กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

โรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ (Antepartum depression)

เผยแพร่ครั้งแรก 14 ก.พ. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ (Antepartum depression) เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ พบว่า 1 ใน 4 ของผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์เป็นโรคนี้
  • สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค เช่น เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน มีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ หรือปัญหาการใช้ชีวิตต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเครียด เคยสูญเสียลูก หรือแท้งลูกมาก่อน หรือตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม
  • อาการของโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น รู้สึกเศร้าตลอดเวลาและเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า ไม่มีสมาธิ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ฉุนเฉียวง่าย หรือมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
  • ภาวะแทรกซ้อนของโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น คลอดก่อนกำหนด ภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือส่งผลต่อสุขภาพของทารก
  • ผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ควรไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเพื่อจะได้อยู่ภายใต้การดูแลของสูตินรีแพทย์ จะช่วยให้สามารถรับมือกับสิ่งผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ได้
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจฝากครรภ์และคลอดบุตร

การตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและตื้นตันใจสำหรับผู้หญิง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้ว่าที่คุณแม่หลายๆ คนเป็นกังวล สับสน เครียด และซึมเศร้าได้ โดยพบว่าประมาณ 1 ใน 4 ของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ประสบกับโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ (Antepartum depression)

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาสุขภาพจิต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 882 บาท ลดสูงสุด 51%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

โรคซึมเศร้าเป็นอาการป่วยทางจิตที่พบได้ทั่วไป ส่งผลให้คุณมีความรู้สึกด้านลบที่รุนแรง มีอารมณ์เศร้า สูญเสียความมั่นใจ หมดความสนใจในสิ่งต่างๆ รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า ซึ่งอาการเหล่านี้รบกวนชีวิตความเป็นอยู่และการทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันเป็นระยะเวลานาน

บ่อยครั้งที่โรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์มักไม่ได้รับการวินิจฉัย เพราะถูกเข้าใจผิดว่า เป็นภาวะฮอร์โมนผิดปกติที่พบได้ทั่วไปในคนท้อง ซึ่งโรคซึมเศร้าที่ไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่และเด็กในท้องได้ 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

โดยทั่วไปแล้ว โรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์มักเกิดจากภาวะสุขภาพจิตและการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ 

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอื่นๆ ระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น สภาพร่างกาย การนอนหลับ และการรับประทานอาหารก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ได้ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ของโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ มีดังนี้

  • เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน
  • ขาดคู่ชีวิตหรือการดูแลจากคนรอบข้างระหว่างการตั้งครรภ์
  • มีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์
  • เคยถูกทารุณกรรมหรือเคยได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
  • มีประสบการณ์ชีวิตที่ก่อให้เกิดความเครียด
  • มีปัญหาทางการเงิน ขัดสนเรื่องค่าใช้จ่าย
  • มีพฤติกรรมติดสารเสพติด
  • รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์
  • เคยสูญเสียลูกมาก่อนหน้านี้หรือแท้งลูก
  • วิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตัวทารก เช่น ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จากการตั้งครรภ์
  • ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม

อาการของโรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์

อาการของโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์นั้นคล้ายคลึงกับอาการโรคซึมเศร้าทั่วๆ ไป คุณอาจมีอาการดังต่อไปนี้ติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์

  • รู้สึกเศร้าไม่หายและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
  • ไม่มีสมาธิ มีปัญหาเกี่ยวกับการจดจำหรือการตัดสินใจ
  • รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า และรู้สึกผิด
  • หมดความสนใจ ไม่รู้สึกสนุกในกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่เคยชอบ
  • อ่อนเพลีย
  • นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท
  • ฉุนเฉียวง่าย
  • มีความคิดเรื่องการฆ่าตัวตาย
  • การรับรู้รสชาติอาหารเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน กินมากหรือน้อยจนเกินไป หรืออาจเบื่ออาหาร
  • มีพฤติกรรมเสี่ยง ประมาทในการใช้ชีวิต

ภาวะแทรกซ้อนของโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์

หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคซึมเศร้ามีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง และมีภาวะครรภ์เป็นพิษเนื่องจากความดันโลหิตสูงระหว่างการตั้งครรภ์มากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นโรคซึมเศร้า

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

นอกจากนี้ผู้หญิงที่เป็นโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอดสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นในผู้หญิงประมาณ 15% ที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตร 

จากรายงานของสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ หากไม่ได้รับการรักษา โรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์โดยเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะต่อไปนี้

  • ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตร
  • เด็กที่คลอดออกมามีน้ำหนักตัวน้อย
  • การคลอดก่อนกำหนด
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษ
  • ความบกพร่องด้านการเรียนรู้ของทารก

การวินิจฉัยโรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์

การวินิจฉัยโรคซึมเศร้าในช่วงตั้งครรภ์อาจเป็นเรื่องยาก บางครั้งตัวคุณเองและคนรอบข้างอาจไม่สังเกตเห็นความผิดปกติเลยก็ได้ เพราะอาการคล้ายคลึงกับอาการที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ทั่วไป เช่น มีปัญหาด้านการนอนหลับ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือความต้องการทางเพศลดน้อยลง

ดังนั้นคุณควรปรึกษาแพทย์ หากไม่แน่ใจว่า อาการที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการตั้งครรภ์ หรือโรคซึมเศร้ากันแน่ 

การรักษาโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์

โรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้โดยมีหลักการรักษาเหมือนโรคซึมเศร้าทั่วไป การรักษาต่างๆ มีแนวทางดังนี้

  • การให้คำปรึกษา หรือการใช้เทคนิคเฉพาะทางเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยดีขึ้น เช่น การบำบัดด้านความคิดและพฤติกรรม (CBT) การบำบัดด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เป็นต้น
  • การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนต่างๆ
  • การบำบัดด้วยการกระตุ้นสมอง เช่น การกระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy) ซึ่งเป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าชนิดอ่อนเข้าสู่สมอง
  • การใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า แต่วิธีนี้มีความเสี่ยงต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์ จึงต้องคำนึงถึงประโยชน์และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียจากการใช้ยานี้อย่างถี่ถ้วน

นอกจากนี้การรักษาแบบธรรมชาติบำบัด เช่น การเล่นโยคะ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน และการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ก็มีส่วนช่วยรักษาโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ได้

ผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ควรไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้อยู่ภายใต้การดูแลของสูตินรีแพทย์ 

สูตินรีแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง ข้อควรปฏิบัติต่างๆ และความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ช่วยให้ว่าที่คุณแม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่เครียดมากจนนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ได้นั่นเอง

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจฝากครรภ์และคลอดบุตร จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


8 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Facing Depression During Pregnancy. WebMD. (https://www.webmd.com/baby/features/facing-depression-during-pregnancy)
Depression during pregnancy: What you need to know. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/327273)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
อยากทราบวิธีป้องกันอาการปวดก่อนมีประจำเดือน
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
อาการของโรคซึมเศร้าข้างต้นเริ่มแบบไหน
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
โรคซึมเศร้า มีอาการยังไงค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
เสื่อมสมรรถถาพทสงเพศ พื้นฟูได้กรือไม่
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
โรคซึมเศร้ารึกษาให้หายขาดได้หรือไม่
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
การลดลงของฮอโมนหลังหมดประจำเดือน ในผู้หญิงวัย 50 ปีขึ้นไป ทำให้เกิดอาการ แสบร้อน ในร่างกาย วูบวาบ เหนื่อย เมื่อย อ่อนเพลีย หนาวภายในร่างกาย ควรจะเริ่มตรวจจากตรงไหนคับ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)