โรคเลือดออกตามไรฟัน หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “โรคลักปิดลักเปิด” เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรงจนถึงอันตรายแก่ชีวิต แต่เมื่อเป็นแล้วก็มักจะสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ป่วย หรือเกิดความรำคาญใจ
อีกทั้งยังอาจทำให้เสียบุคลิกภาพได้เพราะคนภายนอกจะเห็นร่องรอยสีแดงเวลายิ้ม ซ้ำร้ายยังอาจถูกมองว่าไม่รู้จักรักษาสุขภาพฟันให้ดี ปล่อยให้มีปัญหา จนกระทั่งปรากฏอาการออกมาให้เห็นได้ชัด
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุของโรคเลือดออกตามไรฟัน
ปัญหาเลือดออกตามไรฟันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- การแปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟันอย่างรุนแรง จนทำให้เหงือกเป็นแผลและมีเลือดออก
- ปัญหาภายในช่องปาก เช่น คราบพลัค เหงือกบวมอักเสบ
- อาการติดเชื้อที่เหงือกและฟัน ทำให้มีเลือดออกตามไรฟันได้ง่าย
- ภาวะร่างกายขาดวิตามินซีและวิตามินเค
- การใส่ฟันปลอม หรือการจัดฟันที่ไม่พอดีกับฟัน
- เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์
- การใช้ยาบางชนิด เช่น กลุ่มยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
- สัญญาณเตือนของโรคภัย เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (โรคไหลไม่หยุด) โรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) โรคไข้เลือดออก หรือโรคอื่นๆ ที่เป็นแล้วมีผลให้เกล็ดเลือดต่ำ เช่นไขกระดูกฝ่อ เป็นต้น
- หากสาเหตุที่ทำให้เลือดออกตามไรฟันไม่ได้เกิดจากพวกวัสดุใส่ฟันและหาสาเหตุไม่ได้ รวมถึงมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆควรไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
การวินิจฉัยโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ซักประวัติ สอบถามพฤติกรรมการดูแลช่องปาก การเลือกใช้แปรงสีฟันกับยาสีฟัน พฤติกรรมการรับประทานอาหาร เนื่องจากบางครั้งอาจเกิดจากการขาดวิตามินซี หรืออยู่ระหว่างตั้งครรภ์
- ตรวจฟัน เหงือก และช่องปากเพื่อหาข้อสันนิษฐานของโรคว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เช่น กรณีที่เกิดจากบริเวณคอฟันมีหินปูนและคราบพลัคเกาะอย่างหนาแน่น สามารถรักษาได้ด้วยการขูดหินปูน กรณีเกิดจากปรับเปลี่ยนฟันปลอม หรือจัดฟัน หากตรวจว่า โรคเกิดจากสาเหตุนี้ ทันตแพทย์อาจให้มีการจัดฟันใหม่ หรือเปลี่ยนฟันปลอมชุดใหม่อีกครั้ง
- เอกซเรย์ช่องปากเพื่อดูฟันและเหงือก
- ตรวจเลือดดูความสมบูรณ์และปริมาณของเม็ดเลือดขาวเพื่อหาค่าการอักเสบ ตรวจดูเกล็ดเลือด
วิธีรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
- แนะนำวิธีดูแลรักษาความสะอาดที่ถูกวิธี รวมถึงแก้ไขตามอาการของผู้ป่วยแต่ละคน
- ติดตามอาการหลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดสาเหตุแล้ว
- กรณีที่ผู้ป่วยยังไม่หายจากโรค ต้องมีการตรวจอาการอย่างละเอียดอีกครั้งเพราะอาจมีโรคที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น โรคที่เกี่ยวกับความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด โรคมะเร็งในช่องปาก และโรคมะเร็งเหงือก เป็นต้น
วิธีป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และต้องเลือกแปรงสีฟันที่ขนแปรงไม่แข็ง หรือนุ่มเกินไป
- เลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
- ใช้ไหมขัดฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคราบพลัค และควรใช้ไหมขัดฟันให้ถูกวิธีด้วย
- พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันประจำปี ปีละ 2 ครั้ง หรือทุก 6 เดือน เพื่อขูดหินปูน ซึ่งเป็นวิธีป้องกันการสะสมพลัคที่อาจทำให้เหงือกอักเสบได้
- รับประทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินเคให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย วิตามินซีพบมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว แต่ก็มีผักผลไม้บางประเภทที่มีวิตามินซีสูงเช่นกัน เช่น ฝรั่ง มะเขือเทศ ผักบล็อกโคลี่ เป็นต้น ส่วนวิตามินเคจะพบมากในผักใบเขียว ข้าวโพด เนื้อสัตว์ นม เนย น้ำมันมะะกอก น้ำมันถั่วเหลือง
- ไม่รับประทานคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสะสมของคราบพลัคได้
- กรณีที่จัดฟันจะต้องใส่ใจการดูแลรักษาความสะอาดให้ดี หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันที
- ใช้ฟันปลอมที่พอดีกับขนาดของปาก เพราะฟันปลอมที่มีขนาดไม่พอดีจะมีผลเสียในระยะยาว นอกจากทำให้มีเลือดออกตามไรฟันแล้ว อาจทำให้มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหารตามมาด้วย
- ควรงดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยเฉพาะในช่วงระยะที่มีอาการเลือดออกตามไรฟัน แม้แต่การบ้วนปากด้วยน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ก็ทำให้อาการหายช้าลงได้
ปัญหาเลือดออกตามไรฟันอาจจะดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ไม่ใหญ่โต แต่เพื่อความมั่นใจในสุขภาพช่องปาก จึงควรรักษาให้หายดี หมั่นดูแลสุขอนามัยภายในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเก็เพียงพอแล้ว
ดูแพ็กเกจขูดหินปูน เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android