โรคแผลเปปติก (Peptic ulcer) หรือเรียกทั่วไปว่า "โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer: GU)" และแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum) หรือเรียกได้ย่อๆ ได้อีกชื่อว่า "โรคพียู (PU)
โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นโรคที่มีสาเหตุหลักๆ มาจากกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารหลั่งออกมาทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ถือเป็นโรคซึ่งพบได้มากในกลุ่มคนทั่วไปเช่นกัน
ตรวจมะเร็งทั่วไปวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 340 บาท ลดสูงสุด 64%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหาร
ปัจจุบันพบว่าโรคแผลเปปติก มีสาเหตุได้จากปัจจัยต่อไปนี้
- การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori: H. pylori)
- การให้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDs)
- การได้รับยากลุ่มสเตียรอยด์ โดยเฉพาะเมื่อได้รับร่วมกับแอสไพริน หรือ NSAIDs เป็นระยะเวลานาน
- ได้รับยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน (aspirin), clopidogrel, ticlopidine, warfarin
- ผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวร่วม เช่น โรคตับแข็ง (liver cirrhosis) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตวายเรื้อรัง (CRF) โรคเยื่อบุอักเสบ Behcet โรคโครห์น (Crohn's Disease)
- การได้รับยาเคมีบำบัดบางชนิด หรือใช้สารเสพติดประเภทโคเคน (cocaine)
- การตัดเลาะติ่งเนื้องอก หรือโรคมะเร็งกระเพาะอาหารระยะต้นออกโดยผ่านการส่องกล้อง (Post-endoscopic submucosal dissection induced ulcer; Post-ESD induced ulcer)
- การสูบบุหรี่
พยาธิสรีรวิทยาของการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร
การที่จะเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้นได้นั้น ต้องมีสาเหตุทำให้เกิดการเสียสมดุลระหว่าง 2 ปัจจัยสำคัญบริเวณเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร ดังนี้
1. มีปัจจัยเร่งการทำลายเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร เช่น
- ติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori
- ใช้ยาแอสไพริน และ NSAIDs
- ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง
- มีภาวะที่ทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดไฮโดรคลอริก (HCL)
- น้ำย่อยเพปซิน (pepsin) หรือสารอนุมูลอิสระมากเกินไป
2. เกิดความบกพร่องในปัจจัยที่ช่วยปกป้องและซ่อมแซมเยื่อบุผิวกระเพาะ เช่น
- กระเพาะอาหารขาดสาร endogenous prostaglandins (โดยเฉพาะ PGE2)
- มีภาวะที่ทำให้ผิวกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือก (gastric mucus) ลดลง
- ผิวกระเพาะอาหารขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เกิดความบกพร่องในการสร้างเยื่อบุผิว
อาการของโรคแผลในกระเพาะอาหาร
- อาการปวดท้องบริเวณยอดอก หรือใต้ลิ้นปี่ เหนือสะดือ โดยมักสัมพันธ์กับมื้ออาหารเมื่อผู้ป่วยท้องว่าง ทำให้เกิดอาการปวดแสบ ปวดตื้อๆ จุกเสียดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องคล้ายกับอยากถ่ายอุจจาระ เรอเปรี้ยว
- หากเป็นแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น มักปวดท้องหลังรับประทานอาหาร 1-3 ชั่วโมง หรือขณะท้องว่าง ปวดตอนสายๆ บ่ายๆ เย็นๆ ตอนดึกจนนอนไม่หลับ หากรับประทานอาหาร ดื่มนม รับประทานยาลดกรด หรืออาเจียน อาการปวดจะดีขึ้น
- หากเป็นแผลกระเพาะอาหารมักปวดหลังอาหารประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง น้ำหนักจะลดจากการเบื่ออาหารและกลัวปวดท้อง
- หากรับประทานอาหารที่ไขมันสูง ของมัน ของทอด มักมีอาการเรอ ท้องอืด แน่นท้อง
ภาวะแทรกซ้อน
โรคแผลในกระเพาะอาหารทำให้เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงมากขึ้นได้ เช่น
- เลือดออกในกระเพาะอาหาร (Upper GI Bleeding) มีอาการอาเจียนเป็นเลือดสด หน้ามืด วิงเวียน ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำแดงมีกลิ่นคาว
- กระเพาะอาหารทะลุ หรือฉีกขาด (Gastic perforation) มีอาการปวดท้องเฉียบพลันรุนแรง ท้องตึง แข็งเกร็ง ความดันโลหิตตก
- กระเพาะอาหารอุดตัน มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จมักอาเจียนบ่อยๆ น้ำหนักลดลง
- โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
การวินิจฉัยโรค
- ถ่ายภาพรังสีกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยกลืนแป้งแบเรียม
- ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้
- ตรวจหาการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร
- ตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์ (Biopsy)
การรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร
แพทย์จะรักษาตามสาเหตุ ดังนี้
- ให้ยาควบคุมการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร (antisecretory agents) ได้แก่ ยากลุ่ม proton pump inhibitors (PPIs) ยากลุ่ม H2-receptor antagonists (H2RA) หรือให้ยาปกป้อง และถนอมผิวกระเพาะอาหาร
- หากมีอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำ จะรักษาโดยการให้เลือด
- หากปวดท้องรุนแรงอาจต้องผ่าตัดด่วน
- หากพบเชื้ออาจต้องให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ให้ยาปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้
- ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ข้อควรปฏิบัติระหว่างการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร
- รับประทานยารักษาแผลให้ตรงเวลา ครบจำนวนมื้อและครบระยะเวลา 8-12 สัปดาห์
- เรียนรู้วิธีการปรับใช้ยาสำหรับบรรเทาอาการขณะที่มีอาการปวดท้อง
- ศึกษา และสังเกตอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างการใช้ยา และควรปรึกษาแพทย์เมื่อสงสัยว่ามีอาการข้างเคียงดังกล่าวเกิดขึ้น
- ระมัดระวังการใช้ยาอื่นๆ ร่วมกัน โดยเฉพาะยาแอสไพริน ยา NSAIDs ยาต้านเกล็ดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด ยาสเตียรอยด์ เป็นต้น
- รับประทานอาหารอ่อน แผลในกระเพาะอาหาร เป็นโรคที่ผู้ป่วยจะมีแผลเกิดขึ้นภายในกระเพาะอาหารซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อ การใช้ยาบางชนิด โรคประจำตัว การสูบบุหรี่ การบริโภคแอลกอฮอล์ แต่มักมีสาเหตุหลักมาจากกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
อาการในโรคแผลในกระเพาะอาหารหลักๆ คือ ปวดจุกเสียดท้อง รวมถึงแสบท้อง คลื่นไส้อาเจียน เรอเปรี้ยว
โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารทะลุ โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
มีข้อปฏิบัติหลายอย่างในระหว่างการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร เช่น หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รวมถึงน้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ลดความเครียด มาพบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งทั่วไป และย่อยง่ายในช่วงแรก เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุป ก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ใส่น้ำส้มสายชูและพริก หลีกเลี่ยงผักสดปริมาณสูง ควรรับประทานผักที่ผ่านความร้อนแล้วเพราะย่อยง่าย หลีกเลี่ยงผลไม้รสเปรี้ยวจัดและย่อยยาก และไม่ควรรับประทานผลไม้ตอนท้องว่าง - หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด อาหารหมักดอง หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม กาแฟเข้มข้น เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- ควรเลิกสูบบุหรี่ เพราะจะรบกวนการหายของแผล และลดประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อ H. pylori
- รับประทานอาหารให้ใกล้เคียงเวลาเดิม หากติดภารกิจควรรับประทานขนมหรือนมรองท้อง
- ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสเบิกบาน ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงแรก จากนั้นควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- มาตรวจตามนัดของแพทย์อย่างต่อเนื่อง และควรได้รับการตรวจส่องกล้อง EGD ซ้ำที่ 8-12 สัปดาห์ (โดยเฉพาะในผู้ที่มีแผลใหญ่หรือเป็นแผลที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น) เพื่อช่วยยืนยันการหายของแผลก่อนจะหยุดการใช้ยา และเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าแผลที่เคยเป็นนั้นไม่ใช่แผลมะเร็ง
- หากมีอาการที่ชวนสงสัยว่าเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคขึ้น ควรมาพบแพทย์ก่อนนัดเดิม
การป้องกันไม่ให้เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร
- รับประทานอาหารเป็นเวลา
- รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
- รับประทานอาหารทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง แต่ละมื้อไม่ควรรับประทานให้อิ่มมาก
- งดสูบบุหรี่
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- งดชา กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน ยา NSAIDs ยาสเตียรอยด์ หรือยารักษาโรคข้อกระดูกอักเสบทุกชนิด ถ้าจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์
- หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด อาหารที่มีกรดมาก เช่น อาหารหมักดอง
- ผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวล
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ระมัดระวังการใช้ยา
โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถรักษาให้หายขาดได้หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรรักษาแบบครึ่งๆ กลางๆ หรือหยุดการรักษาเมื่ออาการดีขึ้น เนื่องจากอาจกลายเป็นโรคเรื้อรังได้
นอกจากนี้ โรคแผลในกระเพาะอาหารที่รักษาช้าเกินไป ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ และมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสที่จะหายขาดก็ยิ่งมีมาก
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งทั่วไป จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
อาการเรอไม่หายสักทีตลอดเวลา6เดือนคะ