สรรพคุณของยา Fluoxetine
ยา Fluoxetine เป็นยาสำหรับรักษาโรคซึมเศร้า อาการตื่นตระหนก โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive compulsive disorder) โรคพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ หรือโรคบูลีเมีย (Bulimia) และใช้รักษาผู้หญิงที่มีกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนอย่างรุนแรง (premenstrual dysphoric disorder)
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ยานี้อาจช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร และช่วยเพิ่มระดับพลังงานในร่างกาย และอาจช่วยให้คุณกลับมาทำกิจกรรมที่สนใจในชีวิตประจำวันได้ ยาอาจช่วยลดความกลัว ความวิตกกังวล ความคิดที่ไม่ต้องการ และช่วยลดจำนวนครั้งของอาการตื่นตระหนก
นอกจากนี้ยาอาจช่วยลดการทำพฤติกรรมซ้ำ เช่น การล้างมือบ่อยครั้ง การนับ และการตรวจเช็คสิ่งต่างๆ ซ้ำๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
ยา Fluoxetine อาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น ความหงุดหงิดฉุนเฉียว ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร และลดอาการซึมเศร้า
ยานี้ยังช่วยลดพฤติกรรมการรับประทานอาหารมากผิดปกติ (binging) และลดพฤติกรรมการพยายามให้ตนเองอาเจียน (Purging) ในผู้ป่วยโรคบูลีเมียอีกด้วย
วิธีใช้ยา Fluoxetine
อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ และในทุกครั้งที่มารับยาซ้ำ หากมีคำถามใดๆ ให้สอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
ให้รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยทั่วไปจะรับประทานวันละ 1 ครั้งตอนเช้า ถ้าคุณต้องรับประทานยานี้วันละ 2 ครั้ง แพทย์อาจให้คุณรับประทานยาในตอนเช้าและตอนกลางวัน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ถ้าคุณใช้ยา Fluoxetine สำหรับอาการก่อนมีประจำเดือน แพทย์อาจให้คุณรับประทานยานี้ทุกวัน หรือให้รับประทานในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือนไปจนถึงวันแรกที่มีประจำเดือน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ลืม อาจใช้วิธีกาเครื่องหมายไว้บนปฏิทินเพื่อเตือนตนเอง
ถ้าคุณใช้ยา Fluoxetine ในรูปแบบยาน้ำ ให้ตวงยาโดยใช้อุปกรณ์ตวงยา/ช้อนตวงยาโดยเฉพาะ อย่าใช้ช้อนรับประทานอาหารตวงยา เพราะอาจได้รับขนาดยาไม่ถูกต้องได้
ขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง แพทย์อาจให้คุณเริ่มยาในขนาดต่ำก่อน และค่อยๆ ปรับเพิ่มขนาดยาขึ้น ดังนั้นคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งใช้ยาของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจึงจะได้ประโยชน์จากยาเต็มที่ เพื่อไม่ให้ลืม แนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน
คุณจะต้องรับประทานยานี้อย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าจะรู้สึกอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะอาการบางอย่างอาจแย่ลงได้เมื่อหยุดยากะทันหัน ซึ่งการหยุดยาอย่างถูกต้องอาจจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาลงช้าๆ ก่อนการหยุดยา
คุณควรสังเกตเห็นว่าอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และอาจใช้เวลานาน 4-5 สัปดาห์จึงจะเห็นผลจากยาเต็มที่
ให้แจ้งแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ผลข้างเคียงของยา Fluoxetine
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา Fluoxetine ได้แก่ คลื่นไส้ ง่วงนอน เวียนศีรษะ วิตกกังวล นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหงื่อออก หรือมีอาการหาว ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์ทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง ได้แก่
- มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สภาพจิตใจอย่างผิดปกติ หรือรุนแรง เช่น กระสับกระส่าย ตื่นตัวมากผิดปกติ รู้สึกมีพละกำลังมากผิดปกติ มีความคิดฆ่าตัวตาย
- มีเลือดออกง่าย มีรอยช้ำง่าย
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อหดเกร็ง
- ตัวสั่น
- ความสนใจทางเพศลดลง
- ความสามารถทางเพศเปลี่ยนไป
- น้ำหนักลดผิดปกติ
ให้ไปพบแพทย์ทันที ถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมาก ได้แก่
- อุจจาระปนเลือด อุจจาระมีสีดำ หรือเหมือนน้ำมันดิน
- อาเจียนคล้ายกากกาแฟ
- หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- หน้ามืด เป็นลม
- มีอาการชัก
- มีอาการของโรคไต เช่น มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณปัสสาวะ
- ปวดตา ตาบวม ตาแดง
- รูม่านตาขยาย
- การมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นรุ้งรอบแสงไฟตอนกลางคืน ตาพร่ามัว
ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน ยา Fluoxetine อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ และนำผลการตรวจมาให้แพทย์ดูด้วย ซึ่งแพทย์อาจจำเป็นต้องปรับยารักษาโรคเบาหวาน ปรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายในขณะที่คุณเริ่มหรือหยุดยา Fluoxetine
ยา Fluoxetine อาจเพิ่มปริมาณสารสื่อประสาท Serotonin ซึ่งอาจก่อให้เกิดกลุ่มอาการที่ร้ายแรงได้ (พบได้น้อย) ซึ่งก็คือกลุ่มอาการซีโรโตนิน หรือ ซีโรโตนินเป็นพิษ (Serotonin syndrome/toxicity) โดยความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้จะเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาอื่นที่เพิ่มปริมาณสาร Serotonin ในร่างกายร่วมด้วย ดังนั้นคุณต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับรายการยาทุกรายการที่กำลังใช้อยู่ และไปพบแพทย์ทันที ถ้ามีอาการใดๆ ดังนี้: หัวใจเต้นเร็ว ประสาทหลอน สูญเสียการประสานงานกันของร่างกาย เวียนศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้/อาเจียน/ท้องเสียอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อกระตุก มีไข้อย่างไม่ทราบสาเหตุ กระสับกระส่าย กระวนกระวายผิดปกติ
ที่พบได้น้อย ผู้ชายอาจมีอาการปวดที่อวัยวะเพศ หรืออวัยวะเพศแข็งตัวนานตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้ามีอาการนี้เกิดขึ้น ให้หยุดใช้ยา และไปพบแพทย์ทันที ซึ่งอาการข้างเคียงนี้อาจเป็นเรื้อรังได้หากยังใช้ยาต่อไป
ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น คัน/บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ) เวียนศีรษะรุนแรง หายใจลำบาก
อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ข้อควรระวังในการใช้ยา Fluoxetine
ถ้าคุณแพ้ยา Fluoxetine หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนการใช้ยา Fluoxetine ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณ
- ตนเองหรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder)
- ตนเองหรือคนในครอบครัวมีประวัติคิดฆ่าตัวตาย
- เป็นโรคตับ
- เป็นโรคเบาหวาน
- โซเดียมในเลือดต่ำ เช่น เกิดขึ้นระหว่างการใช้ยาขับปัสสาวะ (Diuretics)
- ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง
- มีอาการชัก
- เป็นแผลในกระเพาะอาหาร/ลำไส้
- ตนเองหรือคนในครอบครัวเป็นโรคต้อหินมุมปิด
ยา Fluoxetine อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หรือง่วงนอนได้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คุณมีอาการวิงเวียนศีรษะหรือง่วงนอนได้มากขึ้น ห้ามขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
ยา Fluoxetine อาจเป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาว (QT prolongation) หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด QT prolongation เป็นสภาวะที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง (อาจทำให้เสียชีวิตได้) ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีอาการอื่นๆ เช่น เวียนศีรษะรุนแรง หน้ามืด ซึ่งต้องรีบทำการรักษาทันที
ความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด QT prolongation อาจเพิ่มขึ้นในผู้ที่มีโรคบางโรค หรือกำลังใช้ยาบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของ QT prolongation อยู่แล้ว ดังนั้นก่อนใช้ยา Fluoxetine คุณต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ รวมถึงหากเป็นโรคดังต่อไปนี้ โรคหัวใจบางชนิด (หัวใจวาย, หัวใจเต้นช้า, พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG), มีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจบางชนิด (พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG, คนในครอบครัวเสียชีวิตจากหัวใจวาย)
การที่ร่างกายมีระดับโพแทสเซียม (Potassium) หรือ แมกนีเซียม (Magnesium) ในเลือดต่ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด QT prolongation โดยความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาขับปัสสาวะ) หรือมีอาการเหงื่อออกรุนแรง ท้องเสียรุนแรง หรืออาเจียนรุนแรง ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีในการใช้ยา Fluoxetine อย่างปลอดภัย
ยา Fluoxetine ชนิดน้ำอาจมีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ จึงต้องระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรัง หรือผู้ป่วยโรคตับ ยาบางชนิด เช่น Metronidazole, Disulfiram อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาอย่างร้ายแรงได้หากใช้ร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยานี้อย่างปลอดภัย
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่
ผู้สูงอายุอาจมีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงจากยาได้มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอาการเลือดออก และหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด QT prolongation นอกจากนี้ผู้สูงอายุอาจเกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำได้ โดยเฉพาะถ้าใช้ยาขับปัสสาวะร่วมด้วย
ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ นอกจากนี้เด็กทารกที่คลอดจากมารดาที่ใช้ยานี้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์อาจมีอาการถอนยา เช่น หายใจลำบาก ดูดนมลำบาก มีอาการชัก กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง หรือร้องไห้ไม่หยุด ถ้าคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ในเด็กแรกเกิด ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
เนื่องจากโรคเกี่ยวกับอารมณ์ สภาพจิตใจผิดปกติ ที่ไม่ได้รับการรักษา เช่น ซึมเศร้า โรคตื่นตระหนก โรคย้ำคิดย้ำทำ อาจเป็นอาการที่ร้ายแรงได้ ดังนั้นห้ามหยุดยาเองโดยแพทย์ไม่ได้สั่ง ถ้าคุณกำลังวางแผนตั้งครรภ์ กำลังตั้งครรภ์ หรือคิดว่าตนเองอาจจะตั้งครรภ์ ให้รีบปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์ทันที
ยา Fluoxetine ผ่านไปยังน้ำนมได้ และอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ในทารกที่ดูดนม จึงให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร
คำเตือนในการใช้ยา Fluoxetine
ยาต้านเศร้า (Antidepressant medications) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคได้หลายโรค ได้แก่ โรคซึมเศร้า และโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางจิตใจ/ความผิดปกติทางอารมณ์ (Mental/Mood disorders) โดยยาเหล่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มีความคิดฆ่าตัวตาย/พยายามฆ่าตัวตาย และยังมีประโยชน์ที่สำคัญอื่นๆ กับตัวผู้ป่วยที่ใช้ยา อย่างไรก็ตามมีข้อมูลพบผู้ป่วยจำนวนน้อย (โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี) ซึ่งใช้ยาต้านเศร้าสำหรับโรคใดๆ ก็ตาม อาจมีอาการซึมเศร้าแย่ลง มีอาการทางสภาวะจิตใจ/อารมณ์ หรือมีความคิดฆ่าตัวตาย หรือพยายามฆ่าตัวตาย ดังนั้นสิ่งสำคัญมากๆ คือต้องปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยาต้านเศร้า (โดยเฉพาะในผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี) แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ยานี้สำหรับโรคทางจิตใจ หรืออารมณ์ก็ตาม
แจ้งแพทย์ทันที หากคุณมีอาการซึมเศร้าแย่ลง หรือมีอาการทางจิตที่แย่ลง มีพฤติกรรมผิดปกติไป (รวมถึงความคิดฆ่าตัวตาย หรือพยายามฆ่าตัวตาย) หรือมีความเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจ อารมณ์ (มีอาการวิตกกังวล หรือวิตกกังวลมากกว่าเดิม ตื่นตระหนก มีปัญหาในการนอนหลับ หงุดหงิด ฉุนเฉียว รู้สึกเกลียด รู้สึกโกรธ มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น กระวนกระวายใจอย่างรุนแรง พูดเร็วมาก โดยให้สังเกตอาการเหล่านี้เป็นพิเศษในช่วงเริ่มใช้ยาต้านเศร้า หรือเมื่อมีการปรับขนาดยา
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา Fluoxetine
สภาวะต่อไปนี้ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา Fluoxetine ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์ทราบหากคุณมีสภาวะดังต่อไปนี้
- เป็นโรคเบาหวาน
- กลุ่มอาการของการหลั่งฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะไม่เหมาะสม (Syndrome of Inappropriate Antidiuretic Hormone Secretion)
- มีระดับแมกนีเซียม (Magnesium) ในเลือดต่ำ
- มีระดับโซเดียม (Sodium) ในเลือดต่ำ
- มีระดับโพแทสเซียม (Potassium) ในเลือดต่ำ
- มีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกมากกว่าปกติ
- มีพฤติกรรมร่าเริงและทำกิจกรรมต่างๆ มากเกินไป
- มีอาการคลุ้มคลั่งที่ไม่รุนแรง (Mild Degree of Mania)
- เป็นโรคไบโพลาร์
- มีความคิดฆ่าตัวตาย
- เป็นกลุ่มอาการซีโรโตนิน (Serotonin syndrome)-การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา
- เป็นโรคต้อหินมุมปิด หรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินมุมปิด
- มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดใน 30 วันที่ผ่านมา
- หัวใจเต้นเร็วชนิด Torsades de Pointes
- หัวใจเต้นช้า
- พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG
- มีอาการหัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรงเฉียบพลัน
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ผิดปกติแต่กำเนิด
- ตับแข็ง หรือเป็นโรคตับ
- มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ลำไส้ หลอดอาหาร
- มีอาการชัก
- เบื่ออาหาร
- เป็นผู้ที่มีการทำงานของเอนไซม์ CYP2D6 น้อยกว่าปกติ (CYP2D6 poor metabolizer)
- แพ้ยา Fluoxetine หรือยาอื่นที่โครงสร้างคล้ายกัน
- แพ้ยาในกลุ่ม SSRIs
การใช้ยา Fluoxetine ร่วมกับยาอื่น
การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
ยา Fluoxetine อาจอยู่ในร่างกายได้นานหลายสัปดาห์หลังรับประทานยามื้อสุดท้าย และอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ได้หลายชนิด ดังนั้นก่อนการใช้ยาอื่น ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรถ้าคุณรับประทานยา Fluoxetine ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา
รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Fluoxetine ได้แก่:
- ยาที่ถูกขจัดออกจากร่างกายผ่านเอนไซม์ที่ตับบางชนิด รวมถึงยา Vinblastine
- ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Propafenone/Flecainide
- ยาต้านเศร้ากลุ่ม Tricyclic Antidepressants เช่น Desipramine/Imipramine
- ยาอื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดเลือดออก มีรอยช้ำ ได้แก่
- ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Clopidogrel
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS) เช่น Ibuprofen
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin
การใช้ยาในกลุ่ม MAO Inhibitors ร่วมกับยา Fluoxetine อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่ร้ายแรงได้ (อาจทำให้เสียชีวิตได้) จึงต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่ม MAO Inhibitors (Isocarboxazid, Linezolid, Methylene Blue, Moclobemide, Phenelzine, Procarbazine, Rasagiline, Safinamide, Selegiline, Tranylcypromine) ระหว่างใช้ยา Fluoxetine โดยยาในกลุ่ม MAO Inhibitors ส่วนใหญ่ ควรเว้นระยะห่างไม่ใช้ร่วมกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและ 5 สัปดาห์หลังใช้ยา Fluoxetine โดยให้ปรึกษาแพทย์ว่าเมื่อใดควรเริ่มยาหรือหยุดยา Fluoxetine
ยาหลายๆ ชนิดนอกจากยา Fluoxetine อาจส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ (ทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวขึ้น) ได้แก่ยา Pimozide และ Thioridazine
ยา Aspirin จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกเมื่อใช้ร่วมกับยา Fluoxetine อย่างไรก็ตามถ้าแพทย์สั่งยา Aspirin ขนาดต่ำให้คุณสำหรับป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (Heart attack prevention) หรือเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke prevention) (ขนาดยาโดยทั่วไปคือ 81-325 มิลลิกรัมต่อวัน) คุณควรใช้ยา Aspirin ต่อ ยกเว้นแพทย์สั่งเป็นอย่างอื่น
ความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการซีโรโตนิน หรือ ซีโรโตนินเป็นพิษ (Serotonin syndrome/toxicity) จะเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาอื่นที่เพิ่มปริมาณสารสื่อประสาท Serotonin ในร่างกาย ตัวอย่างเช่น สมุนไพร St. John's wort, ยาต้านเศร้าบางชนิด (ยาในกลุ่ม SSRIs เช่น Citalopram/Paroxetine, ยาในกลุ่ม SNRIs เช่น Duloxetine/Venlafaxine) โดยความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการซีโรโตนิน หรือ ซีโรโตนินเป็นพิษอาจเพิ่มมากขึ้นเมื่อเริ่มใช้ยาหรือเมื่อปรับเพิ่มขนาดยา
แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณกำลังใช้ยา/ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ง่วงนอน เช่น แอลกอฮอล์, ยาต้านฮีสตามีน (เช่น Cetirizine, Diphenhydramine), ยานอนหลับ หรือยารักษาอาการวิตกกังวล (เช่น Alprazolam, Diazepam, Zolpidem), ยาคลายกล้ามเนื้อ, และยาแก้ปวดที่อาจทำให้เสพติดได้ (เช่น Codeine)
อ่านฉลากยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ (เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ แก้หวัด) เพราะยาเหล่านี้อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้ง่วงนอนได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีในการใช้ยาเหล่านี้อย่างปลอดภัย
ยา Fluoxetine อาจรบกวนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ/ผลการตรวจทางการแพทย์ เช่น การตรวจสแกนสมองสำหรับโรคพาร์กินสัน ซึ่งอาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้ ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทุกคนว่าคุณกำลังใช้ยานี้อยู่
การได้รับยา Fluoxetine เกินขนาด
หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา Fluoxetine เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
อาการของการได้รับยาเกินขนาดอาจได้แก่ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หน้ามืด
หมายเหตุ
ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้
ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจร่างกาย และตรวจติดตามอาการทางจิตเวช
หากลืมรับประทานยา Fluoxetine
ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
การเก็บรักษายา Fluoxetine
เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก