กภ. ธีรวิทย์ วิโรจน์วิริยะกุล นักกายภาพบำบัด
เขียนโดย
กภ. ธีรวิทย์ วิโรจน์วิริยะกุล นักกายภาพบำบัด

กล้ามเนื้อกระตุก (Muscle twitching)

เผยแพร่ครั้งแรก 11 ส.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • อาการกล้ามเนื้อกระตุก คือ อาการกล้ามเนื้อที่เกิดการหด และคลายตัวสลับกันนอกเหนืออำนวจการควบคุมของจิตใจ สามารถเกิดได้ที่กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย
  • สาเหตุของอาการกล้ามเนื้อกระตุกสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก การขาดสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ ความเครียด
  • การรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุกจะรักษาไปตามต้นเหตุของอาการเป็นส่วนมาก แต่หากกล้ามเนื้อกระตุกถี่มากๆ ก็อาจต้องเข้าพบแพทย์ด้านระบบประสาทเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม
  • โรคตากระพริบ โรคกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก โรคติกส์ในเด็ก คือ โรคที่มักทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกได้ นอกจากนี้ยังมีโรคอื่นๆ อีก เช่น โรคพาร์กินสัน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจวิตามิน

กล้ามเนื้อกระตุก เป็นหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย และยังสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ 

ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุกบางรายอาจมีอาการ และหายไปได้เองในไม่มีกี่วัน ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาใดๆ ในขณะที่ผู้ป่วยอีกหลายรายที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุกซึ่งเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่อาจจะนำไปสู่ความพิการอย่างถาวร 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ดังนั้นการสังเกตตัวเองเบื้องต้น และการทำความเข้าใจถึงความเสี่ยง และลักษณะอาการของกล้ามเนื้อกระตุกจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

สาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อขยับ

การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อลาย (Skeleton muscle) ซึ่งจะถูกควบคุมให้เคลื่อนไหวด้วยคำสั่งจากระบบประสาท (Nervous system) ผ่านทางเส้นประสาทที่ไขสันหลัง (Spinal cord) ซึ่งถูกสั่งการมาจากสมอง

วงจรการเคลื่อนไหวแบบนี้เรียกว่า "การเคลื่อนไหวภายใต้อำนาจของจิตใจ (Voluntary movement)" 

อย่างไรก็ตาม ยังมีการเคลื่อนไหวอีกแบบที่เกิดขึ้นโดยไม่ผ่านสมอง เป็นการตอบสนองอย่างฉับพลัน (Instantaneous) ของร่างกายต่อสิ่งเร้าเพื่อตัดขั้นตอนการส่งกระแสประสาทขึ้นไปถึงสมองถึงใช้เวลานานกว่า ทำให้ร่างกายสามารถหลบหลีกอันตรายได้อย่างทันทีทันใด 

การเคลื่อนไหวแบบนี้ อยู่นอกการควบคุมของจิตใจ (Involuntary) และเกิดจากร่างกายได้รับสิ่งกระตุ้น และไขสันหลังสั่งให้มีตอบสนองทันที เรียกว่า "ปฏิกิริยารีเฟลกซ์ (Reflex action)" ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงมากกับการกระตุกของกล้ามเนื้อในแง่ของการเคลื่อนไหวภายนอกการควบคุมของจิตใจ

ความหมายของกล้ามเนื้อกระตุก

กล้ามเนื้อกระตุก (Muscle twitching) คือ อาการที่กล้ามเนื้อทำงานโดยการหด และคลายตัวสลับกันนอกเหนืออำนาจการควบคุมของจิตใจ มักเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ผ่านการสังเกตเห็นการหด และคลายตัวของกล้ามเนื้อที่บริเวณผิวหนัง 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

อาการกล้ามเนื้อกระตุกเกิดได้ที่กล้ามเนื้อเกือบทุกส่วนของร่างกาย เช่น เปลือกตา แขนท่อนล่าง และต้นขา มักจะเกิดจากการกระตุกของเส้นใยกล้ามเนื้อของกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ มัดเดียว แต่ก็สามารถพบพร้อมกันได้หลายๆ จุดทั่วร่างกาย

กล้ามเนื้อกระตุกขณะนอนหลับ

อาการกระตุกของร่างกายที่เกิดขึ้นตอนนอนหลับสนิท หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า “ผวา” ขณะนอนหลับ ก็ถือว่าเป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อชนิดหนึ่ง เพียงแต่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ และมีกล้ามเนื้อหลายมัดกระตุกพร้อมกันเท่านั้น 

อาการผวา สามารถอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ว่า ในชีวิตประจำวันขณะที่เรารู้สึกตัว กล้ามเนื้อบางมัดจะทำงาน ในขณะที่กล้ามเนื้อบางมัดจะผ่อนคลาย 

แต่ในขณะนอนหลับสนิท กล้ามเนื้อทุกมัดจะผ่อนคลาย คล้ายกับกรณีการตกลงมาจากที่สูงที่กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายจะผ่อนคลายพร้อมกันทั้งหมด ทำให้ไม่มีกล้ามเนื้อที่สามารถทำงานเพื่อช่วยให้ร่างกายทรงท่าไว้ได้ 

ในระหว่างที่กล้ามเนื้อกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ จึงทำให้สมองสับสน และแปลความว่า ร่างกายกำลังตกลงมาจากที่สูง ทั้งๆ ที่ร่างกายแค่กำลังหลับสนิทเพราะไม่มีกล้ามเนื้อมัดไหนทำงานเลยเท่านั้น 

ดังนั้นร่างกายจึงตอบสนองด้วยการหด หรือกระตุกกล้ามเนื้อบางส่วนอย่างทันที เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง และเตรียมพร้อมรับการตกจากที่สูง และเป็นเหตุให้ผู้ที่มีอาการกระตุกขณะนอนหลับรู้สึกเหมือนตกลงมาจากที่สูงจริงๆ นั่นเอง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจแร่ธาตุวิตามินวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 68%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

สาเหตุของกล้ามเนื้อกระตุก

กล้ามเนื้อกระตุกเกิดจากหลายสาเหตุ ในปัจจุบันมีรายงานหลายฉบับที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของอาการกล้ามเนื้อกระตุก และปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างหนัก และมีการสะสมกรดแลกติก (Lactic acid) ไว้ที่กล้ามเนื้อเป็นจำนวนมาก
  • มีความเครียด ความวิตกกังวล และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ระบบประสาททำงานอย่างไม่ปกติ
  • ขาดสารอาหารบางชนิด เช่น น้ำ เกลือแร่ หรือวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะวิตามินบี ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท
  • ได้รับสารเสพติดบางชนิด โดยเฉพาะนิคโคตินในบุหรี่
  • ได้รับยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาท โดยเฉพาะกลุ่มฮอร์โมนต่างๆ

นอกจากปัจจัยดังกล่าว ยังพบว่ามีโรคทางระบบประสาทหลายโรคที่มีอาการแสดงเป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อ ทั้งในระยะแรก และระยะเรื้อรัง การสังเกตอาการและพบแพทย์อย่างทันท่วงทีจะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กซึ่งจะขอกล่าวในหัวข้อต่อไป

วิธีรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุก

สาเหตุของกล้ามเนื้อกระตุกนั้นมีหลายอย่าง โดยหากเป็นกล้ามเนื้อกระตุกที่เกิดจากการออกกำลังกาย ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อแก้ไขต้นเหตุได้อาการมักจะหายไปได้เอง ไม่ต้องทำการรักษา 

ส่วนกล้ามเนื้อกระตุกที่มีสาเหตุมาจากการขาดสารอาหารบางชนิด ได้รับสารเคมี หรือยาบางชนิด ผู้ป่วยอาจต้องปรึกษานักโภชนาการ เภสัชกร หรือแพทย์ เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการรับประทานอาหาร รับอาหารเสริม หรือเปลี่ยนยาที่ใช้เป็นประจำเพื่อลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น

สำหรับผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อกระตุกเป็นประจำ ทั้งยังมีความถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับมีความผิดปกติของระบบประสาท เช่น มีอาการชา มีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อฝ่อลีบ ควรเดินทางเข้าพบแพทย์ทางด้านระบบประสาท หรือแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเพื่อรับการวินิจฉัยแยกโรคอื่นๆ ต่อไป

หากกรณีที่แพทย์ตรวจพบว่า อาการกล้ามเนื้อกระตุกเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท การวินิจฉัยที่นิยมนำมาใช้ตรวจการทำงานของเส้นประสาทจะเป็นการตรวจการทำงานของเส้นประสาท และกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยการตรวจย่อย 2 ชนิด คือ 

  • การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography: EMG) 
  • การตรวจความเร็วของการนำกระแสประสาท (Nerve conduction velocity: NCV)  

โรคที่ทำให้เกิดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ

โรคที่สำคัญ และพบได้บ่อยๆ ในประเทศไทยที่ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกมีดังนี้

1. โรคติกส์ (Tics) ในเด็ก 

อาการกล้ามเนื้อกระตุกจากโรคนี้จะเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด หายไปได้เองอย่างเร็วเร็ว ลักษณะอาการไม่เป็นแบบแผนอย่างลมชัก 

กล่าวคือ ผู้ป่วยเด็กจะมีอาการกระตุกไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ และสามารถเป็นได้ซ้ำๆ หลายครั้ง แต่บริเวณที่เกิดอาการกระตุกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มักไม่ค่อยเป็นซ้ำบริเวณเดิม 

อย่างไรก็ตาม โรคติกส์ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่อสมอง หรือส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็ก แต่จะทำให้เกิดความรำคาญ หรืออาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

2. โรคตากระพริบ หรือตาปิดเกร็ง (Benign essential blepharospasm) 

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจนว่า โรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยอาการแสดงของโรคตากะพริบ คือ มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบๆ ลูกตาทั้ง 2 ข้าง (Dystonia) ทำให้เกิดการกระพริบตาถี่ๆ ในบางรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจจะทำให้ไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ 

แต่ปัจจุบัน มีวิธีรักษาที่สามารถรักษาด้วยการฉีดสารโบทูลินั่มทอกซิน (BOTOX) ซึ่งจะช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อรอบๆ ลูกตาได้

3. โรคกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก (Bell’s palsy) 

เกิดขึ้นจากความเกี่ยวข้องของกล้ามเนื้อกับความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า จึงอาจจะพบเห็นการกระตุกแบบไม่สม่ำเสมอได้

นอกจากโรคที่กล่าวไปเบื้องต้นแล้ว ยังพบว่า อาการกล้ามเนื้อกระตุกเป็นอาการแสดงของโรคทางระบบประสาทที่รุนแรงอีกหลายโรค เช่น 

  • โรคพาร์กินสัน (Parkinson's disease) 
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) 
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด SMA (Spinal Muscular Atrophy) ที่พบในผู้ใหญ่ 
  • โรคในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางสมองของเด็ก เช่น สมองพิการ (Cerebral palsy) 

หากคุณสังเกตว่า การกระตุกของกล้ามเนื้อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้ช่วยชาญเพื่อให้ได้รับการวินิจฉัย และตรวจรักษาอย่างทันท่วงที

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจวิตามิน จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Twitching eyes and muscles. NHS (National Health Service). (Available via: https://www.nhs.uk/conditions/twitching-eyes-and-muscles/)
Muscle Twitches: MS and Other Possible Causes. Verywell Health. (Available via: https://www.verywellhealth.com/muscle-twitches-3972556)
Muscle twitch: Causes, symptoms, treatment, and prevention. Medical News Today. (Available via: https://www.medicalnewstoday.com/articles/324641)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
ทำไม่ ต้องอ้วนลงพุ่งค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ปวดกลังปวดเอว.เอ็นข้อศอกอักเสบเรื้อรังไม่หายสักที
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
การปวดหลังเป็นประจำทุกวันเกิดจากอะไร
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
มีลูกเป็นเด็ก CP ค่ะ ตอนนี้ทานอาหารทางสายยาง...ไม่ทราบว่าน้องมีโอกาสต้องเจาะใส่สายทางหน้าท้องหรือป่าวค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
อาการปวดเมื้อยบริเวณเหนือสะโพก เกิดจากอะไร มีวิธีรักษายังไงคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)