สอบถามคะ:คือตอนนี้มีอาการปวดหัว จะอาเจียน แล้วพอทานข้าวได้ไม่กี่คำก็รู้สึกจะอาเจียน เวลาเดินไปไหรมาไหนจะหมดแรง คือก่อนหน้านี้ประมาณสิ้นเดือนกรกฎามีเพศสัมพันธ์กับแฟน พอผ่านมา3-4สัปดาห์มีประจำเดือน อาการที่บอกไปข้างต้นพึ่งมาเป็นสองวันนี้คะ อาการเกิดจากอะไรคะ สาเหตุอะไรคะ

สวัสดีครับอาการคลื่นไส้ อาเจียนดังกล่าวเกิดได้จากหลายอย่างครับ เช่น  
1.ในเพศหญิง อาจจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น อาการ คลื่นไส้ อาเจียนบ่อยๆ เรียกว่าการแพ้ท้อง จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรก  
2.อาหารเป็นพิษ จะปวดท้อง เบื่ออาหารคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับการถ่ายเหลว  
3.การเพิ่มความดันในศีรษะ เช่น หลังจากการเกิดอุบัติเหตุมา แล้วมีเลือดออกในศีรษะ หรือการเป็นเนื้องอกบางอย่างในศีรษะ 
4.น้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งพบได้บ่อย จะมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ และอาเจียนได้ 
5. ความเครียด วิตกกังวล ต่างๆ ค่างเครียดมาก ๆ วิตกกังวลมากๆ ก็จะทำให้เวียนหัว แล้วคลื่นไส้ อาเจียนได้ 
6.การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้มีปัญหาคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ได้เช่นกัน เป็นต้นครับ

เบื้องต้นแนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลอีกทีครับจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

สวัสดีครับ
เบื้องต้น ถ้ามีเพศสัมพันธฺโดยไมทป้องกัน แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ไว้ก่อนนะครับ สามารถตรวจได้ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธฺครับ เยืองจากอาการดัวกล่าว ยังไม่จำเพาะต่อการตั้งครรภ์ครับ

อาการคลื่นไส้ อาเจียน ไม่สบายท้อง เป็นอาการไม่เฉพาะเจาะจง สามารถเกิดได้จากสาเหตุหลายอย่าง เช่น
-การ ติดเชื้อ ที่ทางเดินอาหาร อาหารเป็นพิษ
-การพักผ่อนไม่เพียงพอ
-การทานน้ำไม่เพียงพอ
-ยาบางชนิด
-การทานเครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
-โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
-การติดเชื้อตามระบบอื่นๆ
-โรคกระเพาะและกรดไหลย้อน
-หากถ่ายไม่ออก ผายลมไม่ได้ หรือ อาเจียนเป็นน้ำสีเขียว อาจสื่อถึงโรคลำไส้อุดตันได้ด้วยครับ
-ความเครียด วิตกกังวล

เป็นต้น

การรักษาเบื้องต้น เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานยาแก้อาเจียน งดชากาแฟ และคลายเครียด
หากอาเจียนมากควรรับประทานน้ำเกลือแร่ เพื่อชดเชยน้ำ ที่เสียไปครับ ป้องกันการขาดน้ำครับ

ดังนั้น หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นมาก เวียนศรีษะ หน้ามืด เป็นลม หรือ ปวดท้องมาก แนะนำให้ไปพบแพทย์ครับ

หากประจำเดือนมาแล้ว และมั่นใจว่าลักษณะประจำเดือน สี ปริมาณ เหมือนประจำเดือนรอบก่อนหน้า ก้แสดงว่าไม่ตั้งครรภ์ และ อาการเวียนหัว อาเจียน อาจเกิดได้จากความเครียด ความกังวล จาก เรื่องส่วนตัว การงานหรือการเรียน
อาหารเป็นพิษ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ไมเกรน น้ำในหูไม่เท่ากัน ความดันโลหิตต่ำหรือสูง เป็นต้นครับ

หากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และหาสาเหตุต่อไปครับ

สวัสดีครับ
อาการปวดศีรษะและอาเจียนนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- อาหารเป็นพิษ
- กระเพาะอาหรอักเสบ
- โรคไมเกรน
- การมีความเครียดความกังวลที่มากเกินไป
ซึ่งในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

แต่ถ้าหากกังวลว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้จะเกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์ก็มีความเป็นไปได้น้อยครับ เนื่องจากได้มีประจำเดือนมาหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้ว แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจจริงๆก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าคนไข้มีอาการปวดศีรษะ และมีคลื่นไส้อาเจียน มักจะต้องหาสาเหตุเพิ่มเติมครับ เช่น ความดันในกระโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นครับ

เบื้องต้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจแยกโรคปวดศีรษะแบบรุนแรงก่อนครับ และค่อยๆจิบเกลือแร่ทดแทนสิ่งที่อาเจียนออกมาครับ

สวัสดีค่ะ
อาการดังกล่าวอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ถ้ามีประวัติมีเพศสัมพันธ์มาก่อนและสงสัยการตั้งครรภ์ หมอแนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยสามารถตรวจได้ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ และตรวจในตอนเช้าจะได้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด นอกจากนี้แล้วยังคิดถึงจากสาเหตุอื่นๆด้วยค่ะ เช่น
-โรคทางระบบอาหาร เช่น กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ ไส้เลื่อน ถุงน้ำดีอักเสบ อาหารเป็นพิษ อาหารไม่ย่อย
-จากระบบประสาท เช่น สมองได้รับการกระทบกระเทือน เนื้องอกในสมอง ไขสันหลังอักเสบ โรคไมเกรน
-จากระบบการทรงตัว เช่น เมารถ หูชั้นในอักเสบ
-จากการทานยาบางชนิด จากการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด จากการดื่มแอลกอฮอล์ จากสารเคมีบางชนิด
-ความผิดปกติของตา เช่น สายตาสั้น ยาว เอียง
-น้ำตาลในเลือดต่ำ พบในคนที่อดอาหาร หรือทานยารักษาโรคเบาหวาน
-ภาวะทางจิตเวช เช่น เกิดความเครียด โรคอารมณ์สองขั้ว โรคซึมเศร้า
-ความดันผิดปกติ จากการที่มีความดันโลหิตสูง ต่ำ หรือจากยารักษาความดัน
ยังไงถ้าตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบว่าตั้งครรภ์และอาการเป็นนาน ถึงแม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ไม่หาย แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุและจะได้ทำการรักษาต่อไปค่ะ

รอบเดือนของผู้หญิงปกติ จะมาประมาณ 3-7 วันครับ กรณีประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ (น้อยกว่า 2วัน หรือ มีเลือดประจำเดือนน้อยมาก หรือเป็นหยดเลือดเพียงเล็กน้อย) อาจมาจากหลายปัจจัยครับ
ตัวอย่างเช่น
1.ตั้งครรภ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอย ซึ่งอาจเป็นเลือดออก หลังจากที่ที่เกิดหลังการปฏิสนธิ เนื่องจากตัวอ่อนเคลื่อนไปยึดเกาะฝังตัวที่ผนังมดลูก โดยจะมีเลือดออกเพียง 1-2 วันเท่านั้น ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเลือดประจำเดือนได้ อาจเกิดจากการคุมกำเนิดที่ผิดพลาด หรือไม่ได้คุมกำเนิดในขณะมีเพศสัมพันธ์ จึงควรตรวจการตั้งครรภ์หากพบอาการดังกล่าวครับ
2.ความเครียด
3.โรคทางระบบสืบพันธ์ เช่น ถุงน้ำรังไข่ (PCOS) ความผิดปกติของมดลูก ปากมดลูก เป็นต้น
4.ความผิดปกติของการสร้างฮอร์โมนเพศหญิง ไม่ว่าจะมาจากภายใน คือร่างกายของเราเอง หรือภายนอก เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ชนิดต่างๆ หรือการใช้ยาอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อการสร้องฮอร์โมนเพศ หรือ การตกไข่
5.การออกกำลำลังกายหรือทำงานหนักมากเกินไป พักผ่อนน้อย เป็นต้น
6.โรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคไตเรื้อรัง anorexia การขาดสารอาหารอย่างรุนแรงเป็นต้น
เบื้องต้น แนะนำให้ไปตรวจร่างกายและตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ

นอกจากนี้ ถ้ามีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น เคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ควรตรวจการตั้งครรภ์เป็นเบื้องต้นไว้ด้วยครับ

ส่วนการรักษาจะเป็นไปตามสาเหตุ เช่น การให้ฮอร์โมนเสริม การผ่าตัด เป็นต้นครับ