นักชิมอาหารญี่ปุ่นคงไม่มีใครไม่รู้จักปลาแซลมอนเนื้อปลาสีส้มๆ แสนอร่อย ที่นิยมนำมาทำเมนูปลาดิบ และเดี๋ยวนี้ยิ่งหารับประทานง่ายกว่านั้น เพราะมีแม้กระทั่งในร้านหมูกระทะตลอดจนตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปในราคาที่ไม่แพง มีเงินแค่ 300-400 บาท ก็หาซื้อได้ อาจเป็นเพราะเดี๋ยวนี้มีการเลี้ยงปลาแซลมอนกันเป็นจำนวนมากในฟาร์มทางแถบทวีปยุโรป ซึ่งก็เป็นสิ่งดีที่ได้รับประทานปลาที่ขึ้นชื่อว่ามีโอเมก้า 3 สูงในราคาสบายกระเป๋า แต่ระยะนี้มักมีข่าวออกมาว่าปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มไม่ดี อุดมไปด้วยเชื้อโรค และใส่สารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง อย่าซื้อมารับประทาน ให้ทานปลาแซลมอนตามธรรมชาติจะดีกว่า หรือบ้างก็ว่า ตามร้านอาหารมีแต่แซลมอนเลี้ยง ไม่ดีๆ
สำหรับข้อเท็จจริง อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวไว้ว่า "ใครชอบกินปลาแซลมอน หรือมีเงินกิน ก็กินต่อไปเถอะครับ" และได้สรุปข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้รู้ท่านหนึ่งที่ได้โพสไว้ในกระทู้ pantip ดังนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ปลาแซลมอนที่ขายกันทั่วๆไปนั้น มีทั้งที่เป็นปลาจับจากทะเลธรรมชาติ และเป็นปลาที่เลี้ยงในกระชังฟาร์มเปิดในทะเลอีกทีนึง แต่เมื่อเทียบราคากันแล้วปลาจากธรรมชาตินั้นจะมีราคาแพงกว่าปลาเลี้ยงกว่ามาก เพราะปริมาณและความยากง่ายในการจับ อีกทั้งยังมีรสชาติที่ดีกว่าด้วย เพราะปลาแซลมอนธรรมชาติสามารถว่ายน้ำได้เป็นระยะทางไกลจึงทำให้มีไขมันในเนื้อไม่มากเท่ากับปลาเลี้ยง
- ในการเพาะเลี้ยงปลาแซลมอนมีหลายประเทศ โดยเฉพาะทางยุโรปเหนือ ซึ่งมีมาตรฐานการควบคุมตามกฎของอียูที่ให้การเลี้ยงออกมาใกล้เคียงกับธรรมชาติ มีการตรวจสอบตามขั้นตอนของอียูทุกอย่าง รวมถึงการควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมีต่างๆ ด้วย ซึ่งข้อดีของการเพาะเลี้ยงแบบนี้ก็คือลดการทำลายพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ ซึ่งปลาที่น่าเป็นห่วงมากในเรื่องนี้ก็คือปลาทูที่ยังไม่มีการเลี้ยงจับแต่ในธรรมชาติอย่างเดียว วันหนึ่งอาจเกิดปัญหาได้
- อาหารที่ใช้เลี้ยงปลาแซลมอน ก็คล้ายๆ กับอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์น้ำอื่นๆ คงไม่ได้ใส่สารอะไรที่มีอันตรายลงไป จึงไม่น่าจะทำให้ ก่อมะเร็งหรือเป็นอันตรายต่อการบริโภค
นอกจากที่อาจารย์ได้สรุปไว้ผู้รู้ก็ได้โพสใน Pantip เพิ่มเติมไว้ว่า
สีในปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์ม เป็นสีที่ไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ แต่มีการให้อาหารกลุ่ม carotenoid เข้าไป เพื่อให้เกิดสีส้มในเนื้อปลา เนื่องจากหากเป็นปลาจากธรรมชาติจะสามารถหาอาหารที่ทำให้เกิดสีส้มได้เอง แต่สำหรับปลาเลี้ยงพวกมันไม่สามารถหาอาหารเหล่านี้มากินได้ ผู้เลี้ยงจึงต้องใส่สารอาหารที่ให้สีส้มเข้าไปแทน ซึ่งอย่างไรก็ตาม สารให้สีพวกนี้สามารถกินได้ ไม่อันตราย เพราะถ้ากินไม่ได้สาร carotenoid ที่อยู่ในแครอท ฟักทอง ก็คงกินไม่ได้เช่นกัน
ปลาที่เลี้ยงในฟาร์ม จะมีไขมันในเนื้อเยอะกว่าปลาธรรมชาติ เพราะการเลี้ยงจำนวนมากๆในพื้นที่จำกัด ปลาจะไม่ได้ว่ายไปไหนไกลๆแบบปลาธรรมชาติ ไขมันในตัวมันและน้ำหนักจึงมากกว่าปลาธรรมชาติมากเมื่อเทียบอายุเท่าๆกัน อีกทั้งเนื้อจะไม่เด้งไม่แน่นไม่อร่อยสู้ปลาธรรมชาติไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ออกกำลังกายว่ายน้ำระยะทางไกลๆ นอกจากนี้การเอาลายไขมันมาเปรียบเทียบ หากเป็นปลาเลี้ยงด้วยกัน ถ้าไขมันเยอะลายสวย ก็มักอร่อยกว่า อันนี้ถูกต้อง แต่ถ้าเป็นการเทียบกับปลาธรรมชาติ จะใช้วิธีนี้เทียบไม่ได้คำพูดที่ว่า "ปลาแซมอนที่ดีต้องมีลายไขมันเยอะๆ" จึงไม่ถูกต้องเสมอไป
เมื่อได้ความรู้แบบนี้แล้วก็น่าจะคลายความสงสัย และมั่นใจในความปลอดภัยของปลาแซลมอนได้ ยังไงก็อย่ารับประทานบ่อยจนเกินไปเพราะอาจทำให้เงินในกระเป๋าแฟบได้เหมือนกัน!!