สิว ปัญหาน่าหนักใจของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะ "สิวอุดตัน" ที่ผุดขึ้นมาแต่ละครั้งก็ทำให้เสียความมั่นใจ แถมยังรักษายากอีกด้วย วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักสิวอุดตัน ตั้งแต่ลักษณะของสิว สาเหตุของการเกิดสิว วิธีการป้องกันและรักษาสิวอุดตันอย่างได้ผล มาดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผิวหนังปกติของคนเราจะมีความชุ่มชื้น เนื่องจากต่อมใต้ผิวหนังผลิตซีบัม ซึ่งเป็นของเหลวที่มีน้ำมันและขี้ผึ้งปนกัน ส่งผ่านท่อเล็กๆ ขึ้นมาหล่อเลี้ยง
รักษาสิว ลดรอยสิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 93%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สิวเกิดขึ้นเมื่อท่อเล็กๆ เหล่านี้ถูกอุดตันจากซีบัมที่ผสมกับผนังท่อจนรวมกันเป็นก้อนใหญ่ ดันขึ้นมาบนผิวหน้ากลายเป็นตุ่มเล็กๆ หรือสิวหัวขาว
หากผสมกับเม็ดสีในผิวหนังจะกลายเป็นสิวหัวดำ และหากมีจุลินทรีย์อยู่บนผิวหน้าแถบนั้นก็จะทำให้เกิดการอักเสบเป็นรอยแดงหรือกลายเป็นหนองได้
ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในวัยรุ่นทำให้คนวัยนี้เป็นสิวมากกว่าวัยอื่น เพราะฮอร์โมนไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น ผลิตไขมันมากขึ้น โอกาสที่ท่อจะอุดตันจึงเพิ่มขึ้นด้วย
การรักษาหรือป้องกันสิวจำเป็นต้องจัดการที่สาเหตุ นั่นคือลดการสร้างไขมัน ป้องกันการอุดตันของท่อน้ำส่งซีบัม และกำจัดเชื้อโรคบนผิวหน้าเพื่อป้องกันสิวอักเสบลุกลาม
ช็อกโกแลตอาจไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้สิวกำเริบอย่างที่เข้าใจกัน
หลายคนเชื่อว่าช็อกโกแลต ของหวาน และอาหารทอดๆ มันๆ เป็นตัวการที่ทำให้เกิดสิว แต่สาเหตุแท้จริงที่ทำให้สิวกำเริบอาจมาจากสาเหตุอื่นๆ โดยเฉพาะความเครียดจากเรื่องต่างๆ เช่น การเรียนหรือการงาน ที่มีผลโดยตรงกับการหลั่งฮอร์โมน และมีผลทางอ้อมกับสิว
ในระยะที่จิตใจปลอดโปร่งจึงรู้สึกว่าสิวลดลงไปด้วย ขณะเดียวกัน เมื่อเกิดความเครียดก็จะมีสิวขึ้นเยอะ และเป็นไปได้ว่าบางคนกินช็อกโกแลตหรือของหวานของมันเพื่อคลายเครียด เมื่อมีสิวขึ้นจึงคิดไปว่าเกิดจากอาหารเหล่านี้
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
นอกจากนี้หลายคนยังสับสนระหว่างสิวกับอาการแพ้อาหาร โดยผื่นแดงที่ผิวหนังอาจเป็นอาการแพ้อาหารอย่างหนึ่งซึ่งป้องกันได้โดยการเลิกกินอาหารชนิดนั้น เช่น กินปูแล้วเป็นผื่น ก็ควรเลิกกินปู เป็นต้น แต่ว่าสิวกับผื่นนั้นไม่เหมือนกัน จึงแก้ด้วยวีธีเดียวกันไม่ได้
ถึงแม้อาหารจะไม่ใช่ต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว การงดอาหารบางอย่างจึงไม่น่าจะทำให้สิวหายได้ แต่สุขภาพโดยทั่วไปของผิวหนังก็ยังขึ้นอยู่กับภาวะโภชนาการของร่างกาย
การกินอาหารไม่ครบถ้วน จนทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น การขาดวิตามินเอ กรดไขมันที่จำเป็น วิตามินบีสอง และไนอาซีน สามารถทำให้ผิวหนังแห้ง ลอก เป็นขุย เป็นผื่น หรือมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นตามผิวหนังได้
สำหรับวัยรุ่นที่มีโอกาสเกิดสิวมากเป็นพิเศษ ต้องหมั่นดูแลให้ผิวหน้าสะอาดอยู่เสมอ และเอาใจใส่เรื่องอาหาร ต้องกินอาหารครบทั้ง 5 หมู่
ไม่ควรเลือกกินเพียงหมู่หนึ่งหมู่ใดมากเป็นพิเศษ เช่น กินเนื้อสัตว์มาก หรือกินแป้งมาก เป็นต้น
แต่ควรรับประทานผัก ผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะด้วย เพราะนอกจากจะให้เกลือแร่และวิตามินสูงแล้ว ยังมีกากใย ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่พบว่าการกินวิตามินจะช่วยรักษาสิวได้ เพราะการกินอาหารที่ถูกสัดส่วนนั้นเพียงพอสำหรับการรักษาสุขภาพของผิวหนังอยู่แล้ว ในขณะที่การกินของหวานจัดและมันมาก เป็นการกินอาหารที่ไม่ถูกหลักสัดส่วนโภชนาการ แม้ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดสิวโดยตรง แต่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน
สิวอุดตันคืออะไร ?
สิวอุดตัน โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นเม็ด ตุ่ม หรือผื่น ซึ่งเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน มีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของสิว เช่น สิวผดที่มีลักษณะเป็นผดเล็กๆ แต่ไม่มีหัว และมักขึ้นบริเวณหน้าผาก ไรผม จมูก และแก้ม
หากเหงื่อออกมากหรืออยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน บวกกับการเช็ดถูผิวหน้าแรงๆ โดยมีสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียทับถมเพิ่ม สิวอุดตันแบบเม็ดผดก็มักจะผุดขึ้นได้ง่าย
นอกจากสิวผดแล้วก็ยังมีสิวหัวเปิดหรือสิวหัวดำ สิวหัวปิดหรือสิวหัวขาว และสิวที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าเห็น ซึ่งสิวแต่ละชนิดล้วนมีลักษณะบนใบหน้าที่เด่นชัดแตกต่างกันไป
ประเภทของสิว
ประเภทของสิวแบ่งตามลักษณะการเกิดสิวที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
- สิวอุดตัน (Comedones) แบ่งประเภทได้เป็นสิวอุดตันหัวเปิด สิวอุดตันหัวปิด และสิวอุดตันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สิวอุดตันเป็นสิวที่ไม่มีการติดเชื้อ เกิดจากการรวมตัวกันของเคราตินและไขมันบริเวณเหนือต่อมฟอลลิคูลาร์
- สิวตุ่มแดง (Papules) เป็นสิวที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มม. มีการอักเสบและนูนขึ้นมาเล็กน้อย
- สิวหัวหนอง (Pustules) เป็นสิวอักเสบที่มีหนองอยู่ภายในชัดเจน
- สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodules) เป็นสิวขนาดใหญ่มากกว่า 5 มม. ลักษณะเป็นตุ่มนูนอักเสบอยู่ภายในชั้นผิวหนัง
- สิวซีสต์ (Cysts) เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 ซม. มีการอักเสบ และมีลักษณะเป็นก้อนที่มีของเหลวหรือกึ่งของเหลวอยู่ภายใน
ชนิดและลักษณะของสิวอุดตัน
สิวอุดตันแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ซึ่งลักษณะของสิวอุดตันแต่ละชนิดนั้นจะแตกต่างกันออกไปดังนี้
1. สิวอุดตันหัวเปิด
สิวอุดตันหัวเปิด (Open comedone) เป็นสิวอุดตันชนิดที่มีหัวสีดำ หรือที่เรามักเรียกว่า สิวหัวดำ (Black head) นั่นเอง สิวอุดตันชนิดนี้สามารถบีบหรือกดให้ออกมาจากใต้ผิวได้ แต่ควรทำอย่างถูกวิธี เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการอักเสบตามมาได้
สิวอุดตันหัวเปิดมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเพียงเล็กน้อย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 0.1-3 มิลลิเมตร เมื่อสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่ามีจุดดำอยู่ตรงกลางของหัวสิว โดยจุดสีดำนั้นเป็นกลุ่มของเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว รวมทั้งมีไขมันและเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acne ที่ยังคงอุดอยู่ในท่อเปิดของต่อมไขมัน เราจึงเรียกว่า “สิวหัวดำ” นั่นเอง
2. สิวอุดตันหัวปิด
สิวอุดตันหัวปิด (Closed comedone) เป็นสิวอุดตันที่มีลักษณะเป็นสิวหัวขาว (White head) สิวอุดตันชนิดนี้ไม่มีหัวให้บีบหรือกดให้ออกจากผิวหนังได้
มิหนำซ้ำการบีบหรือกดสิวอุดตันหัวปิดอาจกลายเป็นการกดหรือบีบไขมันที่ไม่มีทางออกจากผิว ทำให้เกิดการทะลักกลับไปในผิวอีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งส่งผลทำให้เนื้อเยื่อเกิดความเสียหายได้
ลักษณะสิวอุดตันชนิดนี้มักจะเป็นตุ่มนูนเพียงเล็กน้อย โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร และมีสีเดียวกับผิวหนังปกติของแต่ละคน
สิวอุดตันหัวปิดเกิดจากการอุดตันสะสมภายในท่อปิดของต่อมไขมันและรูขุมขน เมื่อท่อเปิดออกจะมีรูปร่างที่เล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้
ขนาดของสิวอุดตันหัวปิดขึ้นอยู่กับเวลาที่เกิดสิวขึ้น โดยสิวอุดตันชนิดนี้สามารถอยู่ได้นานหลายเดือน แต่ประมาณ 75% ของสิวอุดตันหัวปิดจะกลายไปเป็นสิวอักเสบในที่สุด
3. สิวอุดตันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
สิวอุดตันที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Microcomedone) เป็นสิวอุดตันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยในช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นนั้น ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งต่อมไขมันจะตอบสนองต่อฮอร์โมนตัวนี้ และทำให้เกิดการหลั่งไขมันออกมาเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ สารแอนโดรเจนยังช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ชั้นขี้ไคลของรูขุมขน ซึ่งจะทำให้เกิดสิวอุดตันที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
ซึ่งอาจจะหายได้เอง หรือไม่ก็กลายไปเป็นสิวลักษณะอื่นๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างด้วย เช่น หากเกิดการสะสมของไขมัน รวมทั้งเซลล์ชั้นขี้ไคลมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้เกิดสิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวอุดตันหัวปิด แต่หากมีแบคทีเรียก็จะกลายเป็นสิวอักเสบขึ้นมา
สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน
สิวอุดตันสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยมาก หากคุณมีสิวอุดตันขึ้นบริเวณใบหน้า ให้ลองสังเกตดูว่ามีข้อใดที่เกี่ยวข้องกับคุณมากที่สุด
- บางรายอาจเป็นสิวอุดตันที่เกิดจากการแพ้อาหาร หลังจากรับประทานอาหารที่แพ้ไปสักพักก็จะมีสิวขึ้นทันที
- บางครั้งสิวอุดตันก็เกิดจากสภาพอากาศ เช่น บางคนอาจมีสิวขึ้นหลังจากโดนแดดเป็นเวลานาน
- เกิดจากความเครียด เพราะจะทำให้ภูมิต้านทานโรคภายในร่างกายยิ่งต่ำลง จนทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่ายมากขึ้น และเป็นสาเหตุให้เกิดสิวอุดตันและอักเสบในที่สุด
- เกิดจากกรรมพันธุ์ ซึ่งสาเหตุนี้อาจไม่สามารถป้องกันได้ แต่การแพทย์ในปัจจุบันนี้สามารถรักษาให้สิวอุดตันหายได้
- เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวทั้งหลาย เช่น ครีมและแป้งบางยี่ห้ออาจไปอุดตันรูระบายไขมัน สารเคมีที่อยู่ในสบู่บางชนิดอาจกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันขึ้นมาได้ และไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงผิว น้ำมัน หรือแม้แต่โลชั่นทาผิวบางชนิด ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอุดตันได้เช่นกัน
- เกิดจากระดับฮอร์โมน เช่น ในช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือแม้แต่การอยู่ในช่วงวัยรุ่น โดยกรดไขมันที่เกิดจากการย่อยไขมันจะถูกขับออกมาตามรูขุมขนพร้อมๆ กับเชื้อโรคอยู่ตลอดเวลา
แต่ระดับของฮอร์โมนเพศที่มากขึ้นในช่วงดังกล่าวจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากขึ้น ทำให้ไขมันไม่สามารถระบายออกมาได้ทัน เชื้อโรคจึงเกิดการแบ่งตัวมากขึ้น และเกิดสิวอุดตันตามมานั่นเอง
เชื้อแบคทีเรีย สาเหตุของการเกิดสิว
ด้วยสภาพแวดล้อมของผิวหน้าที่มีการสร้างไขมันตลอดเวลา ทำให้ปริมาณน้ำมันที่ออกมามากนั้นเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งพบได้ทั่วไปตามผิวหนัง ขน ผม ช่องปาก และระบบทางเดินอาหารอยู่แล้ว
แต่พบว่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวอุดตันและสิวทั้งหลาย คือแบคทีเรียชนิด Propionibacterium acnes (P.acnes) ที่จะผลิตกรดโพรพิโอนิกขึ้นมา และเจริญเติบโตได้ง่าย โดยใช้เพียงน้ำตาลกลูโคส ไม่ต้องใช้ออกซิเจน
แบคทีเรียเหล่านี้พบได้มากบริเวณจมูก และเป็นสาเหตุของการเกิดสิวที่พบได้บ่อยที่สุด โดยสามารถทำให้ผิวระคายเคือง อักเสบ บวมแดง เป็นหนอง หรือที่เรียกกันว่า "สิวอักเสบ" นั่นเอง
เชื้อแบคทีเรีย P.acnes อาศัยอยู่ในรูขุมขน แบคทีเรียเหล่านี้จะหลั่งเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) และเอนไซม์โปรติเอส (Protease) ออกมา ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวหนังอักเสบ
นอกจากนั้นยังผลิตเอนไซม์ไลเปสเพื่อย่อยสลายไตรกลีเซอไรด์ในไขมันที่มาจากต่อมไขมันให้กลายเป็นกรดไขมันอิสระ ช่วยให้พวกมันเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
เรายังสามารถพบ P.acnes ในระบบทางเดินอาหารได้เช่นเดียวกับเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ดังนั้นการรักษาสิวในคนที่พบเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ จำเป็นต้องใช้ยารักษาสิวที่กำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ตรงตามสายพันธุ์ ซึ่งการใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านจุลชีพนั้นมักมีผลข้างเคียง จึงแนะนำให้ใช้ในกรณีที่อาการค่อนข้างรุนแรง
การรักษาสิวผิดวิธีจะยิ่งทำให้อักเสบรุนแรงยิ่งขึ้น และอาจกลายเป็นหัวสิวในลักษณะต่างๆ ตามมาได้
สำหรับคนที่มีปัญหาและกำลังมองหาวิธีลดสิวหรือลดรอยสิว ลองหันมาใช้วิธีธรรมชาติ โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำที่จะช่วยป้องกันการเกิดสิว และนำสมุนไพรหรือผักผลไม้มาใช้รักษากันดู นอกจากอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดแล้ว ยังปลอดภัยต่อผิวหน้ามากกว่าด้วย
วิธีการป้องกันสิวอุดตัน
การป้องกันสิวอุดตันควรทำหลายวิธีร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยในการเกิดมากที่สุด อาจใช้วิธีที่สะดวกดังต่อไปนี้
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการล้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นสบู่ โฟม หรือเจล ที่เหมาะกับสภาพผิวมัน และควรเลือกที่มีส่วนผสมของตัวยาที่ป้องกันการเกิดสิวสิวอุดตันได้
- ไม่ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและสารทำความสะอาด
- หากเป็นคนที่หน้ามันมาก ควรใช้โลชั่นเช็ดหน้า และอาจรับประทานยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retionoids) หรือยาคุมกำเนิดในกลุ่ม Dian-35 เพื่อลดความมันของใบหน้า ป้องกันปัญหาสิวอุดตัน
- เลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF15 เพื่อลดความมันของเนื้อครีมกันแดด
- สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรใช้ครีมแก้แพ้หรือสบู่ล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ง่ายที่มีความอ่อนโยนต่อสภาพผิว
- ใช้ครีมบำรุงที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เนื้อครีมที่ไม่มัน รวมทั้งไม่มีฮอร์โมนผสมอยู่ในครีมบำรุงนั้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดสิวอุดตันง่าย ไม่ว่าจะเป็นอาหารมัน อาหารทอด อาหารรสชาติจัดจ้าน ขนมหวาน ไอศกรีม หรือแม้แต่ผลไม้อย่างทุเรียนก็ตาม
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภาวะตึงเครียด เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้เร็วมากขึ้น
- ไม่ควรเอามือไปกดหรือบีบสิวเอง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้สิวอุดตันหลุดออกมาแล้ว ยังทำให้สิวเกิดการอักเสบขึ้นมาได้
วิธีการรักษาสิวอุดตันโดยไม่ใช้ยา
การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยกำจัดแบคทีเรียและลดความมันที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตัน โดยให้ใช้สบู่ที่ไม่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้น ทำความสะอาดใบหน้าอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน เพื่อช่วยกำจัดความมันส่วนเกินออกไป
นอกจากนั้นการเช็ดหน้าด้วยผ้าที่อ่อนนุ่มก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน สำหรับคนที่มีสิวอุดตันในระยะไม่รุนแรงมาก แนะนำให้ใช้สบู่ที่มีส่วนประกอบของกรดซาลิไซลิก (Salicylic) ซึ่งจะช่วยกำจัดเซลส์ผิวหนังที่ตายแล้วได้
แต่หากมีผิวหนังที่บอบบางแพ้ง่าย แนะนำให้ใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวแทน และหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดอย่างรุนแรง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยในการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ยังก่อให้เกิดการระคายเคืองซึ่งอาจนำไปสู่อาการบวมแดงของผิวได้
นอกจากนี้ การควบคุมอาหาร ความเครียด และปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดสิว ก็เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสิวเช่นกัน
วิธีรักษาสิวอุดตันด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ
การรักษาสิวอุดตันโดยวิธีธรรมชาติอย่างการใช้ผัก ผลไม้ หรืออาหารที่อยู่รอบตัวเราบางชนิด เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งวัตถุดิบธรรมชาติหลายๆ อย่าง ก็ช่วยยับยั้งการอักเสบและช่วยให้สิวแห้งเร็วขึ้นได้จริง โดยสามารถนำวิธีเหล่านี้ไปปฏิบัติตามกันได้เลย
1. มะเขือเทศ
นำมะเขือเทศลูกแดงๆ มาฝานและถูให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สิวอุดตันยุบตัวลงได้แล้ว เนื่องจากมะเขือเทศนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอที่มีคุณสมบัติช่วยในการกำจัดน้ำมันส่วนเกินและทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลง
2. น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน และยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอย่างมีสุขภาพดี วิธีการรักษาสิวอุดตัวด้วยน้ำผึ้งทำได้ง่ายมาก
เพียงนำน้ำผึ้งมาพอกหน้าประมาณสัปดาห์ละ 4 ครั้ง โดยก่อนพอกหน้าควรล้างมือให้สะอาดด้วย เพราะในขณะที่พอกนั้นจะต้องใช้มือนวดหน้าแล้ววนไปเรื่อยๆ ประมาณ 3 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสิวอุดตันได้ดี และมีความปลอดภัยต่อผิวหน้า
3. ทุเรียน
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีธาตุกำมะถัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้สิวแห้ง ยุบตัวลงเร็ว ทั้งยังมีส่วนช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น และกำจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก
นอกจากทุเรียนจะช่วยป้องกันการเกิดสิวได้แล้ว ยังช่วยรักษาสิวอุดตันให้หายเร็วขึ้นได้ด้วย วิธีรักษาสิวอุดตันด้วยทุเรียนทำโดยนำเนื้อทุเรียนที่กำลังห่ามประมาณ 3–5 ช้อนโต๊ะ มาปั่นให้เข้ากับดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ และคนจนเป็นเนื้อครีม โดยก่อนพอกจะต้องล้างหน้าให้สะอาดดี
จากนั้นจึงนำส่วนผสมที่เตรียมไว้มาพอกจนทั่วผิวหน้า เว้นรอบดวงตา แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น แล้วล้างด้วยน้ำเย็นตบท้ายอีกครั้งเพื่อปิดกระชับรูขุมขน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้สิวอุดตันที่บวมเป่ง ค่อยๆ แห้งและยุบลงเร็วขึ้น
4. ไข่ขาว
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับสูตรรักษาสิวด้วยไข่ขาวกันมาบ้าง ซึ่งไข่ขาวก็มีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวอุดตันให้แห้งและยุบตัวเร็วได้
โดยให้นำสำลีชุบลงในไข่ขาวที่เตรียมไว้ แล้วนำมาวางบนใบหน้าจนทั่ว ยกเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วลอกออกช้าๆ จากนั้นจึงล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น
วิธีนี้จะช่วยกำจัดได้ทั้งสิวอุดตันและสิวเสี้ยน นอกจากนี้ ยังช่วยดูดซับสิ่งสกปรกจากใบหน้า ช่วยลดความมัน และช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้นด้วย
การใช้ยารักษาสิวอุดตัน
ยารักษาสิวอุดตันมีทั้งชนิดที่เป็นครีมทาละลายหัวสิวและยาป้องกันการเกิดสิว ซึ่งเราควรเลือกใช้ยาเหล่านี้ได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด
ยา Benzoyl peroxide ลดการเกิดสิวอุดตัน
เป็นยาที่รู้จักกันในชื่อว่า BENZAC AC มีฤทธิ์ช่วยกำจัดให้หัวสิวหลุดออกไป และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม P.acne ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวที่พบได้มากที่สุด
ยานี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาสิวอุดตันเท่านั้น แต่ยังแก้ปัญหาสิวได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบหรือสิวผด โดยนิยมใช้ตัวยาที่มีความเข้มข้น 2.5% ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นต่ำสุด ที่มีโอกาสเกิดอาการแพ้ได้น้อยมาก
วิธีใช้ ทายาก่อนล้างหน้าในตอนเช้าและเย็น ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ระอว่างทาอาจมีอาการคันยิบๆ ถือว่าเป็นอาการปกติ จากนั้นก็ล้างออกด้วยการล้างหน้าตามปกติ ทาเป็นประจำประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะช่วยลดปริมาณสิวอุดตันลงได้
ยา Retinoic acid ช่วยละลายสิวอุดตัน
ยามีลักษณะเป็นเนื้อครีมและมีฤทธิ์เป็นกรด จึงมีคุณสมบัติช่วยละลายสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี ครีมละลายสิวอุดตันที่ดีจะมีเตรทติโนอิน (Tretinoin) ผสมอยู่ด้วย ซึ่งจะเข้าไปช่วยปรับการทำงานของรูขุมขนไปในตัว เมื่อละลายหัวสิวแล้ว ยานี้ก็จะไปลดการทำงานของต่อมไขมันในรูขุมขน ช่วยให้สิวอุดตันลดลงด้วย
วิธีใช้ ทาหลังจากล้างหน้าตอนก่อนเข้านอน ไม่ต้องล้างออก หากทาแล้วรู้สึกผิดปกติ ให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก แต่หากผิวไม่เกิดอาการระคายเคืองใดๆ ก็สามารถทาทิ้งไว้ทั้งคืนได้ แล้วค่อยล้างหน้าตามปกติในตอนเช้า
หากคุณมีปัญหาเรื่องสิวอุดตัน การป้องกันและการรักษาเบื้องต้นคือการหมั่นดูแลให้ใบหน้าสะอาดและปราศจากความมัน ที่สำคัญไม่ควรล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว เพราะจะกลายเป็นการเพิ่มปัญหาสิวอุดตันให้ยิ่งรักษาได้ยากขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อมีสิวขึ้น ต้องรีบรักษาตามคำแนะนำข้างต้น หากทำได้ รับรองว่าปัญหาสิวอุดตันจะไม่มารบกวนคุณให้กังวลใจอีกต่อไปแน่นอน
วิธีลดรอยสิวด้วยธรรมชาติ
หลายๆ ครั้งที่แม้สิวจะยุบลงแล้ว แต่ก็ยังเหลือรอยสิวทิ้งไว้ให้กังวลใจ การลดรอยสิวด้วยวิธีทางธรรมชาติก็สามารถทำได้เช่นกัน และมีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละวิธีค่อนข้างปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดี คุณลองทำตามคำแนะนำในการลดรอยสิวด้วยสมุนไพรและผักผลไม้ดังต่อไปนี้
ลดรอยสิวด้วยมะนาว
เริ่มจากการคั้นน้ำมะนาว แล้วนำสำลีสะอาดก้อนกลมชุบน้ำมะนาวที่คั้นเตรียมไว้ จากนั้นก็นำมาแต้มที่รอยสิว ทำต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ จะช่วยให้รอยสิวจากสิวอุดตันและสิวทั้งหลายจางลงจากเดิมได้
ลดรอยสิวด้วยมะนาวและน้ำมันมะกอก
วิธีนี้จะเพิ่มส่วนผสมจากมะนาวเพียงอย่างเดียว เป็นน้ำมันมะกอกเข้ามาด้วย โดยเริ่มจากการนำส่วนผสมทั้ง 2 อย่างในอัตราส่วนเท่ากันมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำมาป้ายที่สิว ทิ้งไว้ประมาณ 2-5 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ก็จะทำให้รอยสิวลดลงไปจากเดิมได้
ลดรอยสิวด้วยน้ำผึ้งและโยเกิร์ตรสธรรมชาติ
เตรียมโยเกิร์ตรสธรรมชาติผสมกับน้ำผึ้งแท้ในอัตราส่วนที่เท่ากัน คนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วนำมาพอกให้ทั่วใบหน้า หรือจะแต้มที่สิวเพียงอย่างเดียวก็ได้ สูตรนี้ไม่เพียงช่วยลดรอยสิว แต่ยังทำให้ใบหน้าแลดูขาวและสว่างมากขึ้น แถมยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี
ลดรอยสิวด้วยน้ำแข็ง
การใช้น้ำแข็งประคบรอยสิวอย่างต่อเนื่องเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี โดยสามารถช่วยลดการอักเสบ รอยแดง และลดขนาดของสิว ช่วยให้สิวค่อยๆ หายไปในที่สุด นอกจากนี้ ความเย็นจากน้ำแข็งจะช่วยลดความเจ็บปวดจากสิวอุดตันได้ด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวอุดตัน
นอกจากเรื่องของสิวอุดตันที่ได้กล่าวไป ก็ยังมีอีกหลายคนที่มีอาการแตกต่างกับข้อมูลด้านบน จึงเกิดคำถามตามมามากมาย และเรารวบรวมมาไว้ให้ที่นี่แล้ว
วิธีรักษาสิวผดและสิวอุดตันทำอย่างไร
คำตอบ สิวผดคือสิวที่มีลักษณะคล้ายผดผื่นเล็กๆ มักเกิดขึ้นบริเวณหน้าผาก โดยจะขึ้นมามากเมื่ออากาศร้อนและขึ้นในบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก
นอกจากนั้นยังเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น เช่น แพ้เครื่องสำอาง ล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด ล้างหน้าบ่อยหรือแรงเกินไป ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ไม่สะอาด ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเป็นประจำ ใช้ครีมล้างหน้าไม่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า แพ้ยาสระผม รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด
การรักษาสิวผดทำได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ เช่น ไม่ใช้น้ำร้อนล้างหน้า ควรใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำเย็นล้างหน้าแทน หลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ครีมกันแดด ล้างหน้าเบาๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่สะอาด
ไม่ควรบีบหรือกดสิวเพราะมือเราอาจไม่สะอาดพอ และอาจทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าจัด หมั่นทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าที่ใช้เป็นประจำ และล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งก่อนนอน
สิวอุดตันคือการอุดตันของต่อมไขมัน แบ่งเป็นสิวหัวปิด (สิวหัวขาว) และสิวหัวเปิด (สิวหัวดำ) สาเหตุมักเกิดจากการดูแลความสะอาดของผิวหน้าไม่ดีพอ การล้างเครื่องสำอางไม่สะอาดจึงทำให้เกิดสิวอุดตัน หรือเกิดจากฮอร์โมนในช่วงที่มีรอบเดือน รวมไปถึงความมันบนใบหน้า
ดังนั้น การรักษาคือการล้างหน้าให้สะอาด หรือหากแต่งหน้าก็ควรล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง ไม่ควรบีบ แคะ แกะ เกา เพราะอาจทำให้กลายเป็นสิวอักเสบ ไม่กินอาหารมันๆ เนื่องจากจะทำให้ร่างกายมีไขมันเยอะเกินไป ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากเกินไปจนเกิดเป็นสิวอุดตัน หากต้องการรักษาอย่างรวดเร็วสามารถใช้อุปกรณ์กดสิวได้ แต่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่สะอาดด้วย - ตอบโดย Witchuda Onmee (พญ.)
สิวอุดตัน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหน
คำตอบ เนื่องจากประเภทของสิวมีหลักๆ คือ
1. สิวอักเสบมีหนอง เกิดจากการที่สิวอุดตันมากๆ จนติดเชื้อ การรักษาในระยะแรกอาจต้องกินยาฆ่าเชื้อประมาณ 7-10 วัน ร่วมกับทายาฆ่าเชื้อ เช่น คลินดาไมซิน (Clindamycin) เป็นต้น
พยายามอย่าใช้นิ้วกดสิว ควรใช้เข็มสะอาดที่ผ่านการฆ่าเชื้อเจาะบริเวณหัวหนองให้แตก แล้วใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน เช็ดทำความสะอาด อาจใช้แผ่นแปะซับหัวสิวร่วมด้วย หาซื้อได้ตามร้านยาและร้านเวชสำอางทั่วไป จะช่วยให้หนองยุบเร็ว และแผลเป็นจากสิวจะไม่ลึก
2. สิวหัวขาว เกิดจากการสะสมของไขมันอุดตันแต่ยังไม่ถึงขั้นติดเชื้อ ควรรีบกำจัดก่อนจะลุกลาม สามารถใช้ยากลุ่ม BHA หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวไม่ให้เกิดการอุดตันเพิ่ม หรืออาจใช้เรตินเอ (Retin A) ทาก็ได้ แต่จะระคายผิวมากกว่า
เมื่อใช้ครีมหรือยาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวจะต้องทาครีมกันแดดทุกครั้ง นอกจากนั้นอาจใช้แผ่นแปะหรือครีมลอกสิวเสี้ยนด้วย ถ้าต้องกดสิวควรใช้ไม้กดสิว อย่าใช้มือ
รวมทั้งพยายามใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดสิวอุดตันน้อยที่สุด ที่สำคัญ เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบล้างทำความสะอาดหน้า อย่าปล่อยให้เครื่องสำอางอยู่บนหน้านาน
3. สิวหัวดำ คือสิวหัวขาวที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนนอกรูขุมขน การรักษาก็คล้ายกัน หากเป็นคนหน้ามันมาก ลองสังเกตผิวหน้าหลังล้างหน้าว่าแห้งตึงหรือไม่ ถ้าแห้งมากแสดงว่าผิวขาดน้ำ จะสร้างน้ำมันมาทดแทนตลอด ต้องใช้เจลล้างหน้าที่ไม่มีฟองและอ่อนโยนมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเกินไป
อย่าล้างหน้าบ่อยเกินวันละ 2 ครั้ง อาจใช้กระดาษซับหน้ามันควบคู่ไปด้วย กรณีที่เป็นสิวรุนแรงอาจใช้ยาไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันร่วมด้วย
แต่ก่อนเริ่มใช้ยาควรตรวจค่าตับ ไต ไขมันในเลือด และตรวจการตั้งครรภ์ก่อน และต้องใช้ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น ทั้งนี้ หลายๆ สาเหตุของสิวมักเกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงด้วย คุณอาจปรึกษาสูติแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังเรื่องการกินฮอร์โมน
ส่วนกรณีที่เป็นหลุมแผลเป็น จะต้องรักษาด้วยเลเซอร์เท่านั้น ไม่สามารถทำให้ดีขึ้นด้วยยาทาได้ - ตอบโดย Thitipon (MD)
สิวอุดตันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วต้องใช้อะไรรักษา
คำตอบ สิวอุดตันเกิดจากต่อมไขมันสร้างน้ำมันมากเกินไป วิธีกําจัดสิวอุดตันทำได้ดังนี้
- การใช้ยาทารักษาสิวอุดตัน มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ เช่น เบนซอยล์เพอร์ออกไซด์หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือสารสกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA และ BHA
- การใช้ยารับประทานรักษาสิวอุดตัน เช่น ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) หรือยากลุ่มเรตินอยด์ เช่น Isotretionoin เป็นต้น
- การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวด้วยการใช้น้ำยาเคมีทาบนผิวหน้า เพื่อทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นบนหลุดลอก ตามมาด้วยการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน
- กดสิวอุดตัน - ตอบโดย Dr.Chaiwat J.(หมอเปี๊ยก) (นพ.)
ดูแพ็กเกจรักษาสิว เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
บทความที่เกี่ยวข้อง
กดสิว ดีไหม? ขั้นตอน ผลข้างเคียง และวิธีดูแลตัวเองหลังกดสิว