มะม่วง ผลไม้ยอดฮิตของคนไทย เป็นไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย มีทั้งรสชาติเปรี้ยว รสหวานอมเปรี้ยว และรสมัน นับเป็นเป็นผลไม้เศรษฐกิจของประเทศไทย มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ล้วนได้รับความนิยมทั้งสิ้น
สำหรับใครที่ชื่นชอบการรับประทานมะม่วง เคยสงสัยหรือไม่ว่า นอกจากระสชาติอร่อยแล้ว มะม่วงมีสารอาหารอะไรบ้าง และมีประโยชน์มากน้อยอย่างไรต่อร่างกาย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
รู้จักมะม่วงให้มากยิ่งขึ้น
มะม่วง (Mango) เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยผลมีรูปทรงรี เปลือกสีเขียว เนื้อผลตอนดิบจะกรอบ และเมื่อสุกจะนิ่มและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งเปลือกและเนื้อ โดยจะมีรสชาติที่หวานขึ้น
คุณค่าทางอาหาร
มะม่วงเป็นผลไม้ที่ให้สารอาหารครบถ้วนมากพอสมควร โดยในมะม่วงดิบ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี โดยประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญดังนี้
- คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม
- น้ำตาล 13.7 กรัม
- ใยอาหาร 1.6 กรัม
- ไขมัน 0.38 กรัม
- โปรตีน 0.82 กรัม
- วิตามินเอ 54 ไมโครกรัม
- เบต้าแคโรทีน 640 ไมโครกรัม
นอกจากนี้มะม่วงยังประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 9 วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสังกะสี
ประโยชน์ของมะม่วง
นอกจากจะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยจนได้รับความนิยมไปทั่วโลกแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ได้แก่
1. ทำให้สดชื่น
ด้วยรสชาติเปรี้ยวของมะม่วง เมื่อรับประทานจะทำให้รู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น โดยมะม่วงจะช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ และช่วยแก้อาการร้อนใน เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2. ช่วยดูแลผิวพรรณ
มะม่วงมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอและวิตามินซี ที่ทำให้ผิวพรรณไม่หมองคล้ำ ช่วยบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส และดูเปล่งปลั่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
3. ช่วยบำรุงให้กระดูกและฟันแข็งแรง
มะม่วงไม่ได้มีดีแค่รสชาติเท่านั้น แต่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ส่วนช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงขึ้น ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
4. ช่วยบำรุงสายตา
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เช่น มองไม่ชัด ปวดตา หรือตาสู้แสงไม่ได้ มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินเอและเบตาแคโรทีน ที่สามารถบำรุงและรักษาสายตาให้สามารถมองเห็นได้ปกติยิ่งขึ้น
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
5. ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย
มะม่วงมีเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติช่วยในการย่อยสลายโปรตีนทำให้ดูดซึมดีขึ้น และอุดมไปด้วยกากใยอาหารเป็นจำนวนมาก จึงมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ทำงานดี พร้อมกับทำให้การขับถ่ายทำงานได้อย่างปกติ
6. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
งานวิจัยพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในมะม่วง สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยสารเหล่านั้นได้แก่ เควอซิทิน ไอโซเควอซิติน แอสตรากาลิน ไฟเซติน กรดแกลลิกและเมทิลแกทเลท
7. ช่วยทำให้หลับสบาย
มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ โดยจะทำให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น
8. ควบคุมความดันโลหิต
ในมะม่วงมีโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ที่มีส่วนสำคัญต่อระบบไหลเวียนโลหิต โดยจะช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตให้สมดุล นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
9. ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
มะม่วงมีวิตามินเอ วิตามินอีและซีลีเนียมที่มีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ ยังมีวิตามินบี 6 ที่จะช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ โดยช่วยลดระดับของโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างความเสียหายให้แก่ผนังหลอดเลือด อันเป็นที่มาของโรคหัวใจนั่นเอง
10. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
ในมะม่วงอุดมไปด้วยเพคตินและวิตามินซีที่จะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
11. บำรุงสมอง
วิตามินบี 6 มีส่วนป้องกันและเสริมสร้างการทำงานของสมองได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยกำหนดอารมณ์และรูปแบบของการนอนหลับ
นอกจากนั้นยังมีกลูตามีน (Glutamine) ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนช่วยให้สมองเกิดการจดจำที่ดีขึ้น ที่สำคัญยังทำให้เซลล์สมองเกิดความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
12. ป้องกันโรคโลหิตจางในคุณแม่ตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะมีอาการแพ้ท้อง ซึ่งบรรเทาได้โดยการรับประทานมะม่วงเปรี้ยว นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็กซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อคนท้อง จึงสามารถแก้ภาวะโลหิตจางในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้
13. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินซี และวิตามินเอ รวมถึงยังมีสารแคโรทีนอยด์อีก 25 ชนิด จึงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถต่อกรกับสารพิษและแบคทีเรียชนิดต่างๆ ได้ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น โอกาสในการเจ็บป่วยก็มีน้อยลง
แนวทางการใช้เพื่อสุขภาพ
นอกจากผลของมะม่วงที่นำมารับประทานหรือทำเป็นเมนูต่างๆ ได้แล้ว ส่วนอื่นๆ ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วย ดังนี้
- ใบ ช่วยบรรเทาโรคเบาหวานให้ทุเลาลงได้ เพียงนำใบมะม่วงมาล้างให้สะอาดและนำมาต้มในน้ำ 1 ถ้วย ทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำมากรองเอาแต่น้ำ ดื่มเป็นประจำ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้อาการของโรคเบาหวานบรรเทาลงแล้ว น้ำจากใบยังช่วยแก้อาการท้องอืดและแก้อาการลำไส้อักเสบเรื้อรังได้อีกด้วย
- เปลือกต้น สามารถนำมาต้มรับประทานเพื่อแก้โรคคอตีบ ช่วยรักษาอาการเยื่อปากอักเสบ และจมูกอักเสบ วิธีใช้คือ ให้นำมาคั่วรับประทานร่วมกับน้ำตาล นอกจากนี้ ยังช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน ลดอาการปวดเมื่อยและแก้ไข้ตัวร้อนได้ด้วย
- เม็ด นำมาตากแห้งและต้มเพื่อดื่มช่วยขับพยาธิได้
- เนื้อ นำมาบำรุงผิวหน้าได้ด้วยการบดละเอียดและนำมาพอกผิว เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียน และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาบำรุงผมได้อีกด้วย โดยมีสูตรการทำดังนี้
- สูตรพอกหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส วิธีทำ นำเนื้อมะม่วงสุกมาบดให้ละเอียด จากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที ล้างออกให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยปรับสภาพผิวให้ค่อยๆ กระจ่างใส ช่วยลดจุดด่างดำและชะลอริ้วรอยได้
- สูตรลดสิว วิธีทำ ฝานมะม่วงเป็นแผ่นบางๆ จากนั้นนำมาวางบนใบหน้าปล่อยไว้ 30 นาทีแล้วล้างออก วิตามินเอจากมะม่วงจะช่วยลดการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี
- สูตรหมักผม เพื่อผมนุ่มสลวยเงางาม วิธีทำ นำเนื้อมะม่วงมาบดผสมโยเกิร์ตรสธรรมชาติ และไข่แดง 2 ฟอง โดยบดจนได้เนื้อเนียนละเอียดแล้วนำมาหมักผมทิ้งไว้ 30 นาที เสร็จแล้วล้างออกให้สะอาด ทำเป็นประจำ ผมจะนุ่มสลวย มีน้ำหนักเงางาม
แนวทางการรับประทานมะม่วงเพื่อสุขภาพ
เนื่องจากมะม่วงเป็นผลไม้ที่หาได้ง่ายและมีประโยชน์ที่หลากหลาย สำหรับบ้านไหนที่ซื้อติดบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว สามารถนำมาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ ดังนี้
1. ยำมะม่วงปลาแซลมอน
- วัตถุดิบ ปลาแซลมอนสดสไลด์บางๆ มะม่วงดิบหรือมะม่วงมันซอยเป็นเส้นและแช่น้ำเย็นไว้ให้กรอบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด หอมแดง ต้นหอม น้ำปลา น้ำมะนาวและพริกป่น
- วิธีทำ นำน้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น และหอมแดงมาคลุกเคล้าจนได้รสชาติที่ชอบ โรยมะม่วงที่เตรียมไว้และตักใส่จานปลาแซลมอน โรยต้นหอมและเม็ดมะม่วงหิมพานต์อีกครั้งเป็นอันเสร็จ เมนูนี้ นอกจากจะได้ประโยชน์จากมะม่วงแล้ว แซลมอนถือเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
2. เนื้อต้มจิ๋วมะม่วงดิบ
- วัตถุดิบ เนื้อน่องลายตุ๋นจนเปื่อย น้ำซุปเนื้อ มะม่วงดิบ มันเทศ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา หอมแดงซอย ใบกะเพรา ใบโหระพา และพริกขี้หนูบุบพอแตก
- วิธีทำ เพียงนำมะม่วงมาต้มกับน้ำซุปและปรุงรสให้ได้รสชาติที่ต้องการ เป็นเมนูที่ช่วยเพิ่มโปรตีน มีสมุนไพรที่ช่วยขับลม และยังเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยอีกด้วย
3. น้ำมะม่วงสมูทตี้โยเกิร์ต
- วัตถุดิบ เนื้อมะม่วงสุก (หั่นเป็นชิ้น) 100 กรัม น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง (หรือปริมาณตามชอบ) 2 ช้อนโต๊ะ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 50 กรัม น้ำแข็งบดปริมาณตามขนาดแก้ว และมะม่วงสุก หรือใบสะระแหน่
- วิธีทำ ให้นำส่วนผสมทั้งมาผสมลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ จากนั้นปั่นส่วนผสมให้ละเอียดเข้ากัน เทใส่แก้วและตกแต่งด้วยเนื้อมะม่วงหรือใบสาระแหน่ ประโยชน์จากเครื่องดื่มชนิดนี้จะช่วยเสริมสร้างวิตามินซีให้แก่ร่างกายและยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นอีกด้วย
4. น้ำพริกมะม่วง
- วัตถุดิบ กะปิ กุ้งแห้ง กระเทียม พริกขี้หนูสวน น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มะม่วงเปรี้ยวสับเป็นเส้น และน้ำมะนาว
- วิธีทำ นำส่วนประกอบทั้งหมดมาตำและคลุกเคล้าให้เข้ากัน เพียงเท่านี้คุณก็จะได้น้ำพริกมะม่วงที่สามารถนำไปรับประทานคู่กับข้าว ผักทอด ผักสด หรือไข่เจียวก็อร่อยได้ไม่แพ้กับน้ำพริกอื่นๆ เลย และจะได้ประโยชน์จากมะม่วงอย่างเต็มที่
5. สลัดมะม่วงสายบัว
- วัตถุดิบ มะม่วงสุกหั่นเต๋า สายบัวหั่นเฉียง (ลวกสุก) เปลือกมะนาวสับ มะเขือเทศสีดา น้ำส้มสายชูจากน้ำผึ้ง น้ำมะนาว น้ำมันมะกอก หรืออาจจะเพิ่มพริกแดงสับ หอมแดงสับ ผักชีลาว และสะระแหน่ตามชอบ
- วิธีทำ นำส่วนผสมมาคลุกเคล้ากัน โดยเริ่มจากทำน้ำยำก่อน จึงตามด้วยสายบัวและมะม่วง หรือผักอื่นๆ คลุกเคล้า ชิมรสตามชอบ
ข้อควรระวังการใช้หรือบริโภค
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากอาการไข้ ไม่ควรเลือกรับประทานมะม่วงสุก เพราะอาจจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหรืออาจทำให้อาการไข้กำเริบขึ้น
- หากเป็นโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมะม่วง เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมสูงเกินกว่าปกติได้
- ก่อนรับประทานทุกครั้ง ควรล้างให้สะอาดทั้งก่อนและหลังปอกเปลือก เพราะยางของมะม่วงอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อปาก ตา และผิวหนังได้
มะม่วง นอกจากมีรสชาติอร่อยถูกปากแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย แต่สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ที่สำคัญถ้ามีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android