น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ผู้คนชื่นชอบในยามอากาศร้อน โดยดื่มพร้อมกับใส่น้ำแข็งเย็นๆ เพื่อดับกระหายคลายร้อน เพราะเหตุผลที่ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ไว มีรสชาติอร่อย ราคาถูก สามารถหาซื้อได้ง่าย อีกทั้งมีให้เลือกหลากหลายรสชาติหลายแบรนด์ ซึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะที่เป็นรูปแบบกระป๋อง ขวดแก้ว และขวดพลาสติก จึงทำให้น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่คนทั่วโลกนิยมกันอย่างสูงเลยทีเดียว
น้ำอัดลมประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร แต่ให้พลังงานและความอิ่มแก่ร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยน้ำอัดลมปริมาณ 1 ลิตร ให้พลังงาน 424 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลักๆ 3 อย่าง คือ
- น้ำ อาจมาจากน้ำประปาหรือน้ำบาดาลที่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้อโรคแล้ว
- น้ำตาล
- สารปรุงแต่ง กลิ่น และสี อีกทั้งยังมีกรดคาร์บอนิกที่อัดใส่เข้าไป เพื่อให้มีความซ่าเกิดเป็นฟอง สร้างความสดชื่นขณะดื่ม รวมถึงกรดฟอสฟอริก คาเฟอีน และสารกันบูดอีกด้วย
ประเภทของน้ำอัดลม
น้ำอัดลมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ด้วยการแบ่งตามกลิ่น สี และรสชาติดังนี้
- น้ำดำหรือน้ำอัดลมรสโคล่า เป็นประเภทปรุงแต่งด้วยน้ำสกัดที่มาจากผลของโคล่า สีดำมาจากน้ำตาลที่เคี่ยวจนไหม้หรือใช้สีผสมอาหาร เป็นเครื่องดื่มประเภทที่มีคาเฟอีน
- น้ำสี เป็นประเภทปรุงแต่งด้วยน้ำที่ใส่สีเลียนแบบน้ำผลไม้ เช่น รสส้ม องุ่น มะนาว หรือน้ำหวานอย่างเช่นน้ำเขียวและน้ำแดง ส่วนใหญ่จะไม่ใส่คาเฟอีน แต่มีบางยี่ห้อที่พบว่าใส่เพียงเล็กน้อย
ส่วนผสมที่ให้โทษของน้ำอัดลม
- น้ำตาล
- กรดคาร์บอนิก
- คาเฟอีน
- กรดฟอสฟอริก
- สารกันบูดหรือวัตถุกันเสีย
- สารสังเคราะห์แต่งสี กลิ่น และรสชาติ
เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานมากเพราะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบสูง น้ำตาลที่ใช้ในน้ำอัดลมคือน้ำตาลซูโครส โดยในน้ำอัดลม 100 มิลลิลิตร มีน้ำตาลประมาณ 10.6 กรัม พบว่าเมื่อดื่มน้ำอัดลมแล้วจะสัมพันธ์กับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่มีผลดีต่อสุขภาพ ถึงแม้ว่าจะเลี่ยงไปดื่มชนิดที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ที่ดื่มน้ำตาลเทียมมักจะหันไปบริโภคอาหารที่มีพลังงานสูงเกินความต้องการ เพราะคิดว่าเมื่อดื่มเครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานแทนแล้ว จะสามารถรับประทานอาหารพลังงานสูงได้โดยไม่อ้วนนั่นเอง จึงเป็นเหตุผลที่ยิ่งดื่มน้ำอัดลมก็จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้น้ำอัดลมมีฟองซ่า โดยกรดคาร์บอนิกจะสลายตัวได้ง่าย จึงจำเป็นต้องเก็บภายใต้แรงดัน แต่เมื่อเปิดขวดออกในภาวะความดันปกติ กรดคาร์บอนิกจะสลายตัวเกิดปฏิกิริยากลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ที่ให้ความซ่าและมีฟอง ซึ่งถ้าเรารับประทานบ่อยๆ จะส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ฟันผุ และโรคกระดูกพรุน
เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นให้สมองตื่นตัว แต่เมื่อดื่มนานๆ จะทำให้เกิดการเสพติดคาเฟอีนได้ หากหยุดดื่มอาจทำให้มีอาการวิตกกังวล กล้ามเนื้อกระตุก นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ และใจสั่น สำหรับเด็กที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ จะทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืนและง่วงนอนตอนกลางวันได้
เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ เพราะกรดชนิดนี้จะไปขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม
มักนิยมใช้กรดซิตริกเพื่อช่วยทำให้น้ำอัดลมสามารถมีอายุเก็บได้นาน เพราะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและยีสต์ แต่มักทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารควรงดดื่มน้ำอัดลม เนื่องจากอาจทำให้มีอาการปวดท้องมากขึ้น เพราะเป็นกรดที่มีฤทธิ์ค่อนข้างแรงนั่นเอง
หากดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ อาจก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมจะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลยก็ตาม แต่ก็พบว่าผู้ที่ดื่มเป็นประจำจะมีแนวโน้มติดเครื่องดื่มประเภทนี้ได้เพราะมีคาเฟอีนนั่นเอง นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกายแล้ว ยังมีกรดต่างๆ ในปริมาณที่มากพอๆ กับน้ำส้มสายชูอีกด้วย ซึ่งหากดื่มอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้เกิดโทษต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น