โรคหนองในมีกี่ประเภท รักษาและป้องกันอย่างไร

เปรียบเทียบโรคหนองในมีกี่ประเภท ความร้ายแรงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากไม่รับรักษา
เผยแพร่ครั้งแรก 30 ม.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 29 มี.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
โรคหนองในมีกี่ประเภท รักษาและป้องกันอย่างไร

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคหนองใน เป็นโรคติดทางเพศสัมพันธ์ที่ติดต่อกันได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม
  • โรคหนองในมักทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมามากมาย เช่น เป็นหมัน ตั้งครรภ์นอกมดลูก อุ้งเชิงกรานอักเสบ อัณฑะอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นฝี
  • โรคหนองในสามารถติดต่อจากแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ได้ โดยเด็กจะติดเชื้อผ่านการคลอดทางช่องคลอด และเชื้อจะเข้าทางตาของเด็ก ทำให้ตาอักเสบ มีหนอง เสี่ยงตาบอดได้
  • วิธีป้องกันโรคหนองในที่ดีที่สุด คือ งดมีเพศสัมพันธ์ หรือมีพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกสุขลักษณะ เช่น ใช้ถุงอนามัย ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างถูกต้อง
  • โรคหนองในที่เกิดขึ้นในผู้หญิงมักไม่แสดงอาการชัดเจน อาจทำให้กว่าจะรู้ว่าเป็นโรคหนองใน เชื้อก็ลุกลามไปถึงขั้นร้ายแรงแล้ว หากรู้สึกว่า ตนเองมีอาการคล้ายเป็นโรคหนองใน ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที (ดูแพ็กเกจตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่นี่)

โรคหนองใน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินคุ้นหูกันมาก่อน และเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้มากเป็นอันดับ 2 รองจากโรคซิฟิลิส (Syphilis

ทำความรู้จักโรคหนองในแบบกระชับ

โรคหนองใน คือ โรคร้ายที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า "ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhoeae)" ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ในสารคัดหลั่งในช่องคลอดของผู้หญิง และน้ำอสุจิของผู้ชาย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจ STD วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 76%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

นอกจากนี้ เชื้อหนองในยังสามารถพบได้ในทวารหนัก ปากมดลูก และท่อปัสสาวะ ซึ่งเชื้อสามารถลุกลามจากทวารหนักไปที่ช่องคลอดได้ โดยไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ด้วย อีกทั้งเชื้อหนองในยังสามารถติดจากแม่สู่ทารกในครรภ์ได้ผ่านการคลอดทางช่องคลอดได้ด้วย

ประเภทของโรคหนองใน

โรคหนองในแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดได้แก่ โรคหนองในแท้ และโรคหนองในเทียม

1. โรคหนองในแท้ (Gonorrhoea)

เป็นโรคหนองในที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า “ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhea)”  สามารถติดต่อได้ทั้งผู้ชายผู้หญิง รวมถึงทารกแรกเกิด มีระยะฟักตัวของเชื้อค่อนข้างสั้นคือประมาณ 1-10 วัน แต่โดยส่วนมากจะมีการฟักตัวภายใน 5 และเป็นโรคภายใน 7 วัน

โรคหนองในสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นหมัน อาการอักเสบในอุ้งเชิงกราน

อาการของโรคหนองในแท้

อาการของโรคหนองในแท้ สามารถจำแนกตามเพศชาย เพศหญิง และทารกได้ดังนี้

อาการโรคหนองในแท้ในผู้ชาย

อาการหนองในแท้ในผู้ชายอาจมีดังต่อไปนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • เริ่มเห็นอาการหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันประมาณ 1 สัปดาห์
  • ปัสสาวะแสบขัด
  • มีหนองสีขาวขุ่นล้นออกมาจากท่อปัสสาวะ
  • ท่อปัสสาวะตีบตัน
  • สามารถทำให้โรคติดต่อไปถึงคู่นอนได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก และหากคู่นอนมีเชื้อในลำคออยู่แล้ว ก็สามารถส่งต่อเชื้อมาที่คู่นอนอีกคนได้เช่นกัน

อาการหนองในแท้ในผู้ชายหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา ก็จะเกิดการลุกลามอักเสบไปยังบริเวณใกล้เคียงแทน จนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะอักเสบและเป็นหมันในที่สุด

อาการโรคหนองในแท้ในผู้หญิง

อาการหนองในแท้ในผู้หญิง อาจมีดังต่อไปนี้

  • ปัสสาวะแสบขัด
  • มีตกขาวปริมาณมากและมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • เกิดอาการอักเสบที่ปากมดลูก ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และทวารหนัก

อาการหนองในแท้ในผู้หญิง หากไม่รับการรักษาทันเวลา ก็จะทำให้โรคลุกลามจนก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ปีกมดลูกอักเสบ ต่อมบาร์โธลินอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นฝี เป็นหนอง ท่อนำไข่ตีบตัน และส่งผลให้เป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูกในเวลาต่อมาได้

อาการโรคหนองในแท้ในทารกแรกเกิด

ทารกแรกเกิดสามารถติดเชื้อโรคหนองในจากมารดาได้ โดยเชื้อโรคชนิดนี้จะเข้าทางตาของเด็กในขณะคลอดออกมาทางช่องคลอด ทำให้เด็กเกิดการติดเชื้อ ตาอักเสบ รู้สึกระคายเคือง มีหนอง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา ทารกอาจเสี่ยงตาบอดได้

2. โรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis: NSU)

เป็นโรคหนองในที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย “คลามัยเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia trachomatis)” สามารถติดต่อได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงเช่นกัน มักมีระยะฟักตัวนานกว่าโรคหนองในแท้ นั่นคือ มากกว่า 10 วันขึ้นไป

อาการของโรคหนองในเทียมสามารถลุกลามได้ถึงขั้นเป็นโรคอัณฑะอักเสบในผู้ชายได้ และที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ ทำให้ผู้ป่วยกลายเป็นหมัน ส่วนในผู้หญิงนั้น อาการอาจลุกลายจนเกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือเป็นหมันได้ และบางรายอาจตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

อาการของโรคหนองในเทียม

อาการของโรคหนองในเทียมสามารถจำแนกออกได้เป็นหนองในเพศเทียมเพศชายและหนองในเทียมเพศหญิง ดังนี้

อาการโรคหนองในเทียมในผู้ชาย

  • มีอาการช้ากว่าโรคหนองในแท้ คือ ประมาณ 1-3 สัปดาห์หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือได้สัมผัสกับเชื้อโรคชนิดนี้
  • ในระยะแรกจะมีอาการแค่คันที่ท่อปัสสาวะ มีน้ำใสๆ ไหลออกมา
  • ระยะหลังจากนั้น น้ำจะมีความเหนียวข้น และมีหนองไหลออกมาทางท่อปัสาวะ

หนองของโรคหนองในเทียมจะไม่ข้นกับเท่ากับหนองของโรคหนองในแท้ แต่ส่วนมากโรคหนองในทั้ง 2 ประเภทนี้มักเกิดขึ้นพร้อมกัน โดยผู้ป่วยหนองในแท้กว่า 20% จะมีอาการหนองในเทียมร่วมด้วย

อาการโรคหนองในเทียมในผู้หญิง

อาการของโรคหนองในเทียมในผู้หญิงมักไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก แต่จะมีแค่อาการคัน มีตกขาวมาก รู้สึกแสบร้อนขณะปัสสาวะร่วมด้วย ซึ่งอาจยากต่อการวินิจฉัย และรักษามากกว่าโรคหนองในแท้

การตรวจหารอยโรคหนองใน

โรคหนองในทั้งแท้ และเทียมจะมีวิธีตรวจเหมือนกัน โดยผู้ชายจะใช้วิธีป้ายหนองจากท่อปัสสาวะ ส่วนผู้หญิงจะป้ายสารน้ำจากช่องคลอด เพื่อนำไปส่งตรวจผ่านการย้อมสี และเพาะหาเชื้อแบคทีเรียต่อไป

หลังจากส่งตรวจเพื่อหาเชื้อแล้ว หากเชื้อที่พบไม่ใช่เชื้อหนองในแท้ ทางแพทย์ก็อาจตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส

การรักษาโรคหนองใน

การรักษาโรคหนองในแท้ และหนองในเทียมนั้นแตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. การรักษาโรคหนองในแท้

ในอดีต แพทย์จะใช้วิธีรักษาโดยการฉีดยาเพนนิซิลิน (Penicillin) หรือยากลุ่มเซฟาโลปสอริน (Cephalosporins) เข้ากล้ามเนื้อ แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นใช้ยาเซฟาโลสปอริน และยาปฏิชีวนะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้แทน โดยให้รับประทานเพียงครั้งเดียวก็พอ

  1. เซฟิซีม (Cefixime) 400 มิลลิกรัม 
  2. ซีฟาคลอร์ (Cefaclor) ขนาด 1 กรัม 
  3. เอซิโธรมัยชิน (Azithromycin) 1 กรัม 
  4. ไซโปรฟล็อกซาชิน (Ciprofloxacin) 500 มิลลิกรัม
  5. โอฟล็อกซาชิน (Ofloxacin) 400 มิลลิกรัม 
  6. ลีโวฟล็อกซาชิน (Levofloxacin) 250 มิลลิกรัม

2. การรักษาโรคหนองในเทียม

โรคหนองในแท้ และหนองในเทียมมักจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แต่ยาที่ใช้รักษาโรคหนองในแท้บางตัวนั้นก็ไม่สามารถรักษาโรคหนองในเทียมได้ 

ดังนั้นผู้ป่วยโรคหนองในเทียมจึงต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะกลุ่มด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) กลุ่มเอซิโธรมัยซิน (Azithromycin) และยากลุ่มควิโนโลน (Quinolone) และอาจต้องใช้ระยะเวลารักษาค่อนข้างนาน โดยเฉพาะหากเชื้อหนองในเกิดดื้อยา หรือลุกลามไปต่อมลูกหมาก บริเวณอัณฑะ

ผู้ป่วยควรใช้ยาเบื้องต้นโดยเลือกยาชนิดใดชนิดหนึ่ง และแนะนำให้ไปพบแพทย์เป็นลำดับต่อไป

  1. อิริโธรมัยซิน (Erythromycin) 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งติดต่อกัน 10 วัน (ได้ผลน้อยกว่าเอซิโธรมัยซิน และด็อกชิไซคลิน)
  2. ด็อกซิไซคลิน ครั้งละ 10 มิลลิหรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า และเย็น ติดต่อกันนาน 10 วัน
  3. เอซิโธรมัยซิน 1 กรัม รับประทานเพียงครั้ง ผลการรักษาด้วยยานี้มักมีประสิทธิภาพถึง 95%
  4. โอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin) 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน

การป้องกันโรคหนองใน

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคหนองในทั้ง 2 ชนิด คือ การงดมีเพศสัมพันธ์ หรือควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่นอน หรือคู่รักของคุณเอง

นอกจากนี้ พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกวิธี และถูกสุขลักษณะยังเป็นตัวป้องกันโรคหนองในได้ดีอีกทางหนึ่ง ได้แก่

  • ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทางอวัยวะเพศ หรือทางทวารหนัก
  • ใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย หรือถุงครอบปาก (Dental dam) ซึ่งมีลักษณะเป็นยางบางๆ รูปสี่เหลี่ยมสำหรับผู้หญิงเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
  • ตรวจให้ละเอียดว่า ได้ล้างเซ็กส์ทอย (Sextoy) หรือเปลี่ยนถุงยางอนามัยที่ใช้กับเซ็กส์ทอยเรียบร้อยแล้ว
  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
  • ทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังจากขับถ่ายให้ดี โดยผู้หญิงควรใช้กระดาษชำระเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเท่านั้น
  • หากพบว่า ตนเองเสี่ยง หรือมีอาการคล้ายเป็นโรคหนองใน ให้งดมีเพศสัมพันธ์ในทันที และให้คู่นอนเข้ารับการตรวจโรคควบคู่ไปด้วย
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หากได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า เป็นโรคหนองในแล้ว

โรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนองใน

คนส่วนมากมักเชื่อว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อได้ที่อวัยวะเพศอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว โรคหนองในสามารถติดต่อไปทางอวัยวะอื่นด้วย เช่น

1. โรคหนองในในคอ

เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก พบได้ทั้งในคู่รักชายหญิง และคู่รักชาย-ชาย โดยเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อจากทางปากแล้ว เชื้อก็แพร่ลงสู่ลำคอ

โรคหนองในในคอในผู้ชายและผู้หญิงจะมีอาการแตกต่างกันไป ดังนี้

  • โรคหนองในในคอในผู้ชาย: เริ่มมีอาการ 4-6 วันหลังรับเชื้อ มีอาการปวดแสบปวดร้อน ปัสสาวะขัด มีหนองไหลออกมา มีอาการเจ็บคอ
  • โรคหนองในในคอในผู้หญิง: จะไม่มีอาการแสดงในระยะแรก ในเมื่อเวลาผ่านไปอาจมีตกขาวเป็นปริมาณมาก หรือมีตกขาวเป็นสีเหลือง หรือสีเขียว
    มีกลิ่นเหม็น ไม่มีอาการคัน แต่จะมีอาการปวดในอุ้งเชิงกราน และท้องน้อยแทน บางรายอาจมีไข้สูงด้วย

นอกจากนี้ เชื้อหนองในยังสามารถลุกลามขึ้นไปสู่ตาได้ โดยผู้ป่วยจะพบว่าดวงตามีหนองไหลออกมา และหากปล่อยปละละเลยไม่ยอมรักษา เชื้อก็อาจแพร่กระจายไปส่วนอื่นๆ ซึ่งจะมีผลต่อข้อ และลิ้นหัวใจด้วย รวมถึงอาจทำให้อุ้งเชิงกรานอักเสบ และเกิดภาวะมีบุตรยากได้

2. โรคเริม

โรคเริมเป็นโรคที่เกิดได้จากเชื้อหนองในได้เช่นกัน โดยเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อแล้ว เชื้อก็จะลุกลามเข้าไปในระบบประสาท และทำให้อาการของโรคแสดงออกมาทางผิวหนัง หรือเกิดโรคผิดหนังซ้ำ 

สำหรับอาการของโรคเริมที่เกิดจากเชื้อหนองใน จะมีดังต่อไปนี้

  • มีไข้ ร่วมกับปวดข้อ ข้อบวมแดง อาจเป็นไข้สูงหรือไข้ต่ำ และข้อจะค่อยๆ ทยอยปวดทีละข้อไปเรื่อย ๆ แต่บางครั้งอาจปวดบวมเพียงข้อเดียว
  • ปวดท้องน้อย มักร่วมกับอาการทางปัสสาวะ เช่น รู้สึกปวด หรือแสบเมื่อเบางปัสสาวะ
  • มีแผล หรือหนองบริเวณอวัยวะเพศภายนอก
  • มีผื่นแดงขึ้นตามตัว

หากคุณรู้สึกว่า ตนเองมีโอกาสที่จะเป็นโรคเริมที่เกิดจากเชื้อหนองใน ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน เพราะผลข้างเคียงของโรคดังกล่าวนั้นร้ายแรงมาก และอาจลุกลามไปถึงปัญหาอื่นๆ ของระบบสืบพันธุ์ในร่างกายด้วย เช่น

  • เป็นโรคข้อเสื่อม
  • เกิดการติดเชื้อในช่องท้องน้อยเรื้อรัง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะมีบุตรยาก ปวดหลังเรื้อรัง และปวดประจำเดือนรุนแรง
  • ช่องคลอก ปากมดลูก ท่อนำไข่เกิดการติดเชื้อ
  • ดวงตาอักเสบ

การติดเชื้อโรคหนองในหลักๆ มาจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ผ่านการกอด จูบ การใช้ผ้าเช็ดตัว ห้องน้ำ แก้ม ช้อนร่วมกัน อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรมีพฤติกรรมทางเพศที่ผิดสุขลักษณะ เพราจะทำให้เสี่ยงติดโรคติดทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เพิ่มเติมได้

ดูแพ็กเกจตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัพเดทแพ็กเกจต่างๆ  เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. โรคของกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์สุขภาพ
อ.พญ.เจนจิต ฉายะจินดา .โรคติดเชื้อระบบสืบพันธุ์น่ารู้ : โรคหนองใน. (https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=895)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป