ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือ ภาวะที่ระดับความดันในหลอดเลือดภายในร่างกาย เพิ่มสูงเกินกว่าค่าปกติ โดยความดันโลหิต จะแบ่งเป็น 2 ค่า ได้แก่ ความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว (Systolic) และ ความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว (Diastolic) ซึ่งในผู้ที่มีค่าความดันทั้งสองชนิด มากกว่า 140 และ 90 มม. ปรอท ตามลำดับ จะถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูง
ภาวะนี้เกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ อายุ โรคประจำตัว โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคไต ภาวะน้ำหนักเกิน เพศ การสูบบุหรี่และ การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น การรักษาภาวะความดันโลหิตสูงนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง โดยจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วยก่อน ดังเช่น การปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เป็นต้น แล้วค่อยเริ่มการใช้ยาเมื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตนั้นยังไม่ได้ผล
สูตรอาหารเสริม รวมสารสำคัญ 9 ชนิด สำหรับ เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ความดัน ไขมัน
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ยารักษาภาวะความดันโลหิตสูงมีหลากหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีกลไกการทำงาน และวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันด้วย ตามที่จะกล่าวต่อไป
ปัจจัยที่มีผลต่อความดันโลหิต
ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยดังนี้
- อายุ อายุที่มากขึ้นจะส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้
- ช่วงเวลาของวัน ความดันโลหิตทีระดับที่ไม่เท่ากันตลอดวัน เช่น ความดันโลหิตอาจจะสูงขึ้นในช่วงบ่าย และลดลงในตอนนอนหรือช่วงค่ำ
- สภาพอารมณ์และความเครียด ปัจจัยนี้มีผลต่อความดันโลหิตไมาก ความเครียดจะทำให้ความดันโลหิตสูงกว่าปกติได้ ขณะที่พักผ่อนความดันโลหิตก็จะสามารถกลับมาสู่ภาวะปกติ เมื่อรู้สึกเจ็บปวด หรืออารมณ์ไม่ดีก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้เช่นกัน
- เพศ โดยเพศชายจะเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากกว่าเพศหญิง
- พันธุกรรม ผู้ที่มีบิดาและมารดา หรือญาติพี่น่องสายตรง เป็นโรคความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติในครอบครัว
- สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่เคร่งเครียดหรือกดดัน ก็ทำให้มีแนวโน้มการเป็นโรคความดันสูง
- เชื้อชาติ พบว่าชาวแอฟริกันอเมริกันมีความดันโลหิตสูงมากกว่าชาวอเมริกันผิวขาว
- เกลือ หรืืออาหาร ผู้ที่บริโภคเกลือ อาหารเค็ม ของหมักดองมาก จะมีโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ที่กินเกลือน้อย
- การสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน จะส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้
ดังนั้นการปฏิบัติตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ให้เหมาะสม และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ส่งผลต่อความดันโลหิตเหล่านี้ ก็จะช่วยลดความดันโลหิต หรือป้องกันและหลีกเลี่ยงการเกิดโรคความดันโลหิตสูงในผู้ที่ยังไม่เป็นได้
แนวทางการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงโดยการใช้ยา
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตนั้น เป็นการรักษาพื้นฐานสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงทุกราย แต่นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตแล้ว แพทย์อาจจะต้องใช้ยา ในการลดความดันโลหิตในรายที่มีความดันโลหิตสูงเรื้อรัง และไม่สามารถควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติได้ เพื่อให้การรักษาได้ตามเป้าหมาย คือ การลดอัตราการเจ็บป่วยและอัตราตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคไต ทั้งนี้ การควบคุมระดับความดันเลือดให้ได้ตามเป้าหมาย คือต่ำกว่า 140/90 มม. ปรอท
แพทย์จะเลือกใช้ยาลดความดันโลหิตเริ่มต้นจากยา 4 กลุ่ม ต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
- Thiazide–type diuretics หรือ ยาขับปัสสาวะกลุ่มไธอะไซด์ เป็นยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อไต โดยมีผลลดปริมาณน้ำในระบบไหลเวียนโลหิต โดยการขับโซเดียมหรือเกลือ ออกจากร่างกาย
ตัวอย่างยาที่ใช้ในประเทศไทย ได้แก่ Hydrochlorothiazide (HCTZ) และ Indapamide ผลข้างเคียงที่สําคัญจากการใช้ยาขับปัสสาวะกลุ่มนี้คือ ก่อให้เกิดโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (hypokalemia) หรือมีอาการคือเหนื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อหรืออาจจะเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อ ปัสสาวะบ่อยครั้งในช่วงกลางวัน และอาจเป็นในช่วงกลางคืนด้วย
- Calcium channel blockers (CCBs) ยากลุ่มนี้จะไปปิดกั้นการไหลเข้าของแคลเซียมที่หลอดเลือดและที่หัวใจ มีผลให้หลอดเหลือดขยายตัวและหัวใจบีบตัวลดลง ช่วยลดความดันโลหิตลงได้
ตัวอย่างยาที่นิยมใช้ในประเทศไทย คือ Nifedipine Amlodipine Felodipine Diltiazem และ Verapamil ผลข้างเคียงสำคัญของยากลุ่มนี้คือ ท้องผูก หัวใจเต้นเร็ว ปวดศรีษะ เหนื่อยล้า หน้าแดง ข้อเท้าบวม
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจสูตรอาหารเสริม รวมสารสำคัญ 9 ชนิด สำหรับ เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ความดัน ไขมัน
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
กด - Angiotensin converting enzyme inhibitors (ACEIs) หรือเรียกว่า เอส อินฮิบิเตอร์ ออกฤทธิ์โดยยับยั้ง แองจิโอเทนซิน-คอนเวอร์ติง เอนไซม์ (Angiotensin-Converting Enzyme) ซึ่งปกติเอนไซม์ตัวนี้จะทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เมื่อยาไปยับยั้งเอนไซม์นี้ก็จะเกิดผลหลอดเลือดจะขยายตัวออก ทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ ยากลุ่มนี้ยังช่วยป้องกันโรคไตวายจากเบาหวานหรือเบาจืดได้อีกด้วย
ตัวอย่างยาที่ใช้ ได้แก่ enalapril lisinopril captopril และ ramipril แม้ว่ายากลุ่มนี้ จะเป็นยาที่มีผลขางเคียงต่ำ แต่อาจทําให้ผู้ป่วยมีอาการไอแห้ง และมีโพแทสเซียมในเลือดสูงได้โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตมาก่อน รวมทั้งอาจมีอาการปลายมือปลายเท้าบวมได้
- Angiotensin receptor blockers (ARBs) ยากลุ่มนี้มีหลักการทำงานคล้ายกับยากลุ่ม เอส อินฮิบิเตอร์ (ACEIs) แต่ตัวยาจะยับยั้งฤทธิ์ของแองจิโอเทนซิน-คอนเวอร์ติง เอนไซม์ (Angiotensin-Converting Enzyme) ได้สมบูรณ์กว่าโดย ยากลุมนี้มีประโยชน์ทางการรักษา และผลข้างเคียงที่คล้ายคลึงกับกลุ่ม เอส อินฮิบิเตอร์ (ACEIs) ยกเว้นไม่ทำให้อาการไอแห้ง และมีอาการปลายมือปลายเท้าบวมน้อยกว่ากลุ่ม เอส อินฮิบิเตอร์
ตัวอย่างยาที่นิยมใช้ ได้แก่ losartan irbesartan valsartan และ candesartan ผลข้างเคียงจากยาจะคล้ายกับเอส อินฮิบิเตอร์ คือ เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้ออ่อนแรง ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง เป็นต้น
ที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นยา 4 กลุ่มที่ควรเลือกใช้เป็นอันดับแรกในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง แต่หากใช้ยา 4 กลุ่มนี้ไม่ได้ผล หรือมีอาการแพ้ยา หรือมีโรคประตัวบางชนิดที่ไม่เหมาะสมกับการใช้ยา 4 กลุ่มนี้ ก็จะมียาทางเลือกรองลงมาที่แพทย์จะเลือกใช้ หรือให้ร่วมกับ 4 กลุ่มแรก เพื่อเพิ่มประสิทธะิภาพในการลดความดันโลหิตให้ได้ตามเป้าหมาย
ยาทางเลือกรองจะมี 2 กลุ่ม ดังนี้
- Beta blockers หรือ เบต้า บลอคเกอร์ ยากลุ่มนี้มีกลไกการออกฤทธิ์คือ ปิดกั้นตัวรับชนิด เบต้า (Beta receptors) บริเวณหลอดเลือดและหัวใจ ส่งผลให้ หัวใจเต้นช้าลงและมีแรงบีบลดลง
ยาที่นิยมใช้ มีดังนี้ Proprabolol Timolol Atenolol Bisoprolol Metoprolol และ Carvedilol โดยข้อบ่งใช้ของยากลุ่มนี้นั้นมีหลายภาวะ ดังนี้ ภาวะหัวใจล้มเหลวที่มีการบีบตัวของหัวใจบกพร่อง ภาวะหลังจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ดังนั้นแพทย์จะเลือกใช้ยานี้ลดความดันโลหิตก็ต่อเมื่อ ผู้ป่วยมีอาการที่เกี่ยวของกับภาวะข้างต้น
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของยา ได้แก่ หลอดลมหดเกร็ง (bronchospasm) หัวใจเต้นช้า นอนไม่หลับ อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย
- Alpha Blockers หรือ อัลฟา บลอคเกอร์ เป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ปิดกั้นตัวรับชนิดอัลฟา (alpha receptors) ที่กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ลดความดันโลหิต ทั้งยังสามารถนำมาใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia) เนื่องจากมีฤทธิ์ทำให้ปัสสาวะไหลดีขึ้น ลดการปัสสาวะลำบาก ตัวอย่างยาที่ใช้ได้แก่ Doxazosin Prazosin และ Terazosin ผลข้างเคียงจากยากลุ่มนี้คือ หน้ามืดได้ง่าย ใจสั่น คัดจมูก หัวใจเต้นเร็ว
การติดตามผลการรักษา
เนื่องจากการรักษาโรคความดันโลหิตสูงเป็นการรักษาระยะยาว เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรัง จึงจําเป็นที่แพทย์ จะต้องนัดผู้ป่วยมาพบและติดตามผลการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ ในทุก 1-3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ตามความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยแต่ละราย โดยในการตรวจแตละครั้ง แพทย์จะประเมินผลการควบคุมความดันโลหิต และปรับการรักษาให้เหมาะสม พร้อมทั้งเก็บขอมูลเกี่ยวกับค่าความดันโลหิต น้ำหนัก ผลการตรวจหัวใจและปอด รวมทั้งสอบถามถึงผลข้างเคียงของยาด้วย นอกจากนี้ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือบ่อยขึ้นในกรณีที่ผู้ป่วย มีปัญหาหรือโรคแทรกซ้อน