August 18, 2019 17:50
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.การวินิจฉัยปวดหัว ควรต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายจากเเพทย์ครับ เนื่องจากปวดหัวมีได้หลายโรคมาก บางครั้งมีสาเหตุซ่อนอยู่ บางครั้งก็ไม่มีสาเหตุ
.............
1. การปวดหัวที่ไม่ได้มีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ พวกนี้มักไม่ได้อันตราย
เเต่จะรำคาญ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น
- ไมเกรน พวกนี้มักจะปวดหัวข้างเดียว(หรือสองข้างก็ได้)เเบบตุ้บๆเหมืนชีพจรเต้นได้ มีคลื่นไส้อาเจียน อาจมีอาการนำ เช่นเห็นเเสงวาบ ได้ยินเสียงผิดปกติ
- ปวดหัวเเบบTension จะปวดเหมือนมีอะไรมารัดหัว หนักหัว ปวดขมับได้ครับ
- หรือเส้นเลือดบริเวณขมับอักเสบ พวกนี้ปวดตุ้บๆที่ขมับได้ เเต่มักเกิดในคนอายุเยอะ มีอาการร่วมเช่นปวดกรมเวลาเคี้ยว ตาดับมองไม่เห็นบางครั้ง เห็นภาพซ้อน ไข้ต่ำๆครับ
- ปวดเส้นประสาทใบหน้า พวกนี้จะปวดเเปล๊บๆ ปวดเเสบร้อน ตามเเนวเส้นประสาท ตามหน้าผาก ตามกราม
- ปวดหัวเเบบCluster จะปวดทั่ว มักมีอาการเช่นคัดจมูก น้ำตาไหลร่วมด้วย
- อื่นๆเช่น ปวดกล้ามเนื้อเเล้วร้าวมาหัว เช่น Myofascial pain syndrome พวกนี้จะเกิดในคนนั่งทำงานออฟฟิซ อาการคือจะมีปวดคอปวดบ่าปวดท้ายทอย ร้าวมาศรีษะได้
ซึ่งกรณีนี้ ควรพบเเพทย์สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู พิจารณาฝังเข็มครับ (Dry needling)
- ปวดหัวจากการใช้สายตามาก สายตาล้า มีสายตาสั้นอยู่เดิม
............
หรือสาเหตุจากโรคอื่นๆเช่น ไซนัสอักเสบ บางทีมีไข้ เช่นพวกไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ก็มีปวดหัวทั่วๆได้
............
พวกนี้กินยาจะพอบรรเทาได้ครับ หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
ถ้าอาการเป็นเเบบกลุ่มนี้หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
............
2.แต่ถ้า มีอาการเช่น ปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งวันหลังๆยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อย มีไข้สูง มีเเขนขาอ่อนเเรงยกไม่ขึ้นมีปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว
หรือปวดมากจนทนไม่ไหวเลยใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ หรือมีประวัติศรีษะกระเเทกรุนเเรงมาก่อน
พวกนี้ต้องไปพบเเพทย์ทันทีครับ อาจมีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ เช่น เนื้องอกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกในสมองเป็นต้นครับ
............
เบื้องต้นถ้าไม่ได้มีอาการอันตราย ลองซื้อยา Paracetamol มารับประทาน ถ้ายังไม่หาย ปวดไม่ทุเลา เเนะนำ หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
ยาอีกกลุ่มที่พอใช้ได้ เเละสามารถซื้อได้จากร้านขายยา คือยากลุ่มNSAID เช่น Ibuprofen Naproxen Etoricoxib Celecoxib แต่ต้องระวัง คือห้ามใช้ยากลุ่มนี้กับผู้ป่วยที่สงสัยภาวะไข้เลือดออกครับ อาการคือ ไข้ ปวดหัวทั่วๆ ปวดกระบอกตา ปวดตัว คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นต้นครับ
ถ้าสงสัยไข้เลือดออกเเนะนำให้พบเเพทย์ เเละกินยาParacetamol จะปลอดภัยกว่าครับ
ถ้ามีอาการเเพ้ยา เช่น ปากบวม ผื่นลอก หายใจลำบาก ให้พบเเพทย์ทันทีครับ
2.อาการเเน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก
ถ้าปวดบริเวณหน้าอกหรือซี่โครง สัมพันธ์กับการหายใจ หายใจเข้าเเล้วเจ็บ กดเจ็บ ขยับเเล้วเจ็บ เคยมีประวัติโดนกระเเทก ออกกำลังกายหนัก หรือผิดท่า
จะคิดถึงโรคเช่น กระดูกอ่อนอักเสบ (Costochondritis) กล้ามเนื้ออักเสบ ครับไม่ได้อันตรายถึงชีวิต
ถ้าสงสัยเป็นเเค่พวกปวดกล้ามเนื้อหรือกระดูกซี่โครงอักเสบให้ลองซื้อยาเเก้อักเสบกลุ่มNSAIDมากินก่อนครับ เช่น Ibuprofen , Celecoxib(Cerebrex) ,Etoricoxib(Arcoxia)
ร่วมกับพยายามงดกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากๆ(ระวังเรื่องเเพ้ยา เเละไม่ควรกินติดต่อกันนานๆครับ เพราะส่งผลต่อไตหรืออาจมีแผลในกระเพาะอาหารได้)
ถ้าเจ็บที่เต้านม มีบวมเเดง อาจเป็นผิวหนังอักเสบหรือฝีในเต้านมก็ได้ครับ
....
หรือ อาจเป็นภาวะลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด(Pneumothorax)ได้ครับ กรณีที่เป็นน้อยๆจะปวดได้ สัมพันธ์กับการหายใจ เเต่ถ้าเป็นมากจะมีอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม ร่วมด้วยพวกนี้ควรพบเเพทย์ครับ
....
ถ้าจุกเเน่นกลางอก มีเรอเปรี้ยวเเสบหน้าอก คลื่นไส้ สัมพันธ์กับการกินอาหาร กินเเล้วนอนทันทีจะเป็นมาก มีประวัติ กินชากาเเฟ สูบบุหรี่บ่อยๆ น่าจะเป็นกรดไหลย้อนครับ
.....
ส่วนถ้าพวกโรคหัวใจขาดเลือดมักจะปวดเหมือนอะไรมาทับกลางอก หรือปวดใน้ลิ้นปี่ได้ มีร้าวไปเเขนหรือกราม มีเหงื่อเเตกได้ บางคนออกเเรงพอหัวใจเริ่มทำงานหนักขึ้นจะปวด เพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ บางคนถ้าเส้นเลือดตีบมาก อยู่เฉยๆก็ปวดครับ ส่วนใหญ่เกิดในคนอายุเยอะๆหน่อยครับประมาณ 40 ปีขึ้นไป มักมีโรคร่วมเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงครับ กรณีนี้ควรพบเเพทย์ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจครับ(EKg)
.....
เเนะนำว่าถ้าปวดมากขึ้น พักหรือกินยาเเล้วไม่หาย มีเหนื่อยหายใจหอบ มีเเน่นหน้าอกให้รีบไปพบเเพทย์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สวัสดีค่ะคุณหมอ พอดีว่ามีอาการปวดหัวจี๊ดๆ เป็นระยะๆ เริ่มมีอาการประมาณ 2-3 เดือนมานี้เองค่ะ แต่หลังๆ นี้ปวดถี่ขึ้นมาก จะปวดจี๊ดบริเวณข้างศีรษะด้านซ้าย สลับกับด้านขวา ทั้งๆ ที่ไม่ได้เครียดหรือคิดมากเลยนะคะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเนื่องมาจากตอนทำงานหรือเปล่าที่อาจจะเครียดกับงานบ้างหรือตอนคิดงานต่างๆ อ่ะค่ะ (ซึ่งตอนทำงานไม่มีอาการปวดหัวจี๊ดเลยนะคะ) และมีอาการแน่นหน้าอก (แต่ไม่ได้เป็นพร้อมกันกับอาการปวดหัว) กับนานๆ ทีจะชาที่บริเวณปลายนิ้วมือร่วมด้วยค่ะ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงอะไรหรือเปล่าอ่ะค่ะคุณหมอ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)