อาการปวดสะโพก เป็นอาการที่มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยอาการนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ
การวินิจฉัยอาการเจ็บสะโพก
อย่างแรกที่แพทย์จะทำ คือ ยืนยันตำแหน่งว่า เป็นอาการเจ็บที่สะโพกอยู่บริเวณใด แล้วเจ็บที่สะโพกจริงหรือไม่ หรือผู้ป่วยอาจเจ็บที่บริเวณใกล้เคียงแต่เข้าใจผิดว่าเป็นสะโพก เพราะความเป็นจริงแล้ว อาการเจ็บสะโพกอาจเป็นอาการเจ็บต้นขาด้านบน หรือด้านบนของก้น หรือปวดหลังก็ได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุของการเจ็บสะโพกในผู้หญิง
เมื่อมีผู้ป่วยหญิงมาพบแพทย์ด้วยเรื่องอาการเจ็บสะโพก แพทย์จะเริ่มประเมินจากอายุผู้ป่วย รูปร่าง และระดับกิจวัตรประจำวัน เพราะเงื่อนไขเหล่านี้ย่อมทำให้อาการเจ็บสะโพกเกิดขึ้นได้ต่างสาเหตุกันไป ซึ่งสาเหตุที่มักพบได้บ่อยของการเจ็บข้อสะโพกในผู้หญิง ประกอบด้วย
1. ข้ออักเสบ
เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการเจ็บสะโพกเรื้อรัง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่เป็นข้ออักเสบจากข้อเสื่อมซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น อาการปวดของข้ออักเสบนี้มักจะรู้สึกที่บริเวณต้นขาด้านหน้า หรือบริเวณขาหนีบจากการที่มีข้อยึด หรือข้อบวม
2. กระดูกข้อสะโพกหัก
กระดูกข้อสะโพกหักถือเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงสูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาวะกระดูกพรุน (ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง)
อาการของกระดูกข้อสะโพกหักประกอบด้วยอาการปวดเมื่อเหยียด ยก หรือยืนบนขาข้างนั้น นิ้วโป้งของเท้าข้างที่มีการหักอาจชี้ออกไปด้านนอก
3. เอ็นอักเสบและเยื่อบุข้ออักเสบ
ภายในสะโพกมีเส้นเอ็นที่ยึดระหว่างกล้ามเนื้อ และข้อไว้มากมาย ซึ่งเส้นเอ็นเหล่านี้อาจเกิดการอักเสบได้ หากมีการใช้งานมากเกินไป หรือใช้ในกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
สาเหตุที่พบบ่อยของอาการเอ็นอักเสบที่ข้อสะโพกโดยเฉพาะในนักวิ่ง คือ กลุ่มอาการเอ็นต้นขาด้านข้างอักเสบ (iliotibial band syndrome: it Band) ซึ่งเป็นเนื่อเยื่อที่เชื่อมระหว่างขอบนอกของกระดูกเชิงกรานมายังด้านนอกของเข่า
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บสะโพกในผู้หญิงได้บ่อย คือ การอักเสบของเยื่อบุข้อ โดยเยื่อบุข้อมีลักษณะเป็นถุงรองรับกระดูกของสะโพกที่ติดกับผิวข้อ ซึ่งถุงนี้สามารถเกิดการอักเสบจากการระคายเคือง หรือหากถูกใช้งานมาก ก็ทำให้เกิดอาการเจ็บเวลาขยับข้อสะโพกได้
4. ไส้เลื่อน
บริเวณขาหนีบเป็นบริเวณที่สามารถพบไส้เลื่อนชนิดต่ำกว่าขาหนีบ (femoral hernia) หรือ ชนิดบริเวณขาหนีบ (inguinal hernia) ได้จนทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณสะโพกด้านหน้าในผู้หญิง
นอกจากนี้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อาจมีภาวะไส้เลื่อนชนิดบริเวณขาหนีบได้เช่นกัน เนื่องจากมีความดันในผนังช่องท้องสูง
5. โรคทางนรีเวช หรือปัญหาจากหลัง
อาการเจ็บสะโพกอาจเป็นผลมาจากโรคทางนรีเวชได้ ดังนั้นจึงไม่ควรคิดถึงสาเหตุของอาการเจ็บสะโพกว่า เกิดจากข้ออักเสบเยื่อหุ้มข้ออักเสบ หรือเอ็นอักเสบแต่เพียงอย่างเดียว ควรคิดถึงสาเหตุจากระบบที่อื่นๆ ตามข้อมูลด้านอายุ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วย
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) สามารถทำให้มีอาการปวดในอุ้งเชิงกราน ซึ่งผู้หญิงบางคนอาจอธิบายด้วยคำว่า เจ็บสะโพกได้ อาการปวดจากหลัง และกระดูกสันหลังก็อาจมีการร้าว และทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณก้น และสะโพกได้
นอกจากนี้ การปวดร้าวของเส้นประสาทที่เรียกว่า "ไซอาติก้า (Sciatica)" ยังสามารถทำให้เกิดอาการปวดบริเวณด้านหลังของข้อสะโพกได้ โดยเริ่มจากหลังส่วนล่างก่อนจะร้าวมาตามก้น และขา
ตรวจกระดูกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 534 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การรักษา และป้องกันอาการเจ็บสะโพก
การรักษาอาการเจ็บสะโพกขึ้นอยู่กับการวินิจฉัย แต่อาการปวดที่เกิดจากการใช้งานมาก หรือการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬามักสามารถรักษาได้ด้วยการประคบร้อน พักร่างกายให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นฟูประมาณ 3-7 วัน รับประทานยาแก้อักเสบทั่วไป
เราสามารถป้องกันการบาดเจ็บสะโพกซ้ำอีกได้ โดยการยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย และสวมใส่เสื้อผ้าโดยเฉพาะรองเท้าที่เหมาะสมในการวิ่ง
หากการทำกิจกรรมหรือการใช้งานมากเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บ ควรหยุดกิจกรรมดังกล่าว และปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ การมีน้ำหนักเกินถือเป็นการเพิ่มน้ำหนักลงบนข้อสะโพก ดังนั้นการลดน้ำหนักสามารถช่วยลดอาการปวด และลดปัญหาที่อาจเกิดตามมาได้
ส่วนสาเหตุบางอย่างของการเจ็บสะโพก เช่น กระดูกหัก หรือไส้เลื่อน คุณอาจต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด หากยังคงมีอาการเจ็บอยู่เรื้อรัง ก็ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ และแนวทางการรักษาต่อไป
อาการเจ็บสะโพกอาจเป็นสัญญาณอันตรายของอาการบาดเจ็บ หรืออาการเจ็บป่วยภายในร่างกายบางอย่างที่คุณไม่รู้ ดังนั้นหากลองรักษาเบื้องต้นด้วยตนเองแล้วไม่หาย คุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการบาดเจ็บนี้อีกครั้ง
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจรักษา ผ่าตัด กระดูกและข้อ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
คุณหมอคะ ทำไมถึงปวดในเส้นเดือดที่หลังมือคะ