ะ
(ตอบโดย ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก))
คำถาม: เรากำลังจะต้องเข้ารับการผ่าตัดและต้องตรวจเลือดก่อนผ่าค่ะ ปกติแล้วเราจะใช้กัญชาบ่อยเกือบทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง อยากทราบว่า หมอจะตรวจพบสารเสพติดของกัญชาในเลือดเราไหมคะ?
คำตอบ: การตรวจเลือดก่อนผ่าตัด เป็นการตรวจเพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย ร่วมกับหาความผิดปกติอื่นๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงในการผ่าตัด
สิ่งที่คุณหมอสั่งตรวจส่วนมากได้แก่ ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เกลือแร่ในเลือด น้ำตาล การทำงานของไต และความเสี่ยงๆ อื่นๆ แล้วแต่โรคที่เป็น
ส่วนเรื่องสารกัญชาที่ตกค้างในเลือดจะอยู่นานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สูบมานานแต่ไหน ความถี่ ปริมาณ ความเข้มข้นของพันธ์กัญชาที่ใช้ แต่โดยส่วนมากสารที่ตกค้างจะอยู่ได้นานเป็นเดือนๆ ค่ะ
ส่วนในกรณีของคุณถามว่าจะตรวจพบไหม ต้องตอบว่า พบค่ะ (ถ้าคุณหมอสั่งตรวจสารกัญชา) แต่ถ้าโรคที่ผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวกับการตรวจหาสารเสพติด คุณหมอก็ไม่สั่งตรวจค่ะ (เพราะจะสิ้นเปลืองน้ำยาโดยใช่เหตุ) (ตอบโดย ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก))
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสารเสพติด จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
รวมบทความที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
- ข้อมูลของยาบ้า อาการของผู้เสพ และโทษทางกฎหมาย
- ข้อมูลของโคเคน อาการของผู้เสพ วิธีเลิกเสพและหลีกเลี่ยง
- ข้อมูลของเฮโรอีน อาการของผู้เสพ ผลข้างเคียง วิธีเลิกเสพและหลีกเลี่ยง
- ข้อมูลของยาอี อาการของผู้เสพ ผลข้างเคียง วิธีเลิกเสพและหลีกเลี่ยง
- ข้อมูลของยาเค อาการของผู้เสพ วิธีเลิกเสพและหลีกเลี่ยง
- ข้อมูลของกัญชา อาการของผู้เสพ และโทษทางกฎหมาย
- ข้อมูลของใบกระท่อม สรรพคุณทางยา อาการของผู้เสพ และโทษทางกฎหมาย
- การใช้ยาในระหว่างตั้งครรภ์อันตรายอย่างไร
- ยาเสพติดทำลายสมอง และก่อให้เกิดอาการทางจิตได้อย่างไร
- ภาวะวิตกกังวลที่เกิดจากการใช้ยา หรือสารต่างๆ คืออะไร
- ยาแก้ไอและยาแก้หวัด เป็นสารเสพติดด้วยหรือ
- อาการของผู้ติดยาเสพติดชนิดต่างๆ เป็นอย่างไร