นักเรียนที่เข้ามาเรียนในชั้นนั้นมีความสามารถและทักษะที่แตกต่างกัน และด้วยเหตุผลนี้ ผู้สอนส่วนใหญ่จึงทราบว่าบางครั้งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนเพื่อให้เข้ากับนักเรียนในห้อง อย่างไรก็ตามเมื่อมีนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้อยู่ในห้อง ก็ยิ่งทำให้ความบกพร่องนี้ส่งผลต่อประเภทของความช่วยเหลือที่พวกเขาควรจะได้รับเพื่อให้ประสบความสำเร็จทางการเรียน แม้ว่าเด็กแต่ละคนจะมีวิธีการเรียนที่แตกต่างกัน แต่วิธีต่อไปนี้ คือ วิธีที่ดีที่สุด (บางส่วน) ที่จะช่วยให้นักเรียนที่มีความบกพร่องประสบความสำเร็จได้ที่โรงเรียน
1. เข้าร่วมการคัดกรองระยะแรก – การสามารถระบุความบกพร่องทางการเรียนรู้จองเด็กเป็นสิ่งที่จำเป็นในระยะยาว โรงเรียนควรเริ่มจากการคัดกรองความบกพร่องตั้งแต่ช่วงเด็กเล็กและในทุกครั้งที่มีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาในโรงเรียน เพื่อเริ่มต้นกระบวนการช่วยเหลือต่อไป ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถเริ่มต้นการได้รับความช่วยเหลือก่อนที่พวกเขาจะพลาดหัวข้อสำคัญ เช่น การอ่าน
2. วางแผนการสอนเฉพาะบุคคล – เมื่อเด็กได้รับการวินิจฉัยว่ามีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ทำให้ต้องเริ่มมีการวางแผนการเรียนเฉพาะบุคคลขึ้น เพื่อระบุด้านที่เด็กอาจมีปัญหาและให้ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมเพื่อให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
3. เพิ่มการเข้าถึง – เด็กนักเรียนควรสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระภายในโรงเรียนเพื่อให้ใช้ความสามารถได้เต็มที่ ดังนั้นควรมีการติดตั้งทางเดินในรถเข็น ราวจับ หรืออุปกรณ์ช่วยเหลือประเภทอื่นๆ ในทุกบริเวณที่เด็กอาจต้องมีการเดินทางไป สำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ นี่อาจจะหมายถึงการเข้าถึงอุปกรณ์การเรียนในรูปแบบที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้
4. ให้ความรู้ครูและเจ้าหน้าที่ – เนื่องจากความบกพร่องนี้สามารถเป็นได้หลายภาวะ ดังนั้นจึงพบครูและเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีประสบการณ์กับความบกพร่องบางประเภทได้บ่อย อย่างไรก็ตามหากพวกเขาได้รับความรู้ว่าจะสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องดังกล่าวที่โรงเรียนได้อย่างไร ก็จะทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองสามารถช่วยเหลือนักเรียนให้ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
5. บริหารจัดการเทคโนโลยี – ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เด็กที่มีความบกพร่องสามารถได้รับความช่วยเหลือให้ห้องเรียนได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น เครื่องมือแปลงเสียงพูดเป็นตัวอักษร ช่วยให้เด็กที่มีความบกพร่องทางการเขียนสามารถบันทึกข้อมูลลงบนคอมพิวเตอร์ได้ นอกจากนั้นสื่อรูปแบบอื่นๆ เช่น วีดีโอไฟล์เสียง จะช่วยให้ครูสามารถนำเสนอความรู้ใหม่ได้ในหลายรูปแบบ
6. ตารางสอนยืดหยุ่น – เด็กที่มีความบกพร่องมักต้องการเวลามากกว่าคนอื่นเพื่อเข้าเรียนและทำการบ้านให้เสร็จ และเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้อาจต้องการเวลาเพิ่มเติมเมื่อพวกเขาทำการสอบ นอกจากนั้นนักเรียนที่มีความบกพร่งอทางด้านสมาธิอาจต้องการเวลาพักจากการทำงานบ่อยๆ และเมื่อสามารถจัดตารางสอนให้ยืดหยุ่นได้ก็จะทำให้ช่วยลดความหงุดหงิดและความเครียดได้
7. เสนอแหล่งข้อมูลให้พ่อแม่ – พ่อแม่ที่ให้การสนับสนุนมีผลอย่างมากต่อการเรียนของเด็ก เมื่อเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้กลับบ้านมาพร้อมกับการบ้าน มักจะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องหาวิธีช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้และทำการบ้านได้ ดังนั้นการที่พ่อแม่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเพื่อช่วยให้การสนับสนุนด้านอารมณ์ สอนวิธีให้พวกเขาช่วยเหลือลูกและให้ข้อมูลเกี่ยวกับความบกพร่องของลูกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
8. ให้การสนับสนุนจนจบระดับมหาวิทยาลัย – บ่อยครั้งที่กว่านักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้พบว่าเครือข่ายที่ช่วยสนับสนุนพวกเขาค่อยๆ หายไปเมื่อพวกเขาเรียนจบ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัยอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเด็กกลุ่มนี้ เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดของเด็กส่วนใหญ่คือการเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยดังนั้นพวกเขาจึงต้องการการช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถผ่านการเรียนรู้ระดับนี้ไปได้
การช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จที่โรงเรียนต้องการการเข้าถึงจากรอบด้านซึ่งรวมถึงกลุ่มเครือข่ายช่วยเหลือที่ประกอบด้วย ผู้สอน ผู้บริหารโรงเรียน นักบำบัด และพ่อแม่ เมื่อแต่ละคนตั้งเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนในชั้นเรียน ในโรงเรียนและที่บ้านก็จะทำให้นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้สามารถสร้างทักษะที่พวกเขาต้องการเพื่อที่จะก้าวผ่านความท้าทายและประสบความสำเร็จทางการศึกษา