กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

7 สาเหตุของอาการตาบวม

รวมสาเหตุที่ทำให้ตาบวม แบบไหนอันตราย แบบไหนรักษาเองได้ หาคำตอบได้ที่นี่
เผยแพร่ครั้งแรก 22 มี.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 2022 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
7 สาเหตุของอาการตาบวม

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ตาบวม เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคภูมิแพ้ ตาแดง ตากุ้งยิง ซีสต์ ร้องไห้มากเกินไป
  • ตาบวมที่เกิดจากภูมิแพ้หรือร้องไห้ อาจบรรเทาอาการได้ด้วยตัวเองหากอาการไม่รุนแรง
  • หากเกิดอาการตาบวมในระยะเริ่มต้น ควรล้างด้วยน้ำเกลือ (Saline solution) เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออก และประคบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้ตาบวม เพื่อบรรเทาอาการ
  • หากตาบวมเกิดร่วมกับการมีไข้ เวียนหัว กลอกตาลำบาก หรือบวมมากจนรู้สึกเจ็บ ให้รีบพบจักษุแพทย์ทันที
  • อย่างไรก็ตาม ตาเป็นอวัยวะสำคัญที่หากเกิดอันตรายแล้วจะรักษาให้หายได้ยาก ฉะนั้นจึงควรตรวจตากับจักษุแพทย์เมื่อพบความผิดปกติ (ดูแพ็กเกจ ตรวจตา ได้ที่นี่)

ตา เป็นอวัยวะสำคัญของทุกคน เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับดวงตา เช่น ตาบวม เราจึงมักตื่นกลัวอยู่เสมอ เพราะไม่รู้ว่า ความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจกับสาเหตุของอาการตาบวมที่พบได้บ่อย เพื่อจะได้ป้องกันและรักษาเบื้องต้นได้ถูกวิธี

7 สาเหตุของอาการตาบวม

อาการตาบวมเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นคุณควรสังเกตลักษณะและอาการของตนเองดูว่าเกิดจากอะไร เพื่อจะได้หาวิธีรักษาอย่างถูกต้อง โดยสาเหตุที่พบบ่อยของอาการตาบวม มีดังนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

1. ตากุ้งยิงชนิดติดเชื้อ (Hordeolum)

ตากุ้งยิงชนิดติดเชื้อ จะมีลักษณะเป็นก้อนกลมบวมแดงบริเวณเปลือกตาใกล้กับขนตา เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ อาจมีหนองไหลออกจากดวงตา บางคนปวดตลอดเวลา

ตากุ้งยิงชนิดนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สแตฟฟิลโลคอคคัส (Staphylococcus) เข้าไปทำให้ต่อมไขมันไมโบเนียน (Meibomian gland) ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยไขมันควบคุมความสมดุลของน้ำตาจนเกิดการอักเสบ

ลักษณะของตากุ้งยิงที่ติดเชื้อ สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้

  • ตากุ้งยิงชนิดหัวเข้า (Internal hoedeolum) จะเกิดการบวมขึ้นจากภายใน และต้องปลิ้นเปลือกตาออกถึงจะมองเห็นหัวตากุ้งยิงภายใน
  • ตากุ้งยิงชนิดหัวออก (External hordeolum) จะสามารถสังเกตหัวของตากุ้งยิงได้จากภายนอก มักเกิดบริเวณโคนตา

อย่างไรก็ตาม ตากุ้งยิงอาจเกิดได้ทั้งชนิดเดียวหรือเกิด 2 ชนิดพร้อมกันก็ได้ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา

2. ตากุ้งยิงชนิดไม่ติดเชื้อ (Chalazion)

ตากุ้งยิงชนิดนี้เกิดจากต่อม ไมโบเมียน (Meibomian gland) อุดตัน ทำให้ไขมันที่ช่วยควบคุมสมดุลดวงตาสะสมภายในผนังต่อมจนบวมขึ้นมา โดยปกติ สามารถรักษาหายได้ด้วยตัวเองในไม่กี่สัปดาห์ แต่หากรักษาความสะอาดไม่ดี ก็มีโอกาสจะกลายเป็นตากุ้งยิงชนิดติดเชื้อได้

ตากุ้งยิงชนิดนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลมแข็งๆ ขนาดใกล้เคียงกับถั่วเขียวบริเวณเปลือกตา เมื่อนำมือสัมผัสจะไม่มีอาการเจ็บ แต่จะสังเกตเห็นได้ชัด ตากุ้งยิงชนิดนี้เรียกอีกอย่างได้ว่า "ซีสต์ (Cyst)" ที่ตา 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจตา รักษาโรคตาวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 437 บาท ลดสูงสุด 61%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

3. โรคภูมิแพ้ (Allergies)

โรคภูมิแพ้ คือ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นบางอย่าง จนเกิดเป็นอาการแพ้แสดงออกมา แม้สิ่งนั้นจะไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงก็ตาม เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่นเล็กน้อย เชื้อรา อาหารทะเล 

อาการของโรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้หลายส่วนของร่างกาย เช่น ผื่นคัน ปากบวม คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่สะดวก และหนึ่งในนั้นก็คือ อาการตาบวม น้ำตาไหล ซึ่งผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะเผลอเอามือไปขยี้ตาข้างที่บวม จนอาจเกิดอาการแทรกซ้อนตามมา เช่น เป็นตาแดง ตากุ้งยิง

4. ตาแดง (Pink eye)

ตาแดงเกิดจากการติดเชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางการสัมผัสน้ำตา และทางอากาศ หากติดเชื้อแล้วจะใช้เวลา 1-2 วันก่อนจะเริ่มแสดงอาการ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว อาจทำให้กระจกตาอักเสบจนมีอาการปวดตตา และสายตามัวได้

ตาแดง คืออาการที่เยื่อบุตามีสีแดงหรือชมพูเข้ม อีกทั้งน้ำตาไหลเยอะ มีหนองเหนียวเคลือบดวงตา อาจติดที่ขอบตา หรือขนตาด้วย เปลือกตาบวม ทำให้เกิดความระคายเคือง และอาการสามารถลุกลามไปยังตาอีกข้างหนึ่งได้ภายใน 2-3 วัน 

5. ร้องไห้มากเกินไป (Crying)

การร้องไห้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็สามารถทำให้เปลือกตาบวมได้เช่นกัน เนื่องจากเวลาเราร้องไห้ จะมีเลือด และของเหลวมาเลี้ยงบริเวณดวงตาเยอะ หากร้องไห้เป็นเวลานาน จะทำให้เส้นเลือดฝอยในตา และเปลือกตาแตก ทำให้เกิดการสะสมของเหลวบริเวณรอบดวงตาจนตาบวมได้

อาการตาบวมที่เกิดจากการร้องไห้มากเกินไปมักไม่มีอันตรายร้ายแรง อาจใช้การประคบเย็นหรือดื่มน้ำทดแทน ก็สามารถบรรเทาอาการได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

6. เนื้อเยื่อเบ้าตาอักเสบ (Orbital cellulitis)

เนื้อเยื่อเบ้าตาอักเสบเกิดได้จากการติดเชื้อหลายชนิด แต่ที่พบบ่อยที่สุด คือ แบคทีเรีย สแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เข้าไปทำให้เยื้อกั้นหลังเบ้าตา (Orbital septum) ซึ่งเป็นเยื่อบางๆ จนเกิดการอักเสบ

คนที่เนื้อเยื่อเบ้าตาอักเสบจะมีอาการดังต่อไปนี้ 

  • รอบดวงตาบวมมาก 
  • ระคายเคืองตา 
  • ปวดตา 
  • เยื่อบุตาเป็นสีแดงคล้ายกับโรคตาแดงแต่กลอกตาไปมาลำบาก หรืออาจกลอกตาไม่ได้เลย 
  • การมองเห็นแย่ลง 

หากมีอาการดังที่กล่าวมาด้านบนรวมกับมีไข้ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบไปพบจักษุแพทย์

7. โรคเกรฟส์ (Graves’ disease)

โรคเกรฟส์ คือโรคต่อมไร้ท่อผิดปกติส่งผลให้ต่อมไทรอยด์ (Thyriod) ทำงานมากเกินไป ซึ่งต่อมไทรอยด์จะทำหน้าที่ส่งเซลล์ขึ้นไปเพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อยู่บริเวณดวงตา ทั้งๆ ที่ยังไม่เกิดการติดเชื้อ และการเพิ่มจำนวนของเซลล์เหล่านั้น จึงทำให้เกิดการสะสม และบวมขึ้นในที่สุด

อาจกล่าวได้ว่าโรคนี้อาจไม่ใช่โรคที่เกี่ยวกับดวงตาโดยตรง แต่ส่งผลทำให้ตาบวมได้  

หากปล่อยไว้อาจเกิดการอีกเสบในตาได้ ซึ่งการรักษาต้องรักษาด้วยการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ หรือใช้ยาหลายประเภท

วิธีรักษาอาการตาบวมเบื้องต้น

หากเกิดอาการตาบวมในระยะเริ่มต้น และอาการยังไม่รุนแรง สิ่งที่สามารถทำได้ทันทีเพื่อบรรเทาอาการ มีดังต่อไปนี้

  • ประคบตาด้วยผ้าชุบน้ำเย็น แต่หากทราบว่าเป็นซีสต์หรือตากุ้งยิง ให้ประคบด้วยผ้าอุ่นๆ แทน 
  • ล้างตาด้วยน้ำเกลือสะอาด (Saline solution) เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ทำให้ระคายเคืองตา
  • หากเป็นตาแดง ให้ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดรอบดวงตา
  • ประคบตาด้วยถุงชาดำแช่เย็น เนื่องจากคาเฟอีนในชาช่วยลดอาการบวมได้
  • หนุนหมอนสูงขึ้นเล็กน้อยขณะนอนหลับ เพื่อช่วยการไหลเวียนของเหลวที่อยู่ในร่างกาย
  • ทำความสะอาดหมอนให้สะอาด เพื่อลดโอกาสเกิดภูมิแพ้จากไรฝุ่น

กรณีฉุกเฉินที่ควรไปพบจักษุแพทย์เมื่อเกิดอาการตาบวม

ในกรณีที่ตาบวมจากสาเหตุอันตราย อาจส่งผลกระทบร้ายแรงแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ ดังนั้นจึงควรสังเกตว่า มีอาการตาบวมร่วมกับอาการเหล่านี้หรือไม่ หากมี ควรไปพบจักษุแพทย์ทันที

  • มีไข้ขึ้นสูง
  • เวียนหัว สับสน
  • มองเห็นภาพซ้อน
  • กลอกตาลำบาก
  • เจ็บภายในดวงตา หรือรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในดวงตา

ข้อควรระวังเมื่อเกิดอาการตาบวม

  • ไม่ควรใส่คนแทคเลนส์ระหว่างที่เกิดอาการตาบวม
  • ไม่ควรใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสบริเวณรอบดวงตา เพราะอาจติดเชื้อได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางระหว่างที่เกิดอาการตาบวม 

คุณสามารถป้องกันอาการป้องกันอาการตาบวมเบื้องต้นได้โดยรักษาความสะอาดของดวงตาเป็นประจำ หากเป็นโรคเกี่ยวกับตา ก็ให้หมั่นดูแลตนเอง รับประทาน หรือหยอดตาตามแพทย์สั่งให้อาการดีขึ้นโดยเร็ว เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจทำให้ตาบวมกว่าเดิมได้

ดูแพ็กเกจตรวจตา เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
ขยายม่านตา ตรวจสุขภาพตาเพื่ออะไร? ตรวจอะไรบ้าง?, (https://hdmall.co.th/c/eye-screening-program).
รศ. พญ. เกวลิน เลขานนท์, “โรคภูมิแพ้ตา“ อาการเรื้อรังที่ไม่ควรละเลย, (https://med.mahidol.ac.th/ramachannel/home/article/โรคภูมิแพ้ตา-อาการเรื/), 17 กุมภาพันธ์ 2560.
รศ. พญ. ไธวดี ดุลยจินดา, โรคตาแดง, (https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=54), 5 ตุลาคม 2553.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคม่านตาอักเสบ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคม่านตาอักเสบ

ม่านตาอักเสบเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไรและมีวิธีรักษาอะไรบ้าง

อ่านเพิ่ม
เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis)
เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis)

อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาภาวะเยื่อบุตาอักเสบหรือตาแดง

อ่านเพิ่ม