กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

Clostridium Difficile (ภาวะติดเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์)

เผยแพร่ครั้งแรก 25 ก.พ. 2017 อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที

C. diff คือเชื้อในกลุ่ม superbug ที่รักษายาก และก่อให้เกิดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ทำให้ท้องเสียตามมา

Clostridium difficile หรือเรียกกันว่า C. diff เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียและลำไส้ใหญ่อักเสบที่ร้ายแรงถึงขั้นชีวิต ด้วยวิธีการปล่อยสารพิษ C. diff มักถูกรวมเข้าไปในกลุ่ม superbug เพราะดื้อต่อยาปฏิชีวนะหลายตัว ทำให้ยากต่อการรักษา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) จัดให้ C. diff เป็นเชื้อหนึ่งในเชื้อที่ดื้อยามากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา จากการศึกษาในวารสาร New England Journal of Medicine (NEJM) ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015 พบว่ามีการติดเชื้อ C. diff ใหม่เป็นจำนวน 453,000 ราย และเสียชีวิตด้วยเชื้อดังกล่าวอีก 29,000 รายทั่วประเทศ ในปี 2011

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

การติดเชื้อ C. Diff

เชื้อ C. Diff จะพบในอุจจาระ และติดต่อได้ง่ายผ่านอาหาร ผิวสัมผัส และสิ่งของที่ปนเปื้อน นอกจากนี้ แบคทีเรียชนิดนี้ยังผลิตสปอร์ที่ทนต่อความร้อนและกรด ทำให้เชื้อสามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้อมได้เป็นเวลานาน การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่ปนเปื้อน หรือการนำนิ้วมือที่ไม่ได้ล้างและเอาเข้าปากหลังไปสัมผัสพื้นผิวหรือสิ่งของที่ปนเปื้อน ซึ่งจะทำให้ C. diff ไม่ว่าจะเป็นตัวเชื้อหรือสปอร์เข้าไปในร่างกาย ในบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรงนั้น เชื้อ C. diff จะไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ โดยตัวแบคทีเรียจะไปสร้างโคโลนีอยู่ในลำไส้โดยไม่ทำให้เกิดอาการ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาปฏิชีวนะในบางกรณี เช่น การรักษาโรคติดเชื้อเป็นเวลานาน จะสามารถทำลายเชื้อในภาวะปกติของลำไส้ ทำให้ C. diff เจริญเติบโตมากเกินไป ก่อให้เกิดการติดเชื้อตามมา

ยาปฏิชีวนะที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดการติดเชื้อ C. diff ได้แก่

ข้อควรระวัง คือ ยาปฏิชีวนะทุกตัวล้วนมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อ C.difficile ในผู้สูงอายุ ผู้ที่รับเคมีบำบัด และผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง จะมีความเสี่ยงติดเชื้อ C. diff มากขึ้น จากรีวิวเรื่อง C. diff ฉบับเดือนเมษายน 2015 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร NEJM

อาการแสดงของ C. Diff

การติดเชื้อ C. diff มักจะแสดงอาการ ดังนี้

ในกรณีรุนแรงอาจพบ

การติดเชื้อนี้อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง ได้แก่ โรคลำไส้โป่งพอง(toxic megacolon ทำให้ลำไส้ใหญ่กว้างขึ้น), โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณของการเกิดการติดเชื้อในภาวะพิษเหตุติดเชื้อขั้นรุนแรง

การรักษาหากติดเชื้อ C. diff

การรักษาโรคติดเชื้อ C. diff จำเป็นต้องเริ่มด้วยการหยุดยาปฏิชีวนะทุกตัวที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ในกรณีที่พบได้ไม่มากนักสามารถปล่อยให้จุลินทรีย์ในลำไส้รักษาตัวเอง และหยุดภาวะท้องเสียที่ตามมา การรักษาอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะ 1 ใน 3 ตัวที่ยังคงใช้กับแบคทีเรียชนิดนี้ได้ ได้แก่ Metronidazole ที่สามารถใช้รักษาการติดเชื้อ C. diff ระดับต่ำถึงปานกลาง ในขณะที่ vancomycin หรือ fidaxomicin มักใช้ในกรณีที่รุนแรงมากขึ้น การติดเชื้อซ้ำของ C. diff จะเกิดในประมาณ 20 เปอร์เซนต์ของผู้ที่รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเหล่านี้ การปลูกอุจจาระ จะนำอุจจาระของบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรงมาปลูกในลำไส้ใหญ่ของผู้ติดเชื้อ C. diff นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากสำหรับผู้ติดเชื้อ C. diff ซ้ำๆ จากรีวิว NEJM ในการศึกษาในเดือนพฤษภาคม 2015 ที่รายงานในวารสาร Journal of the American Medical Association (JAMA) ชี้ว่าการสร้างโคลโลนีของ C. diff สายพันธุ์ที่ไม่สร้างพิษ อาจช่วยป้องกันการเกิดการติดเชื้อซ้ำของเชื้อ C. diff สายพันธ์ที่สร้างพิษ

 


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
medlineplus, Clostridium Difficile Infections (https://medlineplus.gov/clostridiumdifficileinfections.html)
cdc.gov, Clostridioides difficile Infection (https://www.cdc.gov/hai/organisms/cdiff/cdiff_infect.html)
webmd.com, What Is Clostridium Difficile (C. Diff)? (https://www.webmd.com/digestive-disorders/clostridium-difficile-colitis#1)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
เป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเดียวกันในช่วงๆเวลาใกล้กันได้หรือไม่คะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
สงสัยคะทำไมคนไข้ส่วนใหญ่จะติดเชื้อในกระแสเลือดคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ
เชื้อ HPV เกิดขึ้นได้อย่างไร และสามารถติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ถ้าได้..สามารถตรวจเช็คได้ทางไหนบ้าง
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ปัญหาสิวในวัย30+
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
เรื่องความเข้มข้นของเลือดในการบริจาคเลือดค่ะ เคยบริจาคได้ แต่สองสามปีมานี้ ทั้งพักผ่อน อกล ก็ยังไม่สามารถบริจาคเลือดได้ค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
การใส่เหล้ก จำเป้นไหมไม่ที่ไม่ผ่าออก
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)