แบคทีเรียคืออะไร
แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง เพราะสามารถสร้างอาหาร และสลายอาหารเป็นพลังงานเพื่อใช้ในเซลล์ได้ แบคทีเรียขยายพันธุ์ด้วยการแบ่งตัวทวีคูณ จากหนึ่งเซลล์เป็นสองเซลล์ จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีเพศผู้ เพศเมีย
โครงสร้างของแบคทีเรีย
แบคทีเรียเป็นจุลชีพเซลล์เดียวจัดอยู่ในกลุ่มโพรคาริโอต (Prokaryote) ที่มีส่วนประกอบเช่นเดียวกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่นทั่วไปแต่ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส โดยมีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน คือ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ส่วนผนังเซลล์และเยื่อหุ้มเซลล์ ผนังเซลล์จะเป็นผนังที่อยู่ชั้นนอกสุด มีความแข็งแรง และเปรียบเสมือนโครงกระดูกของแบคทีเรีย มีหน้าที่รักษาลักษณะและรูปร่างของแบคทีเรียเอาไว้ให้คงที่ ซึ่งโครงสร้างของผนังเซลล์นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละสปีชีส์ของแบคทีเรีย
ถัดจากผนังเซลล์เข้าไปจะเป็นเยื่อหุ้มบางๆ เรียกว่า เยื่อหุ้มเซลล์ ทำหน้าที่คาบคุมการแลกเปลี่ยนสารอาหารต่างๆ และน้ำที่อยู่ภายในเซลล์ และภายนอกเซลล์ของแบคทีเรียให้เหมาะสมในการดำรงชีวิต - ส่วนไซโทพลาซึม เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากเยื่อหุ้มเซลล์เข้าไป ภายในไซโทพลาซึม ประกอบไปด้วยโปรตีน สารอาหารต่างๆ เช่น แป้ง ไขมัน และเอนไซม์ต่างๆ ที่ใช้ในการดำรงชีวิต นอกจากนั้นยังมีกรดนิวคลีอิก หรือดีเอ็นเอ ซึ่งบรรจุรหัสพันธุกรรมสำหรับควบคุมการดำรงชีวิต และการสืบพันธุ์ของแบคทีเรียแต่ละสายพันธุ์ไว้ด้วย
แบคทีเรียบางสายพันธุ์มีความสามารถในการสร้างผนังเซลล์ที่มีความหนากว่าปกติล้อมรอบตัว เรียกผนังที่หนาเป็นพิเศษนี้ว่า สปอร์ หรือแคปซูล ซึ่งสปอร์จะทนความร้อน ความเย็น ความชื้น และมีชีวิตอยู่ได้นานหลายปี แม้ว่าจะไม่มีอาหารเลยก็ตาม
การขยายพันธุ์ของแบคทีเรีย
แบคทีเรียขยายพันธุ์โดยไม่ต้องมีเพศผู้เพศเมีย เมื่อมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีอาหารสมบูรณ์ ก็จะสร้างส่วนต่างๆ ที่ใช้ในการดำรงชีวิตขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะสร้างผนังเซลล์ขึ้นมาล้อมรอบส่วนประกอบต่างๆ แต่ละชุด กลายเป็นสองเซลล์ จากสองเซลล์เป็นสี่เซลล์ จากสี่เซลล์เป็นแปดเซลล์ ไปเรื่อยๆ
แบคทีเรียจะสังเคราะห์สารสำคัญไว้ในเซลล์ และแบ่งเป็นสองส่วนที่เหมือนกัน จากนั้นแต่ละส่วนจะถูกแยกออกจากกัน และมีผนังเซลล์มาห่อหุ้มไว้ในแต่ละส่วน จนกลายเป็นสองเซลล์ ซึ่งอาจจะแยกจากกันโดยเด็ดขาด หรือยังคงเชื่อมอยู่ด้วยกันก็ได้ เซลล์ที่แบ่งตัวแล้วจะมีลักษณะการจัดเรียงของโครงสร้างสารต่างๆ เหมือนกันทั้งสองเซลล์
กล่าวกันว่า ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของแบคทีเรียแต่ละชนิด สามารถแบ่งตัวทุกๆ 20–30 นาที ในขณะที่บางชนิดใช้เวลา 12-16 ชั่วโมงในการแบ่งตัวแต่ละครั้ง
อย่างไรก็ตาม อัตราการแบ่งตัว อาจถูกยับยั้งหรือช้าลง หากอยู่ในสภาพขาดสารอาหาร มีสารพิษ ของเสียที่เป็นอันตรายต่อแบคทีเรีย หรืออยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม เช่น ไม่มีอากาศ หรือมีอากาศที่ไม่เหมาะสม และถ้ายังคงอยู่ในสภาพดังกล่าวเป็นเวลานาน แบคทีเรียจะหยุดเจริญเติบโต หยุดแบ่งตัว และตายในที่สุด
การเรียกชื่อแบคทีเรีย
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของแบคทีเรียแต่ละชนิดมีสองคำ โดยชื่อแรกเป็นชื่อ วงศ์ (Genus) เขียนขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่ ชื่อหลังเป็นชื่อสปีชีส์ (Species) ของแบคทีเรียในสกุลนั้น ส่วนหลักการเขียนชื่อแบคทีเรียยังคงเป็นแบบการเขียนชื่อทางวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต กล่าวคือ ใช้ตัวเอียงทั้งหมด หรือ ตัวตรงแต่ขีดเส้นใต้ ดังตัวอย่าง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตัวอย่าง: Staphylococcus aureus หรือ Staphylococcus aureus
คำว่า Staphylococcus เป็นสกุล ส่วนคำว่า aureus เป็นสปีชีส์ของแบคทีเรียในสกุล Staphylococcus
เราสามารถเขียนชื่อสกุลแบบย่อโดยใช้เฉพาะอักษรตัวแรกของชื่อสกุลเป็นตัวใหญ่ แล้วใส่จุดต่อท้าย เช่น S.aureus
กรณีต้องการระบุถึงแบคทีเรียทุกชนิดในสกุลนี้จะเขียนเฉพาะชื่อสกุลแล้วต่อท้ายด้วย spp. (อ่านว่า Species) เช่น Staphylococcus spp. หมายความถึงแบคทีเรียสกุลนี้ทุกชนิด เช่น Staphylococcus aureus และ Staphylococcus epidermidis เป็นต้น
ประเภทของแบคทีเรีย
แบคทีเรียแบ่งออกโดยใช้เกณฑ์ 3 ประเภท ดังนี้
1. แบ่งตามการย้อมติดสี
นิยมใช้การย้อมติดสีแบบแกรม (Gram staining) เป็นการแบ่งแบคทีเรียออกเป็นแกรมบวก (Gram positive) และแกรมลบ (Gram negative) มาจากนำสีแกรมซึ่งเป็นสีน้ำชนิดหนึ่งหยดลงไปบนแบคทีเรีย จะทำให้ผนังเซลล์ของแบคทีเรียมีสีแตกต่างกัน ดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- แบคทีเรียที่ผนังเซลล์ติดสีแดง จัดเป็นแบคทีเรียประเภทแกรมลบ
- แบคทีเรียที่ผนังเซลล์ติดสีน้ำเงิน จัดเป็นแบคทีเรียประเภทแกรมบวก
นอกจากสีแกรม ยังมีการใช้สีทดกรด (Acid fast staining หรือ Ziehl-Neelsen staining) ในการแบ่งชนิด ซึ่งในทางการแพทย์ แบคทีเรียที่นิยมใช้การย้อมสีทนกรดคือ Mycobacterium tuberculosis หรือ เชื้อวัณโรค นั่นเอง
2. แบ่งตามรูปร่าง
เป็นการแบ่งประเภทของแบคทีเรียตามลักษณะรูปร่าง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- รูปร่างกลม (Coccus) แบคทีเรียชนิดนี้มีรูปร่างกลมและอาจเกาะกันเป็นกลุ่ม เช่น สแต็ปฟิโลคอกคัส (Staphylococus spp.) หรือกลมและต่อกันเป็นสาย เช่น สเตร็ปโตคอกคัส (Streptococcus spp.)
- รูปร่างเป็นแท่ง (Bacillus) เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นแท่งยาวและหนา เรียงตัวกันเป็นเส้นตรงยาว เช่น เชื้อแอนแทรก (Bacillus anthracis)
- รูปร่างเป็นเกลียว (spirochete) เป็นแบคทีเรียบางชนิดที่มีรูปร่างเป็นเส้นยาว หนา และบิดเป็นเกลียว เช่น เชื้อเลปโตสไปโรซิส (Leptospria interrogans)
3. แบ่งตามการใช้ออกซิเจน
เป็นการแบ่งแบคทีเรียโดยใช้เกณฑ์เรื่องการใช้อากาศ หรือไม่ใช้อากาศในการดำรงชีวิต โดยจะแบ่งแบคทีเรียเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มแอโรบส์ (Aerobe) แบคทีเรียชนิดนี้ต้องใช้อากาศในการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต ซึ่งถ้ามันอยู่ในสภาพไม่มีอากาศ ก็จะตายหรือไม่เจริญเติบโต แบคทีเรียส่วนใหญ่เป็นพวกแอโรบส์แบคทีเรียนั่นเอง
- กลุ่มแอนแอโรบส์ (Anaerobe) แบคทีเรียชนิดนี้มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีอากาศ และจะตายในเวลาไม่นานถ้าถูกอากาศ พวกมันอาศัยอยู่ในช่องท้อง ในปาก หรือในร่างกาย ตามบริเวณที่มีอากาศน้อย หรือที่อับทึบต่างๆ และเป็นปัญหามากในด้านโรคติดเชื้อ เพราะเป็นชนิดที่มีการเจริญเติบโตเร็วมาก และยาต้านจุลชีพส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีผลต่อแบคทีเรียกลุ่มนี้
- กลุ่มฟาคัลเททีพ (Facultative) เป็นแบคทีเรียที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ทั้งในสภาพที่มีอากาศ และในสภาพที่ไม่มีอากาศ เช่น Escherichia coli หรือ เรียกกันว่า อีโคไล (E. coli) พบในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์
แบคทีเรียสำคัญที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อตามระบบต่างๆ ของร่างกาย
ระบบทางเดินหายใจ
- Streptococcus pneumoniae แกรม+ มีรูปร่างลักษณะกลม
- Streptococcus pyogenes (Group A Streptococcus) แกรม+ มีรูปร่างกลม
- Haemophillus influenzae แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Moraxella catarrhalis แกรม- มีรูปร่างกลม
- Mycoplasma pneumoniae แกรม+ มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Mycobacterium tuberculosis แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Corynebacterium diphtheriae แกรม+ มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Chlamydia trachomatis แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Pseudomonas aeruginosa แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
ระบบทางเดินอาหาร
- Shigella spp. แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Salmonella spp. แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Vibrio cholera แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Escherichia coli แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Helicobacter pyroli แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
ระบบปัสสาวะ
- Escherichia coli แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Proteus spp. แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Klebsiella pneumoniae แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
ระบบผิวหนัง (แผล ฝี หนอง)
- Staphylococcus aureus แกรม+ มีรูปร่างกลมกลม
- Streptococcus pyogenes แกรม+ มีรูปร่างกลม
- Clostridium tetani (เชื้อบาดทะยัก) แกรม+ มีรูปร่างเป็นแท่ง
ระบบสืบพันธุ์
- Neisseria gonorrhoeae (หนองใน) แกรม- มีรูปร่างกลม
- Treponema pallidum (ซิฟิลิส) แกรม- มีรูปร่างเป็นเกลียว
- Haemophillus ducreyi (แผลริมอ่อน) แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง
- Chlamydia trachomatis (หนองในเทียม ฝีมะม่วง และริดสีดวงตา) แกรม- มีรูปร่างเป็นแท่ง