ข้อมูลภาพรวมของโพแทสเซียม
โพแทสเซียม (Potassium) คือแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายมากมาย แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมมีทั้งผลไม้ (โดยเฉพาะผลไม้อบแห้ง), ธัญญาหาร, ถั่ว, นม, และผักต่าง ๆ
โพแทสเซียมออกฤทธิ์อย่างไร?
โพแทสเซียมมีบทบาทต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่าง รวมไปถึงกระบวนการส่งสัญญาณประสาท, การบีบรัดตัวของกล้ามเนื้อ, ปรับสมดุลของเหลวร่างกาย, และอยู่ในปฏิกิริยาทางเคมีมากมาย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การใช้และประสิทธิภาพของโพแทสเซียม
ภาวะที่ใช้โพแทสเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (hypokalemia) การรับประทานหรือให้โพแทสเซียมเข้าเส้นเลือด (intravenously (by IV)) สามารถป้องกันและรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำได้
ภาวะที่อาจใช้โพแทสเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) การบริโภคโพแทสเซียมจากอาหารที่สูงนั้นเชื่อมโยงกับการลดลงของความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองถึง 20% การทานอาหารเสริมโพแทสเซียมเองก็อาจมีความเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงต่อโรคนี้เช่นกัน กระนั้นยังคงต้องการงานวิจัยที่มีคุณภาพสูงมาพิสูจน์สรรพคุณของโพแทสเซียมเช่นนี้อยู่
ภาวะที่ยังคงขาดหลักฐานว่าใช้โพแทสเซียมรักษาได้หรือไม่
- ปวดฟัน งานวิจัยบางชิ้นได้แสดงให้เห็นว่าการใช้ยาสีฟันที่ประกอบด้วย potassium nitrite สามารถลดอาการเสียวฟันได้ อย่างไรก็ตามยาสีฟันเหล่านี้อาจมีประสิทธิภาพโดยรวมด้อยกว่ายาสีฟันทั่วไป
- สิว
- ภาวะติดแอลกอฮอล์ (Alcoholism)
- ภูมิแพ้
- โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's disease)
- ข้ออักเสบ (Arthritis)
- ท้องอืด
- การมองเห็นไม่ชัดเจน
- มะเร็ง
- กลุ่มอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง (Chronic fatigue syndrome)
- โรคลำไส้อักเสบ (Colitis)
- สับสน
- ท้องผูก
- เหนื่อยล้าและอารมณ์เหวี่ยงระหว่างช่วงหมดประจำเดือนหมาด ๆ
- ไข้
- เก๊าท์
- ปวดศีรษะ
- หัวใจวาย
- โคลิกในเด็กทารก (colic)
- ดื้อยาอินซูลิน
- ฉุนเฉียว
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Ménière's disease)
- กลุ่มอาการหมดประจำเดือน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular dystrophy)
- ปัญหาผิวหนัง
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด Myasthenia gravis
- ความเครียด
- นอนไม่หลับ
- ภาวะสุขภาพอื่น ๆ
จำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้มากขึ้นเพื่อให้ข้อมูลด้านประสิทธิผลของโพแทสเซียมเพิ่มเติม
ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของโพแทสเซียม
โพแทสเซียมถูกจัดว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับผู้คนส่วนมากเมื่อรับประทานในปริมาณที่สูงถึง 100 mEq หรือเมื่อฉีดเข้าเส้นเลือด (intravenously (by IV)) โดยการกำกับดูแลจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ บางคนอาจมีปฏิกิริยาจากโพแทสเซียมอย่างปวดท้อง, คลื่นไส้, ท้องร่วง, อาเจียน, หรือแก๊สในลำไส้
การบริโภคโพแทสเซียมมากเกินจะถูกจัดว่าไม่ปลอดภัยและอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนหรือยุกยิก, อ่อนแรง, อัมพาต, สับสน, ความดันโลหิตต่ำ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, หรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นไม่ควรรับประทานโพแทสเซียมเสริมด้วยตัวเองเพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
แพ้ยา aspirin หรือ tartrazine: ควรเลี่ยงการทานอาหารเสริมโพแทสเซียมที่มีส่วนประกอบเป็น tartrazine
ฟอกเลือด: ระดับโพแทสเซียมในเลือดของผู้ที่เข้ารับการฟอกเลือดอาจจะสูงหรือต่ำได้ โดยระดับที่ผันแปรนี้อาจจะขึ้นอยู่กับประเภทของกระบวนการฟอกเลือดที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา หากคุณกำลังต้องเข้าฟอกเลือด คุณอาจต้องได้รับอาหารเสริมหรือจำกัดปริมาณโพแทสเซียมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ภาวะผิดปรกติของระบบย่อยอาหารที่อาจเปลี่ยนแปลงความเร็วของการเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ของอาหารหรืออาหารเสริม (GI motility conditions): หากคุณมีภาวะที่ทำให้ร่างกายมีความผิดปรกติประเภทนี้ ไม่ควรใช้อาหารเสริมโพแทสเซียมเพราะอาจทำให้มีโพแทสเซียมกักเก็บในร่างกายมาเกินไปจนอาจเป็นอันตรายได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โรคไต: หากคุณเป็นโรคไตควรใช้โพแทสเซียมตามคำแนะนำหรือการดูแลของแพทย์เท่านั้น
ปลูกถ่ายไต: มีรายงานสองชิ้นที่กล่าวว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารับการปลูกถ่ายไตมีระดับโพแทสเซียมที่สูงมากหลังได้รับ potassium citrate ดังนั้นหากคุณเข้ารับการปลูกถ่ายไตมาควรใช้โพแทสเซียมตามคำแนะนำหรือการดูแลของแพทย์เท่านั้น
“โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง” อย่าง multiple sclerosis (MS), โรคพุ่มพวง (lupus (systemic lupus erythematosus, SLE)), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis (RA)), หรือภาวะที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ : อึ่งคี้อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของคุณทำงานมากขึ้น และนั่นจะทำให้คุณประสบกับอาการจากโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองมากขึ้น หากคุณป่วยเป็นโรคในกลุ่มนี้ควรเลี่ยงการใช้อึ่งคี้จะดีที่สุด
การใช้โพแทสเซียมร่วมกับยาชนิดอื่น
ใช้โพแทสเซียมร่วมกับยาเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง
- ยาสำหรับความดันโลหิตสูง (ACE inhibitors) กับโพแทสเซียม
ยาสำหรับความดันโลหิตสูงบางตัวอาจเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือดได้ ดังนั้นการทานโพแทสเซียมร่วมกับยาเหล่านี้อาจทำให้ร่างกายมีโพแทสเซียมมากเกินไป ตัวอย่างยาสำหรับความดันโลหิตสูงมีดังทั้ง captopril (Capoten), enalapril (Vasotec), lisinopril (Prinivil, Zestril), ramipril (Altace), และอื่น ๆ
- ยาสำหรับความดันโลหิตสูง (Angiotensin receptor blockers (ARBs)) กับโพแทสเซียม
ยาสำหรับความดันโลหิตสูงบางตัวอาจเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือดได้ ดังนั้นการทานโพแทสเซียมร่วมกับยาเหล่านี้อาจทำให้ร่างกายมีโพแทสเซียมมากเกินไป ตัวอย่างยาสำหรับความดันโลหิตสูงมีดังทั้ง losartan (Cozaar), valsartan (Diovan), irbesartan (Avapro), candesartan (Atacand), telmisartan (Micardis), eprosartan (Teveten), และอื่น ๆ
- ยาขับน้ำ (Potassium-sparing diuretics) กับโพแทสเซียม
ยาขับน้ำบางชนิดสามารถเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือดได้ ดังนั้นการทานยาขับน้ำร่วมกับโพแทสเซียมอาจทำให้ร่างกายมีโพแทสเซียมมากเกินไป ตัวอย่างยาขับน้ำที่เพิ่มโพแทสเซียมในร่างกายมีทั้ง amiloride (Midamor), spironolactone (Aldactone), และ triamterene (Dyrenium)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ปริมาณยาที่ใช้
ปริมาณหรือขนาดยาที่ใช้ดังต่อไปนี้ได้ถูกศึกษาจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ผู้ใหญ่
รับประทาน:
- ปริมาณสารอาหารที่เพียงพอ (adequate intake (AI)) ของโพแทสเซียมคือ 4.7 กรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่, 4.7 กรัมสำหรับสตรีมีครรภ์, และ 5.1 กรัมต่อวันสำหรับผู้หญิงที่ให้นมบุตร
- สำหรับภาวะโพแทสเซียมต่ำ (hypokalemia): สำหรับป้องกันภาวะระดับโพแทสเซียมต่ำคือ 20 mEq (ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 780 mg) มักถูกนำไปรับประทานทุกวัน สำหรับรักษาภาวะระดับโพแทสเซียมต่ำคือ 40-100 mEq (ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 1560-3900 mg) โดยแบ่งเป็น 2-5 โดสต่อวัน
- สำหรับความดันโลหิตสูง (hypertension): สำหรับรักษาความดันโลหิตสูง 3500-5000 mg ต่อวัน โดยควรได้รับจากอาหารจะดีที่สุด
- สำหรับโรคหลอดเลือดสมอง: สำหรับป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ปริมาณสารอาหารที่แนะนำคือประมาณ 75 mEq (ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 3.5 กรัม) ทุกวัน
ฉีดเข้าเส้นเลือด:
- สำหรับภาวะโพแทสเซียมต่ำ (hypokalemia): ปริมาณและอัตราการให้ potassium chloride ทางเส้นเลือดสำหรับป้องกันหรือรักษาภาวะโพแทสเซียมต่ำจะแตกต่างและขึ้นอยู่กับภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย การจัดฉีดยาทุกครั้งต้องถูกตรวจสอบและกำกับดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพตลอดเวลา
เด็ก
- ปริมาณสารอาหารที่เพียงพอ (adequate intake (AI)) สำหรับทารกอายุ 6 เดือนลงไปคือ 0.4 กรัมต่อวัน, สำหรับทารกอายุ 6-12 เดือนคือ 0.7 กรัมต่อวัน, สำหรับเด็กอายุ 1-3 ปีคือ 3 กรัม, สำหรับเด็กอายุ 4-8 ปีคือ 3.8 กรัม, และสำหรับเด็กอายุ 9-13 ปีคือ 4.5 กรัม