คาร์โบไฮเดรต เป็นหนึ่งในสารอาหารหลักที่พบในอาหารและเครื่องดื่ม นอกเหนือจากโปรตีนและไขมันที่เป็นอาหารหลักด้วยเช่นกัน คาร์โบไฮเดรตจะรวมถึง น้ำตาล แป้ง และใยอาหาร การนับปริมาณคาร์โบไฮเดรตจะช่วยให้คุณควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้ดีขึ้น เพราะคาร์โบไฮเดรตส่งผลต่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดมากกว่าสารอาหารประเภทอื่น
คาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ขัดสี ผลไม้ และผัก เป็นส่วนสำคัญของแผนการรับประทานอาหารในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้พลังงานและสารอาหารที่จำเป็น ได้แก่ วิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร โดยใยอาหารมีประโยชน์ในการป้องกันการท้องผูก ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยควบคุมน้ำหนัก
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ จะอยู่ในอาหารที่พบได้บ่อยและเครื่องดื่มที่เติมน้ำตาล โดยคาร์โบไฮเดรตประเภทนี้จะให้พลังงานเช่นเดียวกัน แต่ให้สารอาหารเพียงเล็กน้อย
ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตในอาหารจะวัดในหน่วยกรัม ในการวัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหาร คุณจะต้อง
- รู้ว่าอาหารใดบ้างที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบ
- รู้ถึงวิธีในการประมาณค่าคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในอาหารนั้นๆ
- นับปริมาณคาร์โบไฮเดรตรวมในอาหารที่รับประทานเป็นปริมาณรวมต่อวัน
แพทย์อาจพิจารณาส่งต่อคุณไปยังนักกำหนดอาหารหรือนักโภชนาการ หรือผู้ให้คำปรึกษาด้านโรคเบาหวาน เพื่อช่วยเหลือคุณเกี่ยวกับการวางแผนการรับประทานอาหารโดยวิธีการนับปริมาณคาร์โบไฮเดรต
อาหารอะไรบ้างที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต
อาหารที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตได้แก่
- ธัญพืช เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว พาสต้า แครกเกอร์ ซีเรียล และข้าว
- ผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล กล้วย ผลเบอร์รี่ มะม่วง เมลอน และส้ม
- ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นม และโยเกิร์ต
- ถั่ว รวมทั้งถั่วแห้ง
- ขนมขบเคี้ยวและขนมหวาน เช่น ขนมเค้ก คุกกี้ ลูกอม และขนมหวาน ของหวานอื่นๆ
- น้ำผลไม้ น้ำอัดลม เครื่องดื่มผสมน้ำผลไม้ เครื่องดื่มให้พลังงาน เครื่องดื่มชูกำลัง ที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
- ผัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผักประเภทแป้ง เช่น มันฝรั่ง ข้าวโพด และถั่ว
มันฝรั่ง ถั่ว และข้าวโพด เรียกอีกอย่างว่า ผักประเภทแป้ง เพราะว่าผักประเภทนี้มีแป้งเป็นองค์ประกอบมาก ผักประเภทนี้จึงมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงกว่าผักที่ไม่ใช่แป้ง
ตัวอย่างของผักที่ไม่ใช่แป้ง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง บล็อกโคลี แครอท ผักชีฝรั่ง ถั่วเขียว ผักกาดหอมและผักสลัดอื่นๆ พริก ผักโขม มะเขือเทศ และบวบ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก ชีสส่วนใหญ่ ไขมัน น้ำมัน และไขมันอื่นๆ
จะเกิดอะไรขึ้นหากรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต
เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ระบบย่อยอาหารจะทำการย่อยน้ำตาลและแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคส กลูโคสเป็นหนึ่งในรูปแบบที่ง่ายที่สุดของน้ำตาล น้ำตาลกลูโคสจากทางเดินอาหารจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงขึ้น ฮอร์โมนอินซูลินที่สร้างจากตับอ่อนหรือจากการฉีดอินซูลินจะช่วยให้เซลล์ในร่างกายนำน้ำตาลกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานให้กับร่างกาย เมื่อน้ำตาลกลูโคสย้ายที่อยู่จากในเลือดไปสู่ในเซลล์แล้ว จะทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดลดต่ำลง
การนับคาร์โบไฮเดรตมีประโยชน์อย่างไร
การนับปริมาณคาร์โบไฮเดรตมีประโยชน์คือ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสให้ใกล้เคียงปกติที่สุด ซึ่งการควบคุมให้ระดับน้ำตาลกลูโคสใกล้เคียงปกติมากที่สุดจะช่วยให้คุณ
- มีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นเวลานาน
- ป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น โรคไต ตาบอด เส้นประสาทถูกทำลาย และโรคทางหลอดเลือด ซึ่งจะส่งผลให้เกิด หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และการตัดขา
- ทำให้รู้สึกดีขึ้น มีกำลังขึ้น
คุณอาจจำเป็นต้องใช้ยารักษาโรคเบาหวานหรือยาฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด ให้สอบถามค่าเป้าหมายสำหรับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจากแพทย์ของคุณ เป้าหมายในการควบคุมก็คือสิ่งที่คุณต้องพยายามทำให้ได้ ในการบรรลุเป้าหมาย คุณจะต้องรักษาสมดุลระหว่างการรับประทานคาร์โบไฮเดรต การออกกำลังกาย การใช้ยารักษาโรคเบาหวาน หรือการฉีดอินซูลิน
ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ควรรับประทานต่อวัน
ปริมาณคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทานต่อวัน ยังไม่ได้มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน เพราะปริมาณที่เหมาะสมกับคนๆหนึ่ง อาจไม่เหมาะสมสำหรับคนอื่น ทุกคนจำเป็นต้องได้รับปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้เพียงพอเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารให้กับร่างกาย
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้บริโภคคาร์โบไฮเดรตระหว่าง 45 – 65 % ของปริมาณพลังงานทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละวัน ผู้ป่วยที่ต้องจำกัดปริมาณพลังงานที่ได้รับ และไม่ได้ออกกำลังกายอาจจำเป็นต้องลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงต่ำกว่านี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คาร์โบไฮเดรต 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี่ ดังนั้นคุณคำนวณปริมาณพลังงานที่ต้องการได้รับจากคาร์โบไฮเดรตโดยการนำ 4 ไปหาร ก็จะได้ออกมาเป็นปริมาณกรัมของคาร์โบไฮเดรตที่ต้องรับประทาน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการรับประทานทั้งหมด 1,800 แคลอรี่ต่อวัน และให้เป็นพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต 45% คุณจะต้องรับประทานคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 200 กรัมต่อวัน โดยคำนวณดังนี้
- 0.45 x 1,800 แคลอรี่ = 810 แคลอรี่
- 810 ÷ 4 = 202.5 กรัมของคาร์โบไฮเดรต
คุณจำเป็นต้องแบ่งปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้รับประทานตลอดทั้งหมด (ไม่ใช่รับประทานพร้อมกันทีเดียว) นักกำหนดอาหารหรือนักโภชนาการ จะให้ความรู้คุณเกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทาน ปริมาณที่เหมาะสม และเมื่อไรที่ควรรับประทาน โดยอ้างอิงกับน้ำหนักตัวของคุณ กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ยาที่ใช้ และเป้าหมายในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารที่รับประทานเท่าไร
คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการประมาณปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารที่คุณรับประทานบ่อยๆ ตัวอย่างเช่น รายการต่อไปนี้คือรายการอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตปริมาณมาก คือมีถึง 15 กรัมของคาร์โบไฮเดรต
- ขนมปัง 1 แผ่น
- พาสต้า 1 ใน 3 ถ้วย
- ข้าว 1 ใน 3 ถ้วย
- ผลไม้กระป๋องครึ่งถ้วย, ผลไม้สดครึ่งถ้วย, น้ำผลไม้ครึ่งถ้วย หรือ 1 ชิ้นเล็กๆ ของผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ลชิ้นเล็ก, ส้มชิ้นเล็ก เป็นต้น
- ผักประเภทแป้งครึ่งถ้วย เช่น ข้าวโพดที่สุกแล้ว ถั่ว มั่นฝรั่งบด
- ซีเรียลแห้ง 3 ใน 4 ถ้วย หรือ ซีเรียลสุกครึ่งถ้วย
- วุ้น 1 ช้อนโต๊ะ
อาหารบางประเภทมีคาร์โบไฮเดรตน้อย ซึ่งไม่จำเป็นต้องนับปริมาณก็ได้ ยกเว้นว่าคุณจะรับประทานในปริมาณมากๆ เช่น ผักที่ไม่ใช่แป้งส่วนใหญ่ จะมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยผักที่ไม่ใช่แป้งที่สุกแล้วครึ่งถ้วย หรือ ผักดิบ 1 ถ้วย จะมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 5 กรัมเท่านั้น
เมื่อคุณคุ้นเคยแล้วว่าอาหารใดมีคาร์โบไฮเดรตบ้าง และมีปริมาณเท่าใด ก็จะทำให้การนับปริมาณคาร์โบไฮเดรตเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
ฉลากโภชนาการ (nutrition labels)
คุณสามารถอ่านฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์ของอาหาร เพื่อรู้ว่าในอาหารชนิดนั้นมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตอยู่เท่าไร
ฉลากโภชนาการจะบอกคุณดังนี้
- 1 หน่วยบริโภคคือเท่าไร เช่น 1 ชิ้น หรือ ครึ่งถ้วย เป็นต้น
- ปริมาณคาร์โบไฮเดรตเป็นกรัมต่อ 1 หน่วยบริโภค
- ข้อมูลสารอาหารอื่นๆ ได้แก่ ปริมาณพลังงาน ปริมาณโปรตีน และปริมาณไขมัน ต่อ 1 หน่วยบริโภค
ถ้าฉลากโภชนาการแจ้งว่าอาหารนั้นมี 2 หน่วยบริโภคต่อถุง คุณจะต้องนำ 2 ไปคูณกับปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เขียนไว้ก่อน ตัวอย่างเช่น อาหารชนิดนั้นถ้ากินหมดทั้งถุงมี 2 หน่วยบริโภค โดย 1 หน่วยบริโภคจะมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม แสดงว่าทั้งถุงนี้จะมีคาร์โบไฮเดรต 15 x 2 = 30 กรัม เป็นต้น
การทำอาหารที่บ้าน
ในการหาว่าปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารที่ทำเองมีอยู่เท่าไรนั้น คุณจะต้องรู้ก่อนว่าจะประมาณปริมาณคาร์โบไฮเดรตจากส่วนประกอบของอาหารอย่างไร คุณสามารถสืบค้นจากหนังสือหรือเว็บไซต์เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายชื่อของอาหารที่ทำบ่อยๆ และปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่มีในอาหารประเภทนั้น
คุณสามารถกะประมาณปริมาณคาร์โบไฮเดรตได้จากการชั่ง หรือตวง อาหารชนิดนั้น เช่น ฉลากโภชนาการบอกว่า 1 ถ้วยครึ่งของซีเรียลนี้มีคาร์โบไฮเดรต 45 กรัม ดังนั้นถ้าจะรับประทานครึ่งถ้วยก็จะมีคาร์โบไฮเดรตอยู่ 15 กรัม และถ้ารับประทาน 1 ถ้วย ก็จะมีคาร์โบไฮเดรตอยู่ 30 กรัม
การรับประทานอาหารนอกบ้าน
บางร้านอาหารจะให้ข้อมูลโภชนาการกำกับไว้ที่รายการอาหาร โดยจะบอกเป็นปริมาณคาร์โบไฮเดรตไว้ด้วย
ฉันสามารถรับประทานของหวานหรืออาหารและเครื่องดื่มผสมน้ำตาลได้หรือไม่
ได้ คุณสามารถรับประทานของหวาน และอาหาร และเครื่องดื่มผสมน้ำตาลได้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องจำกัดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เพราะจะทำให้ได้พลังงานมาก ในขณะที่ได้วิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารต่ำ อาหารที่มีใยอาหารสูง ได้แก่ ธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ขัดสี ผัก ผลไม้ และถั่ว
แทนที่จะรับประทานของหวานทุกวัน แนะนำให้รับประทานทีละน้อยๆ และไม่ต้องเพิ่มในมื้ออาหารอีก แนะนำให้ปรึกษานักกำหนดอาหารหรือนักโภชนาการเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาล ของหวานที่ควรรับประทานในแผนการรับประทานของคุณ
การเติมน้ำตาลคืออะไร
การเติมน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่ม เป็นการเติมเพิ่มลงไปในอาหาร ส่วนน้ำตาลจากธรรมชาติ เช่น ในนมและในผลไม้ ไม่ใช่การเติมน้ำตาล แต่เป็นคาร์โบไฮเดรต อาหารที่พบบ่อยว่ามีการเติมน้ำตาลลงไป เช่น
- น้ำอัดลมที่มีรสหวาน น้ำผลไม้ เครื่องดื่มให้พลังงานสำหรับนักกีฬา และเครื่องดื่มชูกำลัง
- ขนมหวานที่แปรรูปมาจากธัญพืช เช่น ขนมเค้ก คุ้กกี้ และโดนัท
- ขนมหวานที่ทำจากนม เช่น ไอศกรีม โยเกิร์ตรสหวาน และนมรสหวาน
- ลูกอม
การอ่านส่วนประกอบของอาหารและเครื่องดื่มจะช่วยให้คุณรู้ได้ว่าอาหารชนิดนั้นมีการเติมน้ำตาลหรือไม่ โดยสังเกตจากคำดังต่อไปนี้
- น้ำตาล น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายแดง
- น้ำเชื่อมข้าวโพด น้ำเชื่อมมอลต์
- น้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีฟรุกโตสสูง – มักใช้ทำน้ำอัดลม และน้ำผลไม้
- น้ำผึ้ง น้ำอ้อย
- เดกซ์โทรส ฟรุกโตส กลูโคส แลคโตส และซูโคส
การวางแผนอาหารเพื่อสุขภาพ ให้จำกัดปริมาณอาหารและเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาล
จะรู้ได้อย่างไรว่าการนับคาร์โบไฮเดรตนั้นเหมาะสำหรับตัวเรา
การตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดด้วยเครื่องเจาะวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง จะช่วยให้รู้ว่าการนับคาร์โบไฮเดรตดีสำหรับคุณหรือไม่
คุณควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลสะสมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง การตรวจระดับน้ำตาลสะสมจะสะท้อนให้เห็นถึงระดับน้ำตาลกลูโคสเฉลี่ยในเลือดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ถ้าระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงเกินไป คุณอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการรับประทานอาหารที่วางไว้ หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น คุณต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือมีการปรับเปลี่ยนยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน เป็นต้น ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนใดๆ เพื่อควบคุมโรคเบาหวานที่เป็น
หากคุณใช้เครื่องอินซูลินปั๊มหรือฉีดยาอินซูลินมากกว่าวันละ 1 ครั้ง ให้ปรึกษาแพทย์ว่าจะต้องมีการปรับขนาดยาอินซูลินอย่างไรเมื่อมีการรับประทานอาหารที่ไม่ได้อยู่ในแผนการรับประทานที่ได้วางไว้
ฉันจะใช้วิธีนับคาร์โบไฮเดรตระหว่างการตั้งครรภ์ได้หรือไม่
คุณสามารถใช้การนับคาร์โบไฮเดรตเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสระหว่างการตั้งครรภ์ได้ การควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสให้ได้ตามเป้าหมายระหว่างตั้งครรภ์จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณและทารกในครรภ์ ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่สูงระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลเสียต่อทารกและเพิ่มโอกาสที่ทารกจะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคตเมื่อโตขึ้นได้
ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สามารถใช้การนับคาร์โบไฮเดรตเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการนับคาร์โบไฮเดรตเพื่อช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดระหว่างการตั้งครรภ์
ข้อควรจำ
- การนับคาร์โบไฮเดรต เป็นเครื่องมือในการวางแผนการรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือ 2 โดยจะเป็นการนับปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน
- คาร์โบไฮเดรตเป็นหนึ่งในสารอาหารหลักที่พบในอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบด้วย น้ำตาล แป้ง และใยอาหาร
- การนับคาร์โบไฮเดรตสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะว่าคาร์โบไฮเดรตจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าอาหารชนิดอื่น
- คาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนสำคัญของการวางแผนอาหารสุขภาพดี เพราะเป็นส่วนที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย อาหารจำนวนมากที่มีคาร์โบไฮเดรต จะมีวิตามิน และเกลือแร่ที่สำคัญด้วย และยังเป็นแหล่งของใยอาหารที่ดี ซึ่งจะช่วยป้องกันการท้องผูก ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยควบคุมน้ำหนักตัว
- ในการนับคาร์โบไฮเดรต คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอาหารอะไรบ้างที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นองค์ประกอบ และเรียนรู้เกี่ยวกับการประมาณปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่มีในอาหารนั้นๆ ในหน่วยกรัม เมื่อนับได้แล้วให้รวมเป็นปริมาณที่ได้รับต่อวัน
- อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ ธัญพืช ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนม ผัก ถั่ว ขนมขบเคี้ยว ของหวาน และเครื่องดื่มผสมน้ำตาล เมื่อคุณรับประทานคาร์โบไฮเดรต ระบบย่อยอาหารจะย่อยน้ำตาลและแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคส
- เพื่อให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คุณจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างการรับประทานคาร์โบไฮเดรต การออกกำลังกาย และยารักษาโรคเบาหวานหรือการฉีดอินซูลิน
- ฉลากโภชนาการที่อยู่บรรจุภัณฑ์อาหารจะบอกปริมาณหน่วยบริโภคของอาหาร ปริมาณกรัมของคาร์โบไฮเดรตต่อหน่วยบริโภค และข้อมูลสารอาหารอื่นๆ
- อาหารและเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาลลงไป จะมีคาร์โบไฮเดรตสูง มีพลังงานสูง แต่มีวิตามิน เกลือแร่และใยอาหารต่ำ ใยอาหารจะพบมากในธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ขัดสี ผัก ผลไม้ และถั่ว