“Anaphylactic Shock” หรือที่เรียกว่า “อาการช็อกจากการแพ้อย่างรุนแรง” จัดเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาการแพ้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วร่างกาย จนส่งผลให้เกิดภาวะช็อก หมดสติ และอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการ Anaphylactic Shock จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และคนรอบข้าง เพราะเมื่อผู้ป่วยเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจะได้ปฐมพยาบาลด้วยตัวเอง หรือบุคคลใกล้ชิดให้ความช่วยเหลือได้
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
รู้จักกับ Anaphylactic Shock
การแพ้ชนิดรุนแรงทางการแพทย์เรียกว่า “แอแนฟิแล็กซิส (Anaphylaxis)” แต่ในเวชปฏิบัติอาจเรียกว่า Anaphylactic Shock ในการแพ้รุนแรงมาก โดยเฉพาะจากการแพ้ยา ซึ่งมีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน
อาการแพ้ชนิดรุนแรง คืออาการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วร่างกายเมื่อผู้ป่วยสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ จัดเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ช็อก หมดสติ หัวใจล้มเหลว และเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
สาเหตุของการแพ้ชนิดรุนแรง
สาเหตุของการแพ้ชนิดรุนแรง สามารถแยกได้ตามกลไกลการเกิดโรค ดังนี้
1. Immunologic mechanisms ชนิด IgE-dependent
- แพ้อาหาร เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในการเกิดอาการแพ้ชนิดรุนแรง เช่น แพ้อาหารทะเล นม ไข่ หรือกลูเตนในแป้งสาลี
- แพ้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาในกลุ่ม Beta-lactams (Penicillin, Cephalosporin), Sulfonamides, Quinolones หรือ Macrolides
- แพ้แมลง โดยเฉพาะแมลงตระกูลไฮมีนอพเทรา (Hymenoptera) ได้แก่ ต่อหัวเสือ แตน ผึ้ง และกลุ่มมดมีพิษ
- แพ้ไรฝุ่นที่ปนเปื้อนมาในอาหารจำพวกแป้ง
- สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergens) จากสัตว์เลี้ยง หรือละอองเกสรดอกไม้
- แพ้วัคซีนภูมิแพ้ (Allergen immunotherapy)
- สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ เช่น ยางธรรมชาติ น้ำอสุจิ (พบได้น้อยมาก)
2. Immunologic mechanisms ชนิด IgE-independent
ตัวอย่างสารที่ทำให้เกิดการแพ้ชนิดรุนแรงในกลไกนี้
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- กลุ่มยาแก้อักเสบชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
- สารทึบรังสี (Radiocontrast media)
- สารภูมิต้านทานโมโนโคลนอล (Monoclonal antibodies)
- โปรตามีน (Protamine)
สารบางชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้ชนิดรุนแรงได้มากกว่า 1 กลไก
3. Non-Immunologic mechanisms
เป็นการแพ้ชนิดรุนแรงที่เกิดจากการกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมสต์เซลล์ (Mast cell) โดยตรง
- เกิดจากปัจจัยทางกายภาพ เช่น การออกกำลังกาย ความร้อน ความเย็น และแสงแดด
- เอทานอล (Elthanol)
- ยากลุ่มโอปิออยด์ (Opioids)
4. Idiopathic anaphylaxis
- ชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุของการแพ้ชนิดรุนแรง
ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการแพ้ชนิดรุนแรง
- อายุ ในเด็ก และวัยรุ่นจะพบว่า อาหารเป็นสาเหตุของการแพ้ชนิดรุนแรง ในขณะที่ผู้ใหญ่มักเกิดจากยา ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่า
- โรคประจำตัวของผู้ป่วย เช่น การใช้ยารักษาโรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ และโรคหืด จะทำให้การตอบสนองยาอิพิเนฟริน (Epinephrine) ยารักษาอาการแพ้ชนิดรุนแรงลดลง นอกจากนี้ยังมีโรคบางชนิดที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรือการแสดงอาการของภูมิแพ้อีกด้วย
- ยาที่ผู้ป่วยใช้ มียาหลายชนิดที่ส่งผลต่อการแสดงอาการแพ้ชนิดรุนแรงให้ช้าลง เช่น ยานอนหลับ หรือยาเบต้าบล็อกเกอร์ และมียาบางตัวที่หากกินร่วมกันสามารถทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้ ดังนั้นก่อนใช้ยาทุกชนิดจะต้องสอบถามแพทย์ หรือเภสัชกร
- ปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดการแพ้ชนิดรุนแรง เช่น ความเครียด การติดเชื้อ ภาวะก่อนมีประจำเดือน การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานยาแอสไพริน (Aspirin) ร่วมกับออกกำลังกาย ปัจจัยเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้รุนแรงได้
หากสงสัยว่า เป็นโรคภูมิแพ้ แนะนำให้ตรวจภูมิแพ้เพื่อดูว่า แพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด และอาการแพ้รุนแรงมากน้อยแค่ไหน โดย 2 วิธีตรวจภูมิแพ้ที่นิยมคือ การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยวิธีสะกิด
(Skin Prick Test: SPT) และการตรวจเลือดเพื่อหา specific IgE antibody (sIgE)
อาการแพ้ชนิดรุนแรง
อาการแพ้ชนิดรุนแรงมักเกิดภายใน 5-30 นาที หลังได้รับสิ่งกระตุ้น แต่อาจเกิดช้ากว่านี้ในสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากอาหาร ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงหลังบริโภค
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
โดยอาการแพ้ชนิดรุนแรงที่พบมากที่สุด คืออาการแพ้ทางผิวหนัง ได้แก่ ผื่นลมพิษ และบวมที่ปาก ลิ้น และเพดานอ่อน (Angioedema)
อาการแพ้ชนิดรุนแรงอื่นๆ มีดังนี้
- ระบบผิวหนัง เช่น ผื่นแดง หรือคันโดยไม่มีผื่น
- ระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงวี๊ด บวมในระบบหายใจส่วนบน เยื่อบุจมูกอักเสบ คัดจมูก น้ำมูกไหล เสียงแหบ หรือสมรรถภาพของปอดลดลง
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น เวียนศีรษะ เป็นลม หรือความดันโลหิตลดลง
- ระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง หรือปวดท้อง
- ระบบอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ แน่นหน้าออก ชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง อุจจาระ หรือปัสสาวะราด
รู้ได้อย่างไรว่า แพ้ชนิดรุนแรง?
เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะแพ้ชนิดรุนแรงแบ่งเป็น 3 เกณฑ์ ดังนี้
- มีอาการแพ้เฉียบพลัน (เกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที หรือไม่กี่ชั่วโมง) ของระบบผิวหนัง ร่วมกับอาการในระบบอื่นๆ
- มีอาการแพ้เฉียบพลันในระบบร่างกายต่างๆ ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป หลังสัมผัสกับสารที่น่าจะเป็นสารก่อภูมิแพ้
- ความดันโลหิตลดลงเฉียบพลันหลังสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ที่ทราบอยู่แล้ว
- เด็กจะมีค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic) ต่ำกว่าความดันปกติตามเกณฑ์ หรือลดลงมากกว่า 30% ของความดันโลหิตตัวบนเดิม โดยค่าความดันโลหิตตัวบนต่ำในเด็กคือ
- น้อยกว่า 60 mmHg ในเด็กอายุ 0-28 วัน
- น้อยกว่า 70 mmHg ในเด็กอายุ 1 เดือนถึง 1 ปี
- น้อยกว่า 70 mmHg + (2 x อายุเป็นปี) ในเด็กอายุ 1-10 ปี
- น้อยกว่า 90 mmHg ในเด็กอายุ 11-17 ปี เช่นเดียวกับผู้ใหญ่
- ผู้ใหญ่จะมีค่าความดันโลหิตตัวบนน้อยกว่า 90 mmHg หรือลดลงมากกว่าร้อยละ 30%
- เด็กจะมีค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic) ต่ำกว่าความดันปกติตามเกณฑ์ หรือลดลงมากกว่า 30% ของความดันโลหิตตัวบนเดิม โดยค่าความดันโลหิตตัวบนต่ำในเด็กคือ
แนวทางการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการแพ้ชนิดรุนแรง
- ประเมิน และแก้ไขระบบทางเดินหายใจ ให้ผู้ป่วยหายใจได้ปกติ และระบบการไหลเวียนของเลือดของผู้ป่วยก่อน
- ฉีดยาอิพิเนฟริน ปกติแล้วผู้ป่วยจะได้รับยาฉีดชนิดนี้ไว้พกติดตัวเมื่อถูกวินิจฉัย หรือมีประวัติว่า เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรง โดยต้องให้ทันทีเมื่อเกิดอาการ และให้ฉีดซ้ำทุก 5-15 นาที
- ให้รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล
วิธีรักษาระยะยาว และป้องกันการเกิดอาการแพ้ชนิดรุนแรง
- ผู้ป่วย และบุคคลใกล้ชิด ควรเรียนรู้เกี่ยวกับภาวะแพ้ชนิดรุนแรง เช่น สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง และวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการแพ้รุนแรงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- พกบัตรประจำตัวผู้ป่วย
- พกยาฉีดอิพิเนฟรินติดตัวตลอดเวลา
- พกยาแก้แพ้อื่นๆ เช่น ยาต้านฮิสทามีนชนิด H1 ที่ไม่ทำให้ง่วง (non-sedating H1-antihistamines) เพรดนิโซโลน (Prednisolone) ยาขยายหลอดลม และยาอื่นๆ ที่แพทย์เห็นสมควร
- หากเกิดภาวะแพ้ชนิดรุนแรงหลังถูกแมลงกัดต่อย ควรฉีดวัคซีนภูมิแพ้เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแพ้ชนิดรุนแรงในครั้งต่อไป
- ยาหลายชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้รุนแรงได้ ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
อาการแพ้ชนิดรุนแรงจัดเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยสามารถเกิดได้จากสารก่อภูมิแพ้ทุกชนิด ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากสงสัยว่า ตนเองเป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้อาหาร หรือภูมิแพ้อาหารแฝง ควรไปตรวจภูมิแพ้
การตรวจภูมิแพ้จะทำให้รู้ว่า ตนเองแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด และมีอาการแพ้รุนแรงมากน้อยแค่ไหน นอกจากจะช่วยป้องกันการกำเริบของโรคภูมิแพ้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับมือกับอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น และใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยจากโรคภูมิแพ้ด้วย
ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android