“สิว” ปัญหาบนใบหน้าที่ทุกคนคงไม่อยากพบเจอ เพราะทำให้หมดความมั่นใจจนอยากจะหาวิธีที่ช่วยให้สิวหายไวๆ ซึ่งการรักษาสิวก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี โดยวิธีหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าได้ผลดีและช่วยให้สิวหายไวก็คือการ "ฉีดสิว" ซึ่งจะปลอดภัยจริงหรือไม่นั้น วันนี้เรามีคำตอบพร้อมคำอธิบายมาแนะนำ
การฉีดสิวได้ผลกับสิวประเภทใด
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจว่า การฉีดสิวไม่สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภท โดยสิวที่สามารถใช้วิธีนี้ได้ คือ สิวที่มีลักษณะบวมแดง ที่เมื่อใช้มือคลำ หรือจับจะรู้สึกเป็นไตแข็ง และเจ็บ ขนาดจะใหญ่ หรือเล็กตามความรุนแรงของการอักเสบ รวมถึงสิวซีสต์ สิวหัวแข็ง
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ส่วนตัวยาที่ใช้ก็คือสเตียรอยด์ และยาชา
การฉีดสิวจะช่วยให้สิวยุบตัวลงภายใน 24-48 ชั่วโมง แต่ก็เป็นเพียงแค่การลดอาการอักเสบเท่านั้น โดยจะช่วยลดขนาด หรือลดอาการบวมแดง และทำให้รู้สึกเจ็บสิวน้อยลง ไม่ได้ช่วยรักษาสิวให้หายขาด เนื่องจากไม่ใช่การฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิว
ดังนั้นสิวจึงจะไม่หายสนิท แต่ข้อดี คือ จะช่วยให้ไม่เกิดอาการคันจนต้องเกา เท่ากับเป็นการช่วยลดโอกาสต่อการติดเชื้อเพิ่มจากแบคทีเรียที่อาจจะติดตามเล็บขณะเกา ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดสิวขึ้นซ้ำที่จุดเดิม หรือจุดใกล้เคียงได้อีก
หลังจากฉีดสิวแล้วยังคงต้องทายาเพื่อรักษาสิวให้หายขาด และสามารถมาฉีดซ้ำได้ทุก 4-8 สัปดาห์ แต่สำหรับใครที่เป็นสิวหัวสีขาว หรือสิวเม็ดข้าวสารนั้นไม่ควรฉีดอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะไม่หายแล้วยังจะทำให้หน้าเป็นหลุม เนื้อหาย และผิวหน้าไม่เรียบเนียนอีกด้วย
ผลข้างเคียงของการฉีดสิว
- หลังการฉีดสิวอาจมีอาการปวด บวม ช้ำ หรือมีเลือดออก บางรายอาจมีอาการผื่นแพ้จากวัตถุกันเสีย หรือแอลกอฮอล์ในตัวยา
- เกิดรอยแผลที่เป็นฝีแต่ไม่มีเชื้อ หรือเกิดการติดเชื้อจากการใช้เข็มฉีดยาไม่สะอาด
- เกิดรอยด่างสีน้ำตาล หรือสีขาว ซึ่งอาจลุกลามไปยังบริเวณผิวหนังรอบๆ ที่ฉีดได้ ซึ่งรอยด่างนี้อาจหายไปเองหรือไม่หายก็ได้
- อาจทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณที่ฉีดสิวขยายตัวผิดปกติ หรือมีขนในบริเวณที่ฉีดขึ้นดก
- อาจทำให้เกิดสิวอีกประเภทหนึ่ง คือ สิวสเตียรอยด์ เนื่องจากสารสเตียรอยด์จะไปเพิ่มการหลั่งโกรทฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากจนเกิดเป็นสิวขึ้นมา
ข้อควรระวังในการฉีดสิว
การฉีดสิวด้วยสเตียรอยด์จะทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีประวัติแพ้ยาไตรแอมซินิโลน ผู้ที่เป็นวัณโรค โรคสะเก็ดเงินชนิดมีผื่นหนา หรือชนิดมีตุ่มหนอง โรคเบาหวาน ภาวะหัวใจวาย โรคความดันโลหิตสูง โรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือโรคซึมเศร้า
ดังนั้นบุคคลที่เป็นโรคดังที่กล่าวมาจะต้องหลีกเลี่ยงการฉีดสิว
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การเตรียมตัวก่อนรับการฉีดสิว
หากเพิ่งหายจากอาการเจ็บป่วยใดๆ ก็ตาม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับการฉีด รวมทั้งควรปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับยา หรืออาหารเสริมที่ต้องหลีกเลี่ยงในระหว่างนี้
นอกจากนี้ต้องหยุดใช้ยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ และต้องไม่รับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสบางชนิดมาก่อนการ เช่น วัคซีนโรคหัด โรคคางทูม และโรคไข้เหลือง
การดูแลตัวเองหลังฉีดสิว
เพื่อเป็นการป้องกันอาการปวดหลังฉีดสิว แนะนำให้ใช้น้ำแข็งประคบเท่านั้น ไม่ควรใช้ถุงน้ำร้อน หรือใช้น้ำร้อนประคบ รวมถึงหมั่นทำความสะอาดแผล และเฝ้าสังเกตว่า มีอาการของการติดเชื้อหรือไม่ เช่น ปวด หรือบวมแดงเกิน 48 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้น มีอาการอื่นๆ ที่รุนแรง ให้รีบไปพบแพทย์
ราคาการฉีดสิว
ราคาค่าบริการการฉีดสิวนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก บางแห่งก็คิดราคาเป็นเม็ด เช่น เม็ดละ 50-100 บาท บางแห่งคิดเป็นราคาต่อครั้ง ครั้งละประมาณ 100-300 บาท และบางแห่งก็คิดเป็นราคาต่อเข็ม ประมาณ 200 บาท ซึ่งยาเข็มหนึ่งอาจฉีดได้ประมาณ 4-5 เม็ด
หากคุณต้องการทราบข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับราคา และบริการ สามารถติดต่อสอบถามจากคลินิกที่สนใจได้โดยตรง
การรักษาสิวยังมีอีกหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ครีมทา ไปจนถึงการรับประทานยา แม้ว่าการฉีดสิวจะเป็นวิธีที่ได้ผลและช่วยทำให้สิวยุบไว แต่การใช้ยาฉีดมากเกินไปก็อาจทำให้หน้าเป็นหลุมสิว หรือถ้าน้อยเกินไปก็จะทำให้การรักษานั้นไม่ได้ผล จึงต้องศึกษาข้อมูล และปรึกษาแพทย์โดยละเอียด
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจรักษาสิว จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android