ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การมีเส้นผมสุขภาพดีและผิวที่มีสุขภาพดีนั้นสามารถเสริมบุคลิกภาพของคนเราให้ "ดูดี" ขึ้นมาได้ เพราะแสดงให้เห็นถึงการเอาใจใส่ตนเอง การที่จะมีเส้นผมและผิวที่มีสุขภาพที่ดีนั้นนอกจากจะต้องจากบำรุงภายนอกด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ หรือสมุนไพรบางชนิดแล้ว เรายังต้องให้ความสำคัญกับการบำรุงจากภายในด้วยเช่นกันซึ่งข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ควรละเลย
ลักษณะเส้นผมที่มีสุขภาพดี
- มีน้ำหนัก
- เงางาม
- มีรูปร่างสม่ำเสมอ
- ไม่แห้ง
- ไม่แตกปลาย
- แข็งแรง ไม่เปราะขาดง่าย
- ไม่ร่วงง่าย
- ไม่ชี้ฟู
- ไม่พันกันเป็นปม
- นุ่มลื่น ไม่สากมือ
ลักษณะผิวที่มีสุขภาพดี
- ชุ่มชื้น สดชื่น ไม่แห้งกร้าน ไม่แตก ไม่ลอก
- เรียบเนียน ยืดหยุ่น
- กระชับ เต่งตึงสมวัย
- สีผิวสม่ำเสมอ ไม่มีจุดด่างจำ รอยแดง หรือรอยหมองคล้ำ
- ปราศจากปัญหาผิวเรื้อรัง
- นุ่ม
7 สารอาหารบำรุงสุขภาพผมและผิว
1. วิตามินซี
วิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิก เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยด่างดำจางลง ผิวกระจ่างใส ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอย รักษาความแข็งแรงให้หลอดเลือด อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวได้รับอันตรายจากรังสียูวี นอกจากจะรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีอย่างเหมาะสมแล้ว อาจใช้สกินแคร์ที่มีวิตามินซีเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
แหล่งที่พบ : ผลไม้ตระกูลซิตรัส ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอรี มะละกอ แคนตาลูป ผักใบเขียว ผักเคล พริกหยวกเหลือง ฯลฯ
2. วิตามินอี
วิตามินอี หรือโทโคฟีรอล ขึ้นชื่อว่า เป็นสุดยอดสารต่อต้านอนุมูลอิสรที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ร่างกาย ผิว ป้องกันการอักเสบ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำใหเผิวชุ่มชื้น กระชับ ช่วยให้แผลที่ผิวหนังหายเร็วยิ่งขึ้น
แหล่งที่พบ : ไข่ ผักโขม กะหล่ำปลี ถั่ว จมูกข้าวสาลี น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย เม็ดมะม่วงหิมพานต์
3. วิตามินเอ
นอกจากจะพบวิตามินเอได้ในอาหารหลากชนิดแล้ว วิตามินเอยังอยู่ในรูปแบบของเรตินอยด์ที่ใช้ทาเฉพาะจุดอีกด้วย ทั้งนี้วิตามินเอสามารถช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วถูกกำจัดออกไปและทำให้เซลล์ผิวใหม่เข้ามาแทนที่ ลดจุดด่างดำ รอยแผลเป็น รอยแผลสิว อย่างไรก็ตาม การใช้เรตินอยด์อาจมีประสิทธิผลในการป้องกัน หรือแม้แต่พรางริ้วรอยเล็กๆ หรือรอยย่นบนใบหน้า แต่มันก็อาจทำให้เกิดรอยแดง หรือผิวลอก เมื่อคุณใช้ครั้งแรกได้
แหล่งที่พบ : แครอท ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก แคนตาลูป มันหวาน แตงกวา ผักกาดขาว ผักเคล ตำลึง ฟักทองน้ำเต้า น้ำมันตับปลา
4. กรดไขมันโอเมก้า-3
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว มีสัดส่วนประมาณ 3% ของเส้นผม และเป็นส่วนหนึ่งของเยื่อหุ้มเซลล์ของหนังศีรษะ โอเมก้า 3 ช่วยทำให้เส้นผมมีสุขภาพดี ยืดหยุ่น และเงางามน่าสัมผัส นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหนังนุ่ม เนียน ชุ่มชื้น ไม่หยาบกร้าน หรือสาก ไม่ลอก และช่วยลดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้
แหล่งที่พบ : ปลาแซลมอน ถั่ววอลนัท ถั่วแระญี่ปุ่น ผักใบเขียว
5. ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง หากร่างกายได้รับธาตุไม่เพียงพvอาจทำให้เส้นผมเปราะบาง หรือขาดง่าย ผมร่วงมากผิดปกติ สำหรับสาเหตุนั้นเป็นเพราะหนังศีรษะ และต่อมรากผมได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหนังเรียบเนียน
แหล่งที่พบ : ถั่วแดง ถั่วเลนทิล งา ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง ผักกูด ถั่วฝักยาว กระถิน มะกอก เห็ดฟาง เนื้อแดง ไข่แดง หอยนางรม
6. ไบโอติน หรือวิตามินบี 7
หากร่างกายได้รับไบโอตินไม่เพียงพออาจทำให้เส้นผมหลุดร่วง หรือเปราะง่าย ผมหงอกง่าย แต่หากรับประทานไบโอตินอย่างเพียงพอจะทำให้เส้นผมแข็งแรง ไม่ขาดง่าย นอกจากนี้ยังช่วยใบรรเทาผดผื่นคันต่างๆ ผิวหนังอักเสบได้
แหล่งที่พบ : แซลมอน ตับวัว เนย ถั่วลิสง ไข่แดง นม อะโวคาโด ราสเบอร์รี
7. สังกะสี
หากประสบกับภาวะหนังศีรษะ หรือผิวแห้งเสีย ตกสะเก็ด และเกิดรังแค ไม่แน่ว่าอาจเกิดจากการได้รับธาตุสังกะสีไม่เพียงพอ เนื่องจากสังกะสีช่วยในการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติที่ผิวหนัง ช่วยสร้างโปรตีน และคอลลาเจน
แหล่งที่พบ : อาหารทะเล หอยนางรม เนื้อสัตว์ ไข่ นมผง ถั่วชนิดต่างๆ จมูกข้าวสาลี เนย
จะเห็นได้ว่า การบำรุงจากภายในโดยการเลือกรับประทานอาหารบางชนิดก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การบำรุงจากภายนอก หากหมั่นรับประทานสารอาหารทั้ง 7 ชนิดที่เราแนะนำเป็นประจำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย การพักผ่อนอย่างเหมาะสม รวมถึงใช้สกินแคร์และแฮร์แคร์ที่เหมาะสม รับรองว่า การมีเส้นผม และผิวที่มีสุขภาพดีจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป