September 19, 2018 23:41
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ความเครียดนั้นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันแต่ความเครียดนั้นไม่ควรมากเกินไปครับ และความเครียดเองก็มีผลต่อการเกิดอาการทางกายได้เช่นกัน ดังเช่นในกรณีนี้ อาการปวดศีรษะ หายใจไม่ทันก็อาจเป็นผลมาจากความเครียดได้ครับ
เมื่อมีความเครียดแล้วสิ่งที่ควรทำ คือ หาทางระบายความเครียดให้กับตัวเองอย่างเหมาะสม คือ เป็นวิธีการระบายความเครียดที่สามารถช่วยให้ตัวเองดีขึ้นได้ และเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เช่น การปล่อยวางปัญหางานให้อยู่ส่วนงาน เมื่อเสร็จงานก็เป็นช่วงที่ให้เวลากับตัวเองมากขึ้น หาเพื่อนที่ไว้ใจได้ในการพูดคุยระบายความในใจต่างๆ ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย เล่นโยคะ ฟังเพลง วาดรูป ทำกิจกรรมกับเพื่อน
แต่ถ้าหากความเครียดที่เกิดขึ้นมีมากเกินไปก็สามารถไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการและหาทางจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสมเพิ่มเติมได้ครับ นอกจากนี้ในกรณีที่มีอาการเครียดมากๆจนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตในด้านต่างๆก็อาจเป็นผลมาจากโรคทางจิตใจบางอย่างได้ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคความผิดปกติในการปรับตัวกับความเครียด เป็นต้น ซึ่งทางจิตแพทย์ก็จะมีการประเมินโรคเหล่านี้ไปพร้อมๆกับการประเมินปัญหาในด้านอื่นๆครับ
นอกจากนี้อาการปวดศีรษะ หายใจไม่สะดวก เจ็บหน้าอกก็อาจเป็นจากสาเหตุทางกายโดยตรงได้ เช่น โรคหัวใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ไทรอยด์เป็นพิษ หอบหืด ในกรณีที่มีอาการทางกายร่วมด้วยก็ควรไปพบแพทย์อายุรกรรมเพื่อตรวจประเมินอาการทางกายด้วยเช่นกันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นจากทั้งสภาพแวดล้อมทั้งชีวิตในบ้านหรือการทำงานสามารถทำให้เกิดอาการปวดตามที่ต่างๆหรือส่งผลกระทบกับร่างกายในรูปแบบที่ต่างๆกันได้ครับ ผมเป็นห่วงในเรื่องของความรู้สึกอึดอัดและไม่สามารถหาคนพูดคุยได้ ความเครียดจากสิ่งแวดล้อมและการดำเนินชีวิตประจำวันเหล่านี้เบื้องสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการทำกิจกรรมที่เราชอบ หรือ หากเป็นไปได้ลองนำตัวเองออกมาจากสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เราเครียดครับ หรือการเปลี่ยนกิจกรรมที่ตนเองทำอยู่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้ครับ หากิจกรรมใหม่ทำเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ตนเองอาจจะนำมาซึ่งความสนุก ความสงบที่สามารถบรรเทาความเครียดของเราลงได้ครับ
การพูดคุยกับนักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนะครับที่จะสามารถช่วยให้คุณได้มีผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้นนะครับ ซึ่งผมอยากให้ลองหาข้อมูลในส่วนนี้ดูว่ามีคลินิกหรือโรงพยาบาลไหนใกล้บ้านที่มีบริการทางด้านการให้คำปรึกษาเหล่านี้ไหม หากไม่สะดวกหรือไม่ต้องการจะเข้าพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ สายด่วนสุขภาพจิต ของกรมสุขภาพจิตก็มีบริการทางโทรศัพท์ที่คุณสามารถโทรไปปรึกษาในเรื่องการจัดการความเครียดได้ครับ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลสุขภาพจิตและบริหารความเครียดของคุณเองนะครับ การพักผ่อนและการมีเวลาให้ตนเองเป็นสิ่งสำคัญมากในการดูแลสภาพจิตใจและบริหารความเครียดของตนเองครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
เบื้องต้นลองทำแบบเมินความเครียดด้วยตนเอง โดยสำรวจจากอาการภายใน 1-2 เดือน ว่ามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน โดยให้คะแนนตามระดับความรุนแรงของอาการดังนี้
ไม่เคยเลย 0 คะแนน
ครั้งคราว 1 คะแนน
บ่อยๆ 2 คะแนน
ประจำ 3 คะแนน
1. นอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องกังวลใจหรือคิดมาก
2. รู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ
3. ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะประสาทตึงเครียด
4. รู้สึกวุ่นวายใจ
5. ไม่อยากพบปะผู้คน
6. ไม่มีความสุข รู้สึกเศร้าหมอง
7. ปวดหัวข้างเดียวหรือปวดขมับ 2 ข้าง
8. รู้สึกหมดหวังในชีวิต
9. รู้สึกว่าชีวิตตนเองไร้คุณค่า
10. กระวนกระวายตลอดเวลา
11. ขาดสมาธิ
12. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงที่จะทำอะไร
13. เหนื่อยหน่ายไม่อยากทำอะไร
14. ใจเต้นแรง
15. เสียงสั่น ปากสั่น มือสั่นเมื่อรู้สึกไม่พอใจ
16. กลัวผิดพลาดในการทำสิ่งต่างๆ
17. ปวดเกร็งบริเวณท้ายทอย หลัง ไหล่
18. ตื่นเต้นง่ายกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
19. มึนงง วิงเวียนศีรษะ
20. ความสุขทางเพศลดลง ขาดความใส่ใจในการดูแลตัวเอง
หากรวมคะแนนได้มากกว่า 17 คะแนน หมายความว่ามีความเครียดในระดับที่สูงกว่าปกติ ควรเข้ารับการบำบัดรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งอาจมีทั้งการใช้ยาเพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด สอนทักษะการจัดการความเครียด และฝึกปรับความคิดในแง่บวก ซึ่งจะช่วยให้ปรับตัวกับความเครียดหรือปัญหาเหล่านั้นได้
ในกรณีที่แคร์คนรอบข้างมากกว่าตัวเอง อยากแนะนำให้คุณกลับมาโฟกัสที่ตัวเอง ถามตัวเองว่าทุกวันนี้เราทำทุกอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง หากเราทำเต็มที่แล้ว ตัวเราไม่เดือดร้อน คนอื่นไม่เดือดร้อน ก็เพียงพอแล้ว เราไม่สามารถบังคับให้ใครๆมาเข้าใจเราได้ แต่เราต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คนที่เคยดีๆกันอาจกลายเป็นศัตรูเกลียดกันได้ เป็นเรื่องธรรมดา คนที่เคยเกลียดกันก้อาจจะกลับมาดีเป็นเพื่อนสนิทกันได้เช่นกัน ดังนั้นทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไขและบางปัญหาเราไม่จำเป็นต้องพยายามแก้หรือไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่รอให้เวลาจัดการปัญหานั้น และเราก็แค่ดูแลตัวเอง ดูแลสภาพจิตใจของตัวเอง ไม่ยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น ใครจะคิดเช่นไรมันเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา หาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ ทำให้ผ่อนคลาย ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตตามปกติ ใครพูดด้วยก็พูด ใครไม่พูดก็ช่างเขา ถ้าทำได้ชีวิตคุณก็จะมีความสุขมากขึ้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ช่วงนี้เครียดจากสภาพแวดล้อมต่างๆปรึกษาใครไม่เราอึดอัดในใจแม้แต่คนในครอบครัวยังซ้ำเติมที่ทำงานที่คิดว่าดีกลับกลายจากขาวเป็นดำทัศนคติเราเริ่มเปลี่ยนความเครียดสะสมมาระยะยาวรู้สึกปวดหน้าอกข้างซ้ายรุนแรงบางครั้งปวดหัวปวดตาชั่วขณะบางครั้งหายใจไม่ทัน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)