มีหลายเหตุการณ์ที่คุณต้องอดทน เช่น การรอโทรศัพท์เกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน หรือรอให้แต่ละวันในสัปดาห์ผ่านไปก่อนที่จะถึงวันศุกร์ แต่ไม่มีอะไรจะเป็นสิ่งที่ท้าทายความอดทนของคุณได้เท่ากับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูกของคุณเองอีกแล้ว
มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหมดความอดทน ตะโกนและพูดบางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่ได้ตั้งใจออกไป หรือแสดงพฤติกรรมไม่ดีแทนที่การพยายามควบคุมอารมณ์ สิ่งที่ดีก็คือ ขณะที่คุณกำลังพยายามพัฒนาพฤติกรรมของพวกเขา คุณก็ได้มีโอกาสพัฒนาพฤติกรรมของตนเองด้วย และนี่คือ 4 วิธีที่สามารถช่วยให้คุณเป็นผู้ปกครองที่มีความอดทนมากขึ้น
1. มองผ่านดวงตาของเด็ก
การเป็นผู้ใหญ่ทำให้เราต้องเร่งรีบกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ความเร็วเป็นสิ่งที่ดี แต่หากเร็วได้มากกว่าเดิมก็ยิ่งดีกว่า แต่สำหรับเด็ก 5 ขวบแล้วพวกเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น หากเขากำลังสนุกกับสิ่งที่กำลังทำ พวกเขาก็อยากจะทำสิ่งนั้นให้นานขึ้น แม้ว่าจะหมายถึงว่าต้องใช้เวลาเกินกว่าที่กำหนดไว้ก็ตาม และพ่อแม่ซึ่งมักจะเครียดก็อาจจะใช้เรื่องนี้มาเป็นบทเรียนจากลูก ลองทำทุกอย่างให้ช้าลงและมีความสุขกับระหว่างทางที่เกิดขึ้น
2. วางแผนล่วงหน้า
สำหรับเด็ก ๆ แล้วทุกสิ่งจะต้องใช้เวลานานมากกว่าที่คิดไว้เสมอไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปร้านค้า การวางแผนเผื่อเวลาล่วงหน้าจะทำให้คุณไม่ต้องรีบเร่งเพื่อให้ไปทันเวลา ควรวางแผนล่วงหน้าถึงสิ่งที่ลูกของคุณจะต้องใช้ เช่น เตรียมเสื้อผ้าตั้งแต่ตอนกลางคืน หรือจัดขนมใส่กระเป๋าเพื่อให้เด็กๆ ไม่ส่งเสียงดังขณะที่คุณกำลังซื้อของ
การฝึกความอดทนจะทำได้ง่ายขึ้นเมื่อคุณพร้อมที่จะเจอปัญหาที่คุณรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอกับอะไร
3. ระบุปัจจัยที่กระตุ้นความโกรธ
อาจไม่ใช่พฤติกรรมของเด็กที่ทำเสมอไปที่ทำให้คุณหมดความอดทน บางครั้งมันก็เป็นความหงุดหงิดที่ตามมาตั้งแต่ในที่ทำงานที่ทำให้คุณหมดความอดทนกับลูก หรือเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหมือนคนรับใช้ (สำหรับลูกและคนอื่นๆ )
ดังนั้นเมื่อคุณเห็นลูกของคุณทิ้งเสื้อคลุมไว้ที่พื้นอีกครั้ง หรือว่าใช้เวลาแปรงฟันในตอนเช้านานเกินไปก็อาจจะทำให้คุณสติแตกได้ หากคุณพบกิจกรรมที่มักจะทำให้คุณสูญเสียความอดทนคุณอาจจะลองวางแผนการเล่นที่ช่วยให้คุณยังสงบอยู่ได้ซึ่งอาจจะเป็นวิธีการที่ช่วยลดความเครียดได้ด้วย เช่น การตั้งกฎภายในบ้านที่จะช่วยลดภาระของคุณ เช่น ให้ลูก ๆ เก็บของให้เข้าที่เมื่อกลับมาจากโรงเรียน และสร้างวิธีที่ทำให้คุณช่วยลดความเครียด เช่น พูดคุยกับเจ้านายเกี่ยวกับตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
4. อดทนกับตัวเอง
ทุก ๆ คนไม่ว่าจะเป็นคนที่ใจดีขนาดไหนก็ตามก็ล้วนแต่เคยหมดความอดทนด้วยกันทั้งนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นพ่อแม่ที่แย่แต่หมายความว่าคุณก็เป็นคนคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามคุณอาจจะหมดความอดทนได้ง่ายยิ่งขึ้นหากคุณไม่ดูแลตัวเอง คิดถึงครั้งสุดท้ายที่คุณได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อตนเองไม่ว่าจะเป็นการออกไปทานข้าวเย็นกับเพื่อน ออกไปวิ่ง หรืออาบร้อน
ยิ่งคุณมีเวลาให้กับตัวเองน้อยลงเท่าไหร่ คุณก็จะหมดความอดทนกับทุกคนรอบตัวขึ้นได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และเมื่อทุกอย่างล้มเหลว ควรเริ่มกลับมาที่วิธีการที่ง่ายที่สุดเช่นการนับ 1 ถึง 10 ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป หายใจเข้าออกลึก ๆ ตลอดการนับ เพราะความอดทนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเช่นเดียวกับกล้ามเนื้อที่อาจจะยังไม่แข็งแรงมากนักในตอนนี้แต่เมื่อฝึกไปเรื่อย ๆ ก็จะดีขึ้น