Tramadol เป็นชื่อทั่วไปสำหรับยาแก้ปวดที่ใช้ตามแพทย์สั่งภายใต้ชื่อการค้า Ultram, Conzip, Rybix ODT และ UltramER
แพทย์ใช้ Tramadol รักษาอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้ใหญ่ Tramadol มีจำหน่ายทั้งชนิดเม็ด ชนิดเม็ดเคลือบฟิล์ม(ค่อยๆปลดปล่อยตัวยา) หรือชนิดแคปซูล
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
จัดอยู่ในกลุ่มยาแก้ปวดที่สกัดจากมอร์ฟีน (opiate) ซึ่งทำงานโดยการเปลี่ยนการตอบสนองต่อความเจ็บปวด อาจเพิ่มระดับของสารสื่อประสาท, norepinephrine, serotonin Ultracet เป็นยาที่มีส่วนผสม ของ Tramadol และ acetaminophen องค์การอาหารและยา ของอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติยา Tramadol ในปี ค.ศ. 1995 ของบริษัท ยา Janssen ภายใต้ชื่อการค้า Ultram
ในปี ค.ศ. 2002 US FDA ได้อนุมัติยาสามัญ Tramadol สำหรับจัดจำหน่ายทั่วไปหลายๆบริษัท มีการศึกษาปี ค.ศ. 2014 ชี้ให้เห็นว่าการให้ Tramadol กับผู้ป่วยก่อนผ่าตัดจะลดอาการสั่นที่เกิดจากยาสลบ – ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในคนที่ฟื้นจากการดมยา
Tramadolกับคำว่า 'โอกาสเสพติดสูง' และการใช้แบบผิดๆ
แม้ว่า Tramadol ถือเป็นยาที่ปลอดภัยและได้รับอนุมัติจาก FDA แล้ว แต่มีรายงานจำนวนมากของการใช้ยาผิด เพราะมีผลเหมือน opioid (ยากลุ่มมอร์ฟีน) ให้ผู้ใช้ยามีแนวโน้มการเสพติด "สูง"
ในปี ค.ศ. 2010, Janssen และองค์การอาหารและยาได้ออกคำเตือนเพิ่มเติมสำหรับยาเม็ด Tramadol โดย แนะนำแพทย์ไม่ให้ใช้ยานี้สำหรับ
- คนที่มีความคิดฆ่าตัวตาย
- ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดยาเสพติด
- ผู้ใช้ยากล่อมประสาท หรือยารักษาซึมเศร้า
- คนที่ติดเหล้า หรือ ใช้ยาเสพติด
- ตนที่หดหู่ หรือมีอารมณ์แปรปรวน
ในปี ค.ศ. 2011 พบว่า Tramadol มีการเชื่อมโยงกับผู้ป่วย แผนกฉุกเฉินทั่วประเทศ 20,000 ราย ตามรายงานในวารสาร MedPage Today ในฟลอริด้าที่เดียว มีคน 379 คนที่เสียชีวิตจากการกินยา Tramadol เกินขนาด ในปี ค.ศ. 2011 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 106 คนที่เสียชีวิตในปี ค.ศ. 2003 ผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้และเหตุการณ์อื่น ๆ อีกมาก
The Drug Enforcement Administration (DEA) จึงจัด Tramadol เป็นยาควบคุมพิเศษในปี ค.ศ. 2014
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ข้อควรระวังของ Tramadol
Tramadol อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะชัก แม้ในขนาดยาปกติ แต่มีโอกาสมากขึ้น กรณีใช้ Tramadol มากกว่าที่กำหนด คุณอาจจะมีความเสี่ยงมากขึ้นถ้าคุณทานร่วมกับยาแก้ภาวะซึมเศร้า ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีนตัวอื่นๆ หรือมีประวัติของภาวะชัก ติดยาเสพติดหรือติดเหล้า หรือมีภาวะซึมเศร้า คนที่มีความคิดฆ่าตัวตาย หรือมีแนวโน้มติดยาเสพติด รวมถึงผู้ที่มีประวัติถูกรบกวนทางอารมณ์ (มีภาวะซึมเศร้าหรือภาวะติดเหล้า) ไม่ควรใช้ Tramadol ควรพิจารณาใช้ยาแก้ปวดที่ไม่เสพติดแทน
การใช้ยา Tramadol ร่วมกับยาเพิ่มระดับserotonin เช่นยารักษาภาวะซึมเศร้า อาจมีความเสี่ยงสำหรับ คนที่มีกลุ่มอาการ serotonin เนื่องจาก Tramadol เพิ่มปริมาณของ serotonin ในสมอง อาการของโรค serotonin ได้แก่ กระสับกระส่าย,,มี ไข้, คลื่นไส้, กล้ามเนื้อตึง, การทำงานของร่างกายไม่ประสานกัน และ/ หรือสูญเสียความรู้สึกตัว Tramadol อาจสร้างนิสัยติดยา
การกิน Tramadol เป็นเวลานานและในปริมาณสูงอาจทำให้คุณเกิดภาวะดื้อยาและต้องพึ่งพายาตลอด ซึ่งหมายความว่าหากคุณหยุดการกิน Tramadol ทันทีอาจมีอาการถอนยา เช่นเหงื่อออก, คลื่นไส้, ปวดกล้ามเนื้อ, นอนไม่หลับ ตัวสั่นและวิตกกังวล
Tramadol อาจทำให้เกิดภาวะหายใจลำบากเนื่องจากระบบทางเดินหายใจถูกกด. ภาวะระบบทางเดินหายใจถูกกดอาจก่อให้เกิดการเสียชีวิตถ้าใช้ Tramadol มากเกินไป ความเสี่ยงสำหรับภาวะระบบทางเดินหายใจถกกดจะเพิ่มขึ้นหากใช้ร่วมกับยาแก้ปวด opioid ตัวอื่น ๆ หรือ ยาเสพติดที่ซื้อตามถนน หรือดื่มแอลกอฮอล์หรือกินยาระงับประสาท หรือมีประวัติของการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือมีภาวะความดันที่เพิ่มขึ้นในสมอง ไม่ควรใช้ Tramadol ถ้าคุณมีอาการหอบหืดอย่างรุนแรงหรือโรคปอดที่ทำให้เกิดปัญหากับระบบหายใจ
ก่อนที่จะเริ่มกิน Tramadol ควรแจ้งแพทย์ถ้าคุณมีอาการดัง ต่อไปนี้
- บาดเจ็บที่ศีรษะหรือโรคหลอดเลือดสมองตีบ(stroke)
- ภาวะชัก
- โรคตับเช่นตับแข็งหรือมีความเสียหายของตับจากภาวะโรคในอดีต
- โรคทางเดินอาหารเช่นท้องผูก
- โรคไตหรือปัญหาที่เกี่ยวข้อง
- ปัญหาสุขภาพจิตเช่นภาวะซึมเศร้า ,โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว (bipolar disorder) หรืออื่น ๆ
- คิดฆ่าตัวตาย
- การติดเชื้อที่สมองหรือมีเนื้องอกที่สมอง
- ประวัติการใช้ยาเสพติดหรือติดแอลกอฮอล์
การตั้งครรภ์และการใช้ Tramadol
- ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบว่าคุณตั้งครรภ์หรือกำลังจะตั้งครรภ์
- Tramadol อาจทำให้เกิดอันตรายต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์
- อาจเกิดอาการถอนยาที่เป็นอันตรายกับทารกแรกเกิด
- Tramadol ยังผ่านไปในน้ำนมได้ จึงไม่ควรให้นมลูกขณะที่กินยา Tramadol
- ไม่ควรใช้ Tramadol ในคนที่อายุน้อยกว่า 16
Tramadol สำหรับสุนัขและแมว
Tramadol มักจะถูกใช้ในการรักษาอาการปวดในสุนัขและแมวโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวด หลังผ่าตัดและอาการปวดเรื้อรัง เพราะยาต้านอักเสบ NSAIDs หลายตัวไม่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในแมว
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
Tramadol เป็นยาแก้ปวดทางเลือกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับแมว ในสุนัขและแมว Tramadol อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ปวดท้อง หรือมีอัตราการเต้นของหัวใจลดลง
ยาเกินขนาดของ Tramadol อาจก่อให้เกิดอาการชักและรูม่านตาหดตัว
ผลข้างเคียงของ Tramadol
หากคุณมีผลข้างเคียงใด ๆ จาก Tramadol, ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที ผลข้างเคียงที่พบมากที่สุดคืออาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ ท้องผูก และปวดศีรษะ
ถ้าคุณพบผลข้างเคียงที่รุนแรงใด ๆ ต่อไปนี้ รีบไปพบแพทย์แผนกฉุกเฉินทันที
- ชัก
- หายใจลำบาก
- มีอาการของโรค serotonin เช่น ตัวสั่น มีไข้คลื่นไส้ กล้ามเนื้อตึง ร่างกายไม่ประสานงานกัน หรือหมดสติ
- อาการเจ็บหน้าอก
- หัวใจเต้นเร็ว
- ง่วงนอนมาก
- เป็นลม
- มีอาการบวมของ ใบหน้า ลิ้น ลำคอหรือแขนขา
- เห็นภาพหลอน
- เป็นผื่นรุนแรง
- คิดฆ่าตัวตาย
ผลข้างเคียงอื่น ๆ ของ Tramadol
- ง่วงนอน
- อาเจียน
- ผื่นคัน
- เหงื่อออก
- รู้สึกกระวนกระวาย หงุดหงิด หรือเมายา
- อาหารไม่ย่อย
- ปากแห้ง
- ท้องเสีย
- นอนไม่หลับ
- ตัวสั่น
- เบื่ออาหาร
หากคุณอายุมากกว่า 65 ปี คุณอาจมีความเสี่ยงพบผลข้างเคียงจากยา tramadol มากขึ้น โดยเฉพาะ ผลข้างเคียงระบบทางเดินอาหาร เช่นอาการท้องผูก คนที่อายุมากกว่า 75 ปีอาจต้องใช้ยา tramodol ลดลง กว่าที่กำหนดโดยทั่วไป
ปฏิกิริยาต่อยาอื่นของTramadol
ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการออกฤทธ์ของTramadol และ Tramadol อาจมีผลต่อการออกฤทธ์ของยาอื่น ๆ ที่คุณกิน สำหรับข้อมูลเฉพาะเจาะจงมากขึ้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานะสุขภาพของคุณ และยารักษาโรคที่กินในปัจจุบัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามินสมุนไพร แร่ธาตุและอาหารที่คุณกินประจำ
ปฏิกิริยาต่อยาอื่นของTramadolที่รู้จักกันทั่วไปเช่น
- ยาป้องกันลิ่มเลือดเช่น warfarin (Coumadin)
- ยาต้านเชื้อรารวมทั้ง ketoconazole (Nizoral)
- ยาปฏิชีวนะเช่น erythromycin ( E.E.S., E-MYCIN, Erythrocin) และ linezolid (Zyvox)
- ยาที่ใช้รักษาภาวะอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว (bipolar disorder) และโรคจิตเภท (schizophrenia )รวมทั้ง lithium (Lithobid)
- ยารักษาอาการซึมเศร้ารวมทั้ง monoamine oxidase inhibitors (MAOI)เช่น isocarboxazid (Marplan) และ phenelzine (Nardil); serotonin norepinephrine reuptake inhibitors (SNRIs) เช่น desvenlafaxine (Pristiq) และ duloxetine (Cymbalta); ยารักษาภาวะซึมเศร้ากลุ่ม tricyclic เช่น amitriptyline และ selective reuptake serotonin inhibitors (SSRIs) เช่น citalopram (Celexa) และ fluoxetine (Prozac, Sarafem)
- ยาหัวใจรวมทั้ง digoxin (Lanoxin)
- ยารักษาภาวะวิตกกังวลเช่น paroxetine (Paxil, Pexeva) และ Sertraline (Zoloft)
- ยาปวดอื่น ๆ เช่น oxycodone (Roxicodone)
- ยารักษาปวดศีรษะไมเกรนรวมทั้ง almotriptan (Axert) eletriptan (Relpax) และ frovatriptan (Frova)
- ยากันชักเช่น carbamazepine (Equetro, Tegretol)
- ยาคลายกล้ามเนื้อรวมทั้ง Cyclobenzaprine (Flexeril)
- Quinidine
- rifampin (Rifadin, Rifamate, Rimactane)
- St. John's wort
Tramadol และปฏิกิริยาอื่น ๆ
Tramadol อาจทำให้คุณง่วงนอนและเวียนหัว จึงไม่ควรขับรถหรือมีทำกิจกรรมที่อาจเป็นอันตราย จนกว่าคุณจะเข้าใจผลและอาการข้างเคียงของยาTramadol ต่อคุณ
Tramadol และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมายร่วมกับการใช้ Tramadol ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของการประสบผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ขนาดยารักษาของTramadol
ปริมาณของยา Tramadol จะขึ้นอยู่กับระดับของความเจ็บปวดและการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา แพทย์อาจเริ่มต้นที่ขนาดต่ำและค่อยๆเพิ่มเพื่อหาปริมาณที่เหมาะกับคุณ
กำหนดการใช้ยา Tramadol สำหรับคนที่เริ่มต้น มักใช้ยาเม็ดแบบกระจายตัวปกติ
- แพทย์จะเริ่มต้นด้วย 25 มิลลิกรัม ในตอนเช้า ทุกวัน
- เพิ่มปริมาณครั้งละ 25 มิลลิกรัมทุกสามวันจนถึงระดับสูงสุด 100 มิลลิกรัมต่อวัน (25 มิลลิกรัมสี่ครั้งต่อวัน) ขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่สามารถบรรเทาอาการปวดของคุณ
- หากจำเป็นแพทย์อาจเพิ่มในปริมาณที่แยกกันครั้งละ 50 มิลลิกรัมทุกสามวันจนถึงระดับสูงสุด 200 มิลลิกรัมต่อวัน (50 มิลลิกรัมวันละสี่ครั้ง)
- ปริมาณยาสำหรับผู้ใหญ่ปกติไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน
- สำหรับคนที่มีภาวะตับแข็ง (เนื้อตับเสียหาย) ระดับยาต่อวันไม่ควรเกิน 100 มก. ในระยะเวลา 24 ชั่วโมง
- สำหรับคนที่มีโรคไต ระดับยาต่อวันไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม
- สำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 75 ปี ระดับยาต่อวันไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม
ข้อควรระวังเพิ่มเติม
- คุณสามารถกินยาเม็ดชนิดละลายปกติเป็นประจำก่อนหรือหลังอาหาร ทุก 4-6 ชั่วโมงตามความจำเป็น
- การหยิบยาเม็ด Tramadol มากิน ควรแน่ใจว่ามือของคุณแห้งและหยิบยาจากบรรจุภัณฑ์อย่างระมัดระวัง
- อย่ากดยา(ละลายน้ำได้)ผ่านแผงอลูมิเนียม ควรวางยาบนลิ้นของคุณทันที
- กรณีกินยาชนิดค่อยๆปลดปล่อยตัวยา ควรกินยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
- ไม่ควร บด เคี้ยว แบ่ง ยา ควรกลืนยา Tramadol ทั้งเม็ดพร้อมน้ำ
ระดับยาTramadol ที่เกินขนาด
ระดับยาTramadol เกินขนาด อาจก่อให้เกิดภาวะหายใจลำบากและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
อาการของยา Tramadol เกินขนาดรวมถึง
- หายใจลำบาก(มีการกดการหายใจ)
- หายใจตื้นๆ
- รูม่านตาหดตัว
- ร่างกายอ่อนเพลีย
- เวียนศีรษะ
- ตัวเย็นและผิวชื้นเหนียวเหนอะ
- การเต้นของหัวใจช้าลง
- หมดสติ
หากคุณคิดว่ามีภาวะระดับยาTramadol เกินขนาดควรปรึกษาแพทย์ทันที
กรณีลืมกินยา Tramadol
การกินยา Tramadol ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรกินยามากกว่าหรือน้อยกว่าระดับยาที่แพทย์สั่ง อย่าหยุดยา Tramadolทันที เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาถอนยารุนแรง หากคุณลืมกิน Tramadol ควรกินเม็ดที่ลืมให้เร็วที่สุดทันทีที่นึกได้ ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ควรข้ามเม็ดที่ลืม ไม่ควรกินเป็น 2 เม็ด เพราะอาจพบผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายของ Tramadol
ภาพยา Tramadol (Ultram)
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Tramadol
คำถาม: Tramadol ช่วยให้ลดน้ำหนักได้หรือไม่?
คำตอบ. ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของ Ultram (Tramadol) คืออาการคลื่นไส้อาเจียน สูญเสียความจำ, เหงื่อออก, และท้องผูก อ้างอิงตามข้อมูลยาพื้นฐานที่มีอยู่ (เช่น ข้อมูลการสั่งยา) ผลข้างเคียงเฉพาะที่ถามมาไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการใช้ยาตัวนี้
คำถาม: Tramadol ปลอดภัยหรือไม่?
คำตอบ: Tramadol (ชื่อการค้า Ultram) ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) เพื่อเป็นยากินตามใบสั่งแพทย์มีนาคม 1995 Tramadol (Ultram) มีการใช้งานในยุโรปมายาวนานตั้งแต่ปลายปี 1970 ในตำรับยากิน ยาสวนทวาร และยาฉีดเข้าเส้น
องค์การอาหารและยา (FDA) โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 12 ปีในการอนุมัติการใช้ยาหนึ่งตัว เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยที่ก่อนจะได้รับการกำหนดให้ใช้โดยแพทย์กับผู้ป่วย. ในระหว่างขั้นตอนการอนุมัติ ผู้ผลิตยาต้องพิสูจน์การใช้ยาผ่านการศึกษาทางคลินิกที่ที่มีความปลอดภัยและใช้งานได้จริงสำหรับการใช้งานที่ระบุ ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการอนุมัติต้องมีการตรวจสอบผลข้างเคียงและประสิทธิผลของยากับผู้ป่วยในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม
ในกรณีของ Tramadol (Ultram), องค์การอาหารและยาพบว่าเป็นยาที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ (prescription)
Tramadol (Ultram) มีผลข้างเคียงค่อนข้างมากและไม่ได้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยทุกราย แม้ว่า Tramadol (Ultram) ไม่ได้ถูกจัดหมวดหมู่เป็นยาควบคุม แต่มีรายงานการเชื่อมโยงระหว่างอาการถอนยารุนแรงของ Tramadol (Ultram)
คำถาม: Tramadol จัดเป็นยาเสพติดหรือไม่?
คำตอบ: Tramadol (Ultram) เป็นยาแก้ปวด opioid ใช้ในการรักษาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรงผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดจาก Tramadol ได้แก่อาการวิงเวียนศีรษะ, ปวดศีรษะ, ง่วงนอน, ท้องผูก, และคลื่นไส้ แม้ว่า Tramadol จะไม่เสพติดเหมือนยาลดอาการปวดรุนแรงตัวอื่นๆ แต่ Tramadol จะมีโอกาสเสพติดได้ ตามข้อมูลพื้นฐานของยา ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยที่มีแนวโน้มติดยาเสพติด
นอกจากนี้ยังระบุว่าภาวะดื้อยาหรือภาวะต้องพึ่งยาอาจเกิดจากการใช้ยายาวนาน. ผู้ป่วยที่ใช้ยังใช้ยา Tramadol ต่อเนื่องควรหยุดยาทันที หรือถ้าพบอาการถอนยา(อาการรุนแรงเมื่อหยุดยา). ควรค่อยๆลดปริมาณยาลงอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะหยุดยาโดยสมบูรณ์. แพทย์สามารถให้กำหนดการค่อยๆลดยาหากพวกเขารู้สึกว่าคุณควรจะหยุด Tramadol.
ผลข้างเคียงเหล่านี้ยังไม่ได้เป็นผลข้างเคียงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ Tramadol. สำหรับข้อมูลเฉพาะเจาะจงมากขึ้นปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานะสุขภาพของคุณ และยารักษาโรคที่กินในปัจจุบัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามินสมุนไพร แร่ธาตุและอาหารที่คุณกินประจำ เป็นการดีหากให้เภสัชกรจดบันทึกประวัติการใช้ยาและแนะนำถึงปฏิกิริยาต่อกันของยา และอาการข้างเคียง
คำถาม: Tramadol จัดเป็นยาประเภทมอร์ฟีนใช่หรือไม่?
คำตอบ: ใช่ Ultram (Tramadol) เป็นยาแก้ปวดที่ไม่เสพติด Tramadolจะจับกับ opioid receptor และยับยั้งการดูดกับของ norepinephrine และ serotonin (สารสื่อประสาทในส่วน สมอง). Tramadol อาจจะสร้างนิสัยเคยชิน จึงควรใช้โดยบุคคลที่แพทย์สั่งจ่ายเท่านั้น. ควรใช้ยา Tramadol ตามที่แพทย์กำหนดเท่านั้น. ไม่ควรใช้เกิน.
ผลข้างเคียงของ Tramadol มีอาการวิงเวียนศีรษะ ง่วงนอน ตาพร่ามัวและปัญหาการนอนไม่หลับ สำหรับข้อมูลเฉพาะเจาะจงมากขึ้นปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานะสุขภาพของคุณ และยารักษาโรคที่กินในปัจจุบัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามินสมุนไพร แร่ธาตุและอาหารที่คุณกินประจำ เป็นการดีหากให้เภสัชกรจดบันทึกประวัติการใช้ยาและแนะนำถึงปฏิกิริยาต่อกันของยา และอาการข้างเคียง
คำถาม: ฉันกิน Tramadol 3-4 ปีแล้วในขนาดยา 300-400 มิลลิกรัมต่อวัน จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของฉันอย่างไร?
คำตอบ: อาการปวดเรื้อรังอาจเป็นเรื่องที่จัดการยากและถ้าสาเหตุของอาการปวดไม่สามารถที่จะรักษาให้หายได้จะต้องใช้ยาควบคุมอาการปวดเช่น Ultram (tramadol) ซึ่งสามารถควบคุมอาการปวดขนาดกลางถึงรุนแรงได้ดี Ultram (tramadol) ถูกขับออกทางไตและตับ แพทย์จึงต้องตรวจสอบผลการรักษาของ Ultram (tramadol) บ่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะติดยา ซึ่งเกิดได้กับสารจำพวกมอร์ฟีน
มีการศึกษาพบว่า metabolite (สารที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ตับ)ของ Ultram (tramadol) สามารถสร้างภาวะเสพติดได้ Ultram (tramadol) ไม่ได้ลดสาเหตุของอาการปวด แต่ปิดกั้นการส่งความรู้สึกปวดของร่างกายไปยังสมอง ขนาดยาสูงสุดคือ 400 mg/วัน การใช้ยาเดี่ยวๆอาจลดปวดได้ไม่ดีนัก ตัวที่ใช้ร่วมกันเช่น กรณีปวดกล้ามเนื้อ จะใช้ร่วมกับ Flexeril (cyclobenzaprine) หรือ Zanaflex (tizanidine)
NSAIDs เช่น Aleve (naproxen) สามารถใช้กรณ้ปวดเนื่องจากการบวม กรณีมีอาการปวดแสบปวดร้อนเนื่องจากปลายประสาทอักเสบ ยาที่ใช้ร่วมกันคือ Neurontin (gabapentin) or Lyrica (pregabalin) ควรปรึกษากับแพทย์ก่อนใช้ยา กายภาพบำบัด chiropractic work เป็นวิถีแพทย์ทางเลือกที่สามารถใช้ร่วมไปด้วยกัน
คำถาม: อาการข้างเคียงและปฏิกิริยาต่อยาอื่นที่สำคัญของ Tramadol มีอะไรบ้าง ?
คำตอบ: Tramadol (Ultram) เป็นยาแก้ปวดชนิดกลางถึงรุนแรงในผู้ใหญ่ ที่ออกฤทธ์ต่อประสาทส่วนกลาง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของ Ultram (Tramadol) คือ อาการคลื่นไส้อาเจียน สูญเสียความจำ, เหงื่อออก, และท้องผูก Tramadol ยังอาจมีผลลดความว่องไวในการตอบสนอง จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เมื่อต้องทำงานที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ขับรถ หรือ ทำงานเกี่ยวกับ เครื่องจักรหนัก แอลกอฮอร์ หรือยากลุ่มที่ทำจากมอร์ฟีน ยาชา ยาเสพติด ยาระงับประสาท ยานอนหลับ ที่มีผลเพิ่มการกดประสาทส่วนกลาง จะเพิ่มอาการข้างเคียงที่ง่วงนอนนี้และไม่ควรใช้ร่วมกับ Tramadol
Tramadol ยังสามารถเพิ่มฤทธ์ของภาวะชัก จึงห้ามใช้ในคนที่มีประวัติการชัก หรือกินยาลดซึมเศร้า หรือยาแก้ปวดประเภทมอร์ฟีน ยาลดการซึมเศร้าหรือยาอื่นๆที่มีผลต่อ serotonin เมื่อใช้ร่วมกับ Tramadol อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ Serotonin Syndrome จะสังเกตได้จากอาการทางจิต เช่น เห็นภาพหลอน ตัวสั่น coma การเคลื่อนไหวร่างกายไม่มั่นคง เช่น หัวใจเต้นเร็ว(Tachycardia) ตัวร้อน ความดันขึ้นๆลงๆ( labile blood pressure) กล้ามเนื้อและประสาทไม่สัมพันธ์กัน neuromuscular aberrations (e.g., hyperreflexia, incoordination) อาการทางกระเพาะ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อาการข้างต้น ยังไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดของ Tramadol