เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีอาการอึดอัด จุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เพราะอาหารไม่ย่อยกันทั้งนั้น บางครั้งก็เกิดจากการทานอาหารมากเกินไป รีบกินเร็วไป หรือเกิดจากความผิดปกติในทางเดินอาหารก็ได้ มาดูกันดีกว่าว่า อาหารไม่ย่อย เกิดจากอะไรได้บ้าง เราจะรักษาอาการ และป้องกันได้อย่างไร
อาการแบบไหนถึงเรียกว่าอาหารไม่ย่อย?
- รู้สึกปวดท้องช่วงบน มีอาการเสียดแน่น จุกลิ้นปี่ อึดอัดจนแทบอยากปลดตะขอกางเกง บางครั้งเพิ่งทานอาหารได้เล็กน้อยก็จุกจนทานต่อไม่ไหว
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีลมในทางเดินอาหาร
- อาจคลื่นไส้ อาเจียน หรือเรอออกมาบ่อยๆ
- บางครั้งอาจรู้สึกแสบร้อนในอก เนื่องจากกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหาร
อาหารไม่ย่อยเกิดจากอะไรได้บ้าง?
เกิดจากพฤติกรรมการกิน
พฤติกรรมที่ทำให้อาหารไม่ย่อย ได้แก่ กินอาหารปริมาณมากเกินไปในคราวเดียว กินอย่างเร่งรีบเกินไป เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด และกินอาหารไม่ตรงเวลา ทำให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน เช่น มีน้ำย่อยไม่เพียงพอ และทำให้มีอาการจุกเสียดท้องตามมาได้ ซึ่งอาการจะหายไปเมื่ออาหารเริ่มย่อยได้ปกติ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เกิดจากประเภทอาหารที่กิน
อาหารที่มีรสเผ็ดจัด อาหารหมักดอง อาหารไขมันสูง จำพวกของทอด และอาหารพวกเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก จนเกิดอาการปวดและจุกเสียดแน่นท้องได้ ร่วมถึงพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน ก็มีส่วนทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ระคายเคือง ทำให้เกิดอาการปวดแสบท้องได้เช่นกัน
เกิดจากความผิดปกติในทางเดินอาหาร
โรคในทางเดินอาหารที่ส่งผลให้การย่อยอาหารแปรปรวน ได้แก่
- มีแผลในกระเพาะอาหาร และเยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากแบคทีเรีย H.pylori หรือเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้
- มีแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น หรือลำไส้เล็กอักเสบ
- โรคกรดไหลย้อน
- ท้องผูก และมีอาหารสะสมอยู่ในทางเดินอาหารมาก
- มีความผิดปกติที่ตับ ตับอ่อน หรือถุงน้ำดี ซึ่งเป็นอวัยวะที่ผลิตเอนไซม์ย่อยอาหาร
- เป็นมะเร็งที่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร หรือลำไส้
- เป็นโรคแพ้กลูเทน ทำให้ไม่สามารถย่อยอาหารที่มีกลูเทนเป็นส่วนประกอบได้ รวมถึงไม่สามารถดูดซึมสารอาหารอื่นๆ ได้ด้วย
เกิดจากสาเหตุอื่นๆ
เช่น มีความเครียด วิตกกังวล หรืออยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้การหลั่งเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารแปรปรวนด้วย
รักษาอาการอาหารไม่ย่อยได้อย่างไรบ้าง?
- รักษาโดยการใช้ยา
ส่วนใหญ่อาการจุกเสียดแน่นท้อง จะรักษาโดยใช้ยาลดกรด อย่างเช่นยากลุ่ม PPIs และ H2RAs ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป มีทั้งรูปแบบยาน้ำ ยาเม็ด และยาเม็ดแบบเคี้ยว นอกจากนี้ หากพบว่าอาการเกิดจากแผลในกระเพาะเนื่องจากเชื้อ H.pylori ก็อาจต้องให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Amoxicillin ด้วย
นอกจากยาบรรเทาอาการแล้ว หากอาการนั้นเกิดจากโรคหรือความผิดปกติ ก็ต้องทำการรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุด้วย เช่น ให้ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็ง รวมถึงหากเกิดแผลและมีเลือดออกในเยื่อบุทางเดินอาหาร จนเกิดภาวะโลหิตจางและอ่อนเพลีย หรือขาดสารอาหาร ก็อาจให้ยาเสริมธาตุเหล็กและยาบำรุงอื่นๆ ร่วมด้วย
อาหารไม่ย่อยป้องกันได้อย่างไร?
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม โดยทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ทานทีละมากๆ ไม่ควรทานอาหารแบบบุฟเฟต์บ่อยๆ และไม่ควรรีบทานจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันสูง และอาหารอื่นๆ ที่ย่อยยาก
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ซึ่งก่อให้เกิดความระคายเคืองในทางเดินอาหาร
- พยายามผ่อนคลายความเครียด ลดการวิตกกังวล เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ปกติ