มะเร็งถุงน้ำดีเป็นชนิดของมะเร็งที่พบได้ยาก และสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทขึ้นอยู่กับว่าบริเวณที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่ง 85% ของโรคมะเร็งถุงน้ำดี มักเป็นชนิดมะเร็งอะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarcinoma) หรือเซลล์มะเร็งที่เริ่มต้นจากเซลล์ต่อมซึ่งบุอยู่ภายในถุงน้ำดี
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ส่วนมะเร็งที่เริ่มต้นในเซลล์เยื่อบุผิว คล้ายเซลล์ผิวหนังที่บุผิวของถุงน้ำดีจะมีชื่อว่า มะเร็งเยื่อบุผิวชนิดสความัส (Squamous Cell cancer)
มะเร็งถุงน้ำดีพบได้บ่อยในผู้หญิง และยังพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป
อาการของโรคมะเร็งถุงน้ำดี
ในระยะเริ่มแรก โรคมะเร็งถุงน้ำดีมักไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติใดๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พบความผิดปกติช้า หรือหากวินิจฉัยเจอความผิดปกติ ก็มักจะมีอาการในระยะท้ายๆ แล้ว โดยอาการที่มักพบในโรคมะเร็งถุงน้ำดีระยะท้ายๆ ได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้ และดีซ่าน
อาการที่เป็นไปได้อื่นๆ ของมะเร็งถุงน้ำดี ได้แก่ ไม่อยากอาหาร การสูญเสียน้ำหนักที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน และท้องบวม
สาเหตุของโรคมะเร็งถุงน้ำดี
โรคมะเร็งถุงน้ำดี มักเกิดจากเซลล์ที่เติบโตอย่างผิดปกติภายในถุงน้ำดี ซึ่งยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่พบว่ามีปัจจัยบางอย่างที่เพิ่มโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งถุงน้ำดีได้ เช่น
- มีอายุมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป
- ปัจจัยด้านวิถีชีวิต เช่น โรคอ้วน การสูบบุหรี่ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารที่รับประทานและโรคมะเร็งถุงน้ำดีอย่างชัดเจน
- เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones)
- เป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis)
- เป็นโรคเบาหวาน (Diabetes)
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนิ่วถุงน้ำดีอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี หรือโรคมะเร็งถุงน้ำดี
การวินิจฉัยโรคมะเร็งถุงน้ำดี
แพทย์จะตรวจร่างกายและสอบถามอาการเบื้องต้น หากแพทย์สงสัยว่าคุณอาจเป็นโรคมะเร็งถุงน้ำดี ก็อาจมีการส่งตัวไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยอาการอีกครั้ง ซึ่งในกรณีนี้มักจะเป็นอายุรแพทย์ทางเดินอาหารซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะ หลังจากนั้นจะมีการตรวจร่างกายเพื่อดูว่าต่อมน้ำเหลืองที่คอและขาหนีบบวมโตหรือไม่ และอาจมีการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น
ตรวจมะเร็งทั่วไปวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 340 บาท ลดสูงสุด 64%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- การตรวจเลือด
- การสแกนอัลตราซาวนด์
- การสแกนด้วยระบบเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
- การส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (Endoscopic retrograde cholangiopancreatography: ERCP)
- การตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อนด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (Magnetic resonance cholangiopancreatography: MRCP)
- การตรวจชิ้นเนื้อ และการเจาะดูดชิ้นเนื้อด้วยเข็มขนาดเล็ก
การรักษาโรคมะเร็งถุงน้ำดี
การรักษาหลักของโรคมะเร็งถุงน้ำดี คือ การผ่าตัดเพื่อกำจัดถุงน้ำดีและเนื้อเยื่อโดยรอบ แต่ในบางครั้ง แพทย์อาจรักษาด้วยการใช้ยาเคมีบำบัดและการฉายรังสีรักษาร่วมกับการผ่าตัด หรือใช้เพียงเคมีบำบัดหรือการฉายรังสีรักษาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
ทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งถุงน้ำดีที่เกิดขึ้น ระยะของโรคมะเร็งที่พบ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยโอกาสในการรักษาแล้วประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งขณะได้รับการวินิจฉัยว่าลุกลามไปเพียงใด
หากเซลล์มะเร็งยังจำกัดอยู่เพียงบริเวณถุงน้ำดี โอกาสรอดชีวิต และมีชีวิตอยู่นานกว่า 5 ปี มีประมาณ 80% ของกรณีทั้งหมด แต่หากมะเร็งถุงน้ำดีแพร่กระจายไปในเนื้อเยื่อรอบข้าง หรือแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว โอกาสรอดชีวิต และมีชีวิตอยู่นานกว่า 5 ปีจะลดน้อยลงมาก เหลือเพียงประมาณ 30% เท่านั้น
ทำไมคนที่เป็นโรคมะเร็งกว่าจะรู้ตัวก็เป็นระยะ 2 ระยะ3 ระยะ 4 แล้ว ไม่มีสัญญาณให้รู้เลยหรือว่าเริ่มเป็น ทั้งที่ส่วนใหญ่ที่เจอก็เป็นบุคคลที่ตรวจสุขภาพเป็นประจำปีทุกปี