ตับแข็งคืออะไร อยู่ได้นานแค่ไหน มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

สาเหตุของการเกิดตับแข็งและวิธีดูแลตัวเองให้แข็งแรงที่สุดเมื่อเป็นตับแข็ง
เผยแพร่ครั้งแรก 6 มี.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ตับแข็งคืออะไร อยู่ได้นานแค่ไหน มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

ตับ เป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยทำลายสารพิษในร่างกาย เป็นส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่ในการฟอกเลือดให้สะอาด ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร สร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว และยังทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสามารถต่อต้านเชื้อโรคได้ ตับมีความสำคัญมากเพราะมีหน้าที่หลากหลาย หากเกิดโรคที่เกี่ยวกับตับจึงมักทำให้ร่ายกายเสียสมดุลได้

ตับแข็งคืออะไร

ตับแข็ง เกิดขึ้นจากการที่มีพังผืดเกิดขึ้นที่ตับ ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานได้ปกติ ซึ่งการเกิดพังผืดที่ตับนั้นเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่นการอักเสบเรื้อรัง เนื่องจากว่า เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นที่ตับ จะทำให้เซลล์ถูกทำลายและตายไป และถูกแทนที่ด้วยพังผืดนั่นเอง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจตับวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 65%

ตรวจตับ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่

ทำไมร่างกายถึงเกิดการอักเสบ 

การอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายปัจจัย เช่นการที่เราป่วยติดเชื่อ ร่างกายได้รัสารพิษบางประเภทที่มากเกินไป สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดดารอักเสบเรื้อรัง ที่มักพบเจอได้บ่อย ๆ มีดังนี้

  1. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สะสมเป็นเวลานาน อย่างที่หลายคนรู้ดีว่าโทษของการดื่มสุรานั้นมีมากมายแค่ไหน  การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หากดื่มแอลกอฮอล์สะสมเป็นเวลานาน จะส่งผลโดยตรงต่อ "ตับ" เมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์ มันจะถูกส่งไปทำลายที่ตับ แต่ถ้าหากดื่มมากเกินไปหรือสะสมนานเกินไป ก็จะไม่สามารถทนต่อแอลกออล์ได้ ตับจะเริ่มเกิดอาการบวม มีไขมันไปแทรกตามเซลล์ในตับ เป็นต้นเหตุขงการอักเสบ ยิ่งดื่มต่อเนื่องยิ่งส่งผลให้อักเสบเรื้อรัง

  2. เกิดโรคไวรัสตับอักเสบประเภทเรื้อรัง หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “ไวรัสตับอักเสบ” มาบ้างแล้ว ไวรัสตับอักเสบนี้มีหลายชนิด ตั้งแต่ A B C D โดยเฉพาะไวรัสชนิด B และ C ที่สามารถพบได้บ่อยและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับ ทำให้เซลล์ตับถูกทำลาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ซึ่งเป็นที่มาของตับแข็ง และมะเร็งตับได้

  3. มีปริมาณที่สะสมในตับมากเกินไป ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นโรคอ้วน คนที่ชอบทานของหวานของมัน หละโรคประจำตัวบางชนิด เนื่องจากไขมันส่วนเกินมักไปเกาะตามส่วนต่าง ๆ ของร่างาย รวมทั้งตับด้วย ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ปัจจุบันนี้พบว่าการสะสมของไขมันที่ตับจนเกิดเป็นตับอักเสบนี้ เป็นสาเหตุที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ

อาการของตับแข็ง

สิ่งที่น่ากลัวของการเกิดตับแข็งคือ เซลล์ภายในตับจะถูกทำลายไปทีละน้อย ๆ โดยที่ไม่สามารถกลับมาหายได้เป็นปกติอีก คือเสียแล้วจะเสียไปเลยเนื่องจากเซลล์ได้ตายไปแล้ว เมื่อสาเหตุเหล่านี้ก่อให้เกิดความผิดปกติในตับ ก็ส่งผลให้ตับทำงานได้ลดลง ผู้ที่มีภาวะตับแข็งจึงอาจมีอาการแสดงต่างๆ ดังนี้

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ น้ำหนักลดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก
  • มีอาการทางสมอง สับสน มึนงง รู้สึกความจำไม่ดี พูดอะไรก็จำไม่ค่อยได้
  • มีอาการตาเหลืองตัวเหลืองเนื่องจากงเกิดจากการสะสมเม็ดสีของน้ำดี
  • ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้ความดันในเส้นเลือดสูงขึ้น
  • ส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกง่าย
  • ม้ามโต ขาบวม มีน้ำในช่องท้อง
  • มีการเปลี่ยนแปลงตามผิวหนังคือมีจุดเล็ก ๆ แดง ๆ เกิดขึ้น
  • มีเส้นเลือดผิดปกติเกิดขึ้นในช่องทางเดินอาหาร ซึ่งถ้าเส้นเลือดเหล่านี้แตกก็อาจทำให้ถ่ายอุจจาระปนเลือดได้
  • ร่างกายสร้างโปรตีนได้มีดี จึงเกิดการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย
  • มีความไวต่อยาและผลข้างเคียง เนื่องจากตับจะไม่สามารถกรองยาออกจากเลือดได้ในอัตราปกติ

อันตรายเมื่อเกิดตับแข็ง

ตับเป็นอวัยวะชิ้นเดียวที่ไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ ฉะนั้นเมื่อตับถูกทำลายจึงเกิดโรคแทรกซ้อนและส่งผลเสียต่อส่วนอื่น ๆ ในร่างกายมากมาย เช่น “ตับวาย” ซึ่งเป็นภาวะที่ตับสูญเสียการทำงาน ไม่สามารถสร้างสารที่ควรจะสร้างโดยปกติ สามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะตามความรุนแรง ได้แก่ตับวายเรื้อรัง และตับวายฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดโดยผู้ป่วยไม่เคยมีโรคตับมาก่อน

หากเป็นตับแข็งแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน

เมื่อผู้ป่วยพบว่าตนเองเป็นโรคตับแข็ง อย่างที่ทราบกันแล้วว่าตับแข็งจะเป็นภาวะที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อย ซึ่งถ้าหากพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้โดยเร็ว การรักษาก็จะแตกต่างกันออกไป

แต่ถ้าหากพบว่าเป็นระยะสุดท้ายที่มีอาการหนักและไม่สามารถรักษาได้แล้ว ทางเลือกสุดท้ายที่จะสามารถทำได้คือการใช้ตับของผู้อื่นเปลี่ยนให้ (ผู้ที่เสียชีวิตและได้มีการบริจาคร่างกายเอาไว้) แต่ก็มีความยากมากทีเดียวเนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของการปลูกถ่ายตับนั้น จะให้การรักษาผู้ป่วยได้เฉพาะบางกรณีเท่านั้น เป็นการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ผู้ป่วยควรอายุต่ำกว่า 50 ปี และไม่มีโรคประจำตัวอื่นร่วมด้วย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และต้องสามารถปฏิบัติตนตามแพทย์สั่งได้ต่อเนื่องตลอดชีวิต

ท้ายที่สุดหากพบว่าเป็นตับแข็งระยะสุดท้าย จะขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละคนว่าการทำงานของตับว่าเสียไปมากน้อยแค่ไหน สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่มีร่วมด้วย การรักษาตับแข็งระยะสุดท้าย คือการรักษาประคับประคองตามอาการ

ตับแข็ง เป็นโรคที่พบได้มากในคนไทย สมัยก่อนผู้คนจะตระหนักดีว่าเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป แต่ปัจจุบันนี้พบว่าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันสะสมในร่างกายจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้มากขึ้นทุกวัน ฉะนั้นทุกคนควรตระหนักถึงการดูแลสุขภาพให้มากขึ้น ใส่ใจในการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวงสุขภาพประจำปีอยู่เสมอ


22 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Cirrhosis. NHS (National Health Service). (https://www.nhs.uk/conditions/cirrhosis/)
Cirrhosis of the liver: Causes, symptoms, and treatments. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/172295)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป