สรรพคุณของยา Hydroxychloroquine
ยา Hydroxychloroquine เป็นยาสำหรับป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อมาลาเรีย (Malaria infections) ซึ่งเกิดจากยุงกัด ยานี้ไม่ออกฤทธิ์ต่อเชื้อมาลาเรียชนิดที่ดื้อต่อยา Chloroquine ซึ่งข้อมูลในปัจจุบันมีคำแนะนำในการป้องกันและรักษาโรคมาลาเรียที่แตกต่างกันตามพื้นที่ในส่วนต่างๆ ของโรค ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทางไปยังพื้นที่มีเชื้อมาลาเรียระบาด เพื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด
ยา Hydroxychloroquine ยังใช้สำหรับรักษาโรคอื่นได้ด้วย โดยมักใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อรักษาโรคเกี่ยวระบบภูมิคุ้มกันของตนเอง (Auto-immune disease) คือ โรคลูปัส (Lupus) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) โดยจะใช้ยา Hydroxychloroquine ต่อเมื่อใช้ยาอื่นไม่ได้ผลแล้ว หรือไม่สามารถใช้ยาอื่นได้ โดยยา Hydroxychloroquine จัดเป็นยาในกลุ่มยาปรับเปลี่ยนการดำเนินโรครูมาตอยด์ (Disease-modifying antirheumatic drugs (DMARDs)) ซึ่งยาจะช่วยลดอาการทางผิวหนังในโรคลูปัส และป้องกันอาการบวม ปวดในโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ แม้ว่าจะยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอนก็ตาม
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วิธีใช้ยา Hydroxychloroquine
ยา Hydroxychloroquine มักรับประทานพร้อมอาหารหรือนมเพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ที่อาจเกิดขึ้นได้ ขนาดยาและระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ ในผู้ป่วยเด็ก ขนาดยาจะคำนวณตามน้ำหนักตัว
สำหรับการป้องกันการติดเชื้อมาลาเรีย ให้รับประทานยานี้สัปดาห์ละ 1 ครั้งในวันเดียวกันของทุกสัปดาห์ หรือรับประทานตามที่แพทย์สั่ง โดยให้ทำเครื่องหมายบนปฏิทินเพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา โดยทั่วไปจะเริ่มรับประทานยานี้ 2 สัปดาห์ก่อนเข้าสู่พื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อมาลาเรีย และให้รับประทานสัปดาห์ละ 1 ครั้งเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาด และรับประทานอย่างต่อเนื่องไปอีก 4-8 สัปดาห์หลังออกจากพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อแล้ว หรือให้รับประทานตามที่แพทย์สั่ง
สำหรับการรักษาการติดเชื้อมาลาเรีย ให้รับประทานยานี้ตามที่แพทย์สั่ง
สำหรับโรคลูปัส หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยทั่วไปจะรับประทานยานี้วันละ 1 หรือ 2 ครั้ง หรือรับประทานตามแพทย์สั่ง แพทย์อาจค่อยๆ ปรับขนาดยาขึ้นช้าๆ เมื่อคุณรับประทานยาไปสักระยะหนึ่งและอาการดีขึ้นแล้ว แพทย์อาจให้คุณปรับลดขนาดยาลงจนกว่าจะพบขนาดยาที่ให้ประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุดโดยที่มีอาการข้างเคียงจากยาน้อยที่สุด
ถ้าคุณกำลังรับประทานยาสำหรับแก้ท้องเสีย (Kaolin) หรือรับประทานยาลดกรด เช่น Magnesium hydroxide/Aluminium hydroxide ให้รับประทานยา Hydroxychloroquine อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อน หรือ 4 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาเหล่านี้ หากรับประทานร่วมกันจะทำให้ยาทั้ง 2 ชนิดจับตัวกันและไม่ดูดซึมได้
ให้รับประทานยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาเต็มที่ ถ้าคุณรับประทานยานี้ทุกวัน ให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน โดยให้รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะถ้าใช้สำหรับรักษาโรคมาลาเรีย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจนครบระยะเวลาที่แพทย์สั่ง การหยุดใช้ยาเพื่อป้องกันหรือรักษาเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือทำให้การติดเชื้อกลับมาเป็นซ้ำได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ให้แจ้งแพทย์หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง การใช้ยานี้สำหรับรักษาโรคลูปัสหรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาจต้องใช้ยานานหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือนจึงจะสังเกตเห็นว่าอาการดีขึ้น
ยา Hydroxychloroquine อาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อมาลาเรียได้ทุกคน ถ้ามีอาการไข้ หรือมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น และให้ระวังตัวไม่ให้ยุงกัดด้วย
ผลข้างเคียงของยา Hydroxychloroquine
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา Hydroxychloroquine ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดเกร็งท้อง เบื่ออาหาร ท้องเสีย เวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะ ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่
- ปวดแขน ปวดขา ปวดหลัง
- หัวใจเต้นช้า/หัวใจเต้นเร็ว/หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- มีอาการของหัวใจล้มเหลว เช่น หายใจถี่ หายใจหอบเหนื่อย บวมที่ข้อเท้า บวมที่เท้า อ่อนเพลียผิดปกติ น้ำหนักตัวเพิ่มผิดปกติ หรือเพิ่มอย่างเฉียบพลัน
- ผมร่วง สีผมเปลี่ยน
- มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สภาพจิตใจ เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า มีความคิดฆ่าตัวตาย ประสาทหลอน
- ได้ยินเสียงในหู หรือสูญเสียการได้ยิน
- อาการของโรคผิวหนังแย่ลง เช่น โรคสะเก็ดเงิน
- ปวดท้องอย่างรุนแรง
- คลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง
- เลือดออกง่าย มีรอยช้ำง่าย
- มีอาการของการติดเชื้อ เช่น มีไข้ เจ็บคอเรื้อรัง
- ปัสสาวะมีสีเข้ม
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
ยา Hydroxychloroquine อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำได้ (พบได้น้อย) ให้แจ้งแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการของน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เหงื่อออก ตัวสั่น หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกหิว ตาพร่ามัว เวียนศีรษะ ชาที่มือ/เท้า ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน ให้ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองเป็นประจำ ซึ่งแพทย์อาจจำเป็นต้องปรับยารักษาโรคเบาหวานให้กับคุณ
ยา Hydroxychloroquine อาจทำให้เกิดอาการที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง ซึ่งอาจเป็นถาวรได้ คือ ปัญหาทางตา หรือความเสียหายที่เกิดกับกล้ามเนื้อ เส้นประสาท โดยเฉพาะถ้าใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยให้ไปพบแพทย์ทันทีถ้ามีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมากดังนี้
- มีอาการไวต่อแสง
- การมองเห็นผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัว มองเห็นแสงแฟลช มองเห็นแสงเป็นเส้นๆ หรือมองเห็นเป็นวงๆ เป็นต้น
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ชา เสียวซ่า ปวด ที่แขน หรือขา
ให้ไปพบแพทย์ทันที ถ้ามีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมาก ได้แก่
- เจ็บหน้าอก
- หน้ามืด เป็นลม
- มีอาการชัก
ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น คัน/บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ) เวียนศีรษะรุนแรง หายใจลำบาก
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ข้อควรระวังในการใช้ยา Hydroxychloroquine
ถ้าคุณแพ้ยา Hydroxychloroquine หรือแพ้ยาในกลุ่ม Aminoquinolines เช่น Chloroquine หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนการใช้ยา Hydroxychloroquine ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณ
- เป็นโรคตา (Macular disease, มีปัญหาในการมองเห็นซึ่งเกิดจากการใช้ยาในกลุ่ม Aminoquinolines เช่น Chloroquine)
- ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เป็นโรคเลือดบางชนิด (Porphyria)
- เป็นโรคทางพันธุกรรมบางชนิด (ขาดเอนไซม์ G-6-PD)
- เป็นโรคเบาหวาน
- เป็นโรคไต
- เป็นโรคตับ
- เป็นโรคผิวหนังบางชนิด เช่น สะเก็ดเงิน โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
ยา Hydroxychloroquine อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คุณมีอาการวิงเวียนศีรษะมากขึ้น ห้ามขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ โดยที่แอลกอฮอล์ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับได้มากขึ้นระหว่างใช้ยา Hydroxychloroquine
ยา Hydroxychloroquine อาจทำให้คุณมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้น จึงแนะนำให้จำกัดระยะเวลาที่ต้องสัมผัสแสงแดด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหลอดไฟอุลตราไวโอเลต (Sunlamps) และให้ทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้ามิดชิดขณะอยู่ในที่แจ้ง และให้แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการผิวไหม้จากแดด หรือผิวหนังแดง/ผิวหนังมีตุ่มพอง
ระมัดระวังการใช้ยา Hydroxychloroquine ในผู้ป่วยเด็ก เพราะเด็กอาจเกิดอาการข้างเคียงจากยาได้มากกว่าคนทั่วไป และไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในเด็กเป็นเวลานาน ถ้าเด็กรับประทานยาเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ แม้จะในปริมาณน้อย แต่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรง (อาจถึงแก่ชีวิต) ได้ จึงต้องเก็บยานี้ให้พ้นจากมือเด็ก
ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ และไม่แนะนำให้ใช้ยานี้สำหรับรักษาโรคข้ออักเสบจากรูมาตอยด์ขณะตั้งครรภ์ โดยให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์
ยา Hydroxychloroquine ผ่านไปยังน้ำนมได้ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร
การใช้ยา Hydroxychloroquine ร่วมกับยาอื่น
การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Hydroxychloroquine ได้แก่:
- Ampicillin
- Cimetidine
- Digoxin
- Penicillamine
- Artemether, Lumefantrine
- Metoprolol
- ยาที่ทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวขึ้น (QT prolonging agents)
การได้รับยา Hydroxychloroquine เกินขนาด
หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา Hydroxychloroquine เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
อาการของการได้รับยาเกินขนาด อาจได้แก่ หน้ามืด เป็นลม หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ รู้สึกตื่นเต้นผิดปกติ หายใจช้า หายใจตื้น มีอาการชัก หมดสติ
หมายเหตุ
ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้
ถ้าจำเป็นต้องใช้ยา Hydroxychloroquine เป็นเวลานาน อาจต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ/หรือ การตรวจทางการแพทย์เพื่อติดตามอาการของโรคและผลข้างเคียงจากยา เช่น การตรวจการทำงานของตับ ตรวจตา ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อมาลาเรีย ให้ป้องกันตัวเองด้วยการใช้เสื้อผ้ามิดชิด ใช้ยากันยุง และนอนในมุ้งเพื่อป้องกันยุงกัด พยายามอยู่ในอาคารหรืออยู่ในบริเวณที่มีการป้องกันยุงแล้ว ถ้าคุณต้องใช้ยานี้เพื่อป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อมาลาเรีย ให้ใช้สำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ หรือใช้กับการติดเชื้อในครั้งนี้เท่านั้น ห้ามใช้ยานี้สำหรับป้องกันหรือรักษาในครั้งต่อๆ ไป ยกเว้นแพทย์สั่ง
หากลืมรับประทานยา Hydroxychloroquine
ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
การเก็บรักษายา Hydroxychloroquine
เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก