เจริญพรหมอ พอดีพระมีอาการปวดหน้าอกแบบแน่นๆเสียวๆแปล๊บๆเย็นๆที่อกข้างซ้ายเกือบกลางอกปวดร้าวมาเกือบถึงอกข้างขวา หายใจไม่ค่อยเต็มปอด ตอนมีอาการเหงื่อแตกเย็นตามตัว เหมือนปวดโรคกระเพาะ พระน้ำหนัก 40 กก. สูง 154 cm. (คุณตาเคยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีปมาก่อน)

สวัสดีครับ
สาเหตุของอาการเจ็บแน่นหน้าอกนั้นเกิดได้จากหลายอย่างครับ เช่น
- การอักเสบของกล้ามเนื้อหรือกระดูกซี่โครง จะทำมีอาการเจ็บหน้าอกในระดับตื้นๆ มีจุดกดเจ็บที่ชัดเจน และอาการเจ็บมักสัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทางบางท่า
- กรดไหลย้อน จะทำให้มีอาการแสบร้อนกลางอก จุกแน่นคอ เรอบ่อย เรอเหม็นเปรี้ยว โดยอาการมักเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหารมันๆหรือรับประทานอาหารอิ่มใหม่ และจะเป็นมากในตอนนอนมากกว่าตอนนั่งหรือยืน
- กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จะทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกในลักษณะเจ็บแน่นเหมือนมีอะไรมากดมาเหยียบ อาจเจ็บเสียวร้าวไปที่ไหล่ซ้ายหรือคอด้านซ้ายได้
- ปอดอักเสบ จะทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกโดยที่สัมพันธ์กับการหายใจเช้าลึกๆ ร่วมกับมีอาการไอ มีเสมหะ หอบเหนื่อย มีไข้

และถ้าหากเคยมีประวัติว่าเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบมาก่อน ก็ต้องระวังว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้จะเกิดจากเส้นเลือดหัวใจที่มีการตีบซ้ำทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการในทันทีก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

สำหรับอาการปวด/เจ็บแน่นหน้าอกข้างซ้าย เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ
ยกตัวอย่างเช่น
-ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ : กระดูกอ่อนหน้าอกอักเสบ มีตำแหน่งจุดกดเจ็บชัดเจนบริเวณช่วงกระดูกกลางหน้าอก เชื่อมต่อกับกระดูกซี่โครง, หรือหากเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ มักมีประวัติว่าก่อนหน้านี้ออกแรงเยอะ หรือใช้งานหนักมาก่อน มักจะเจ็บหน้าอกสัมพันธ์กับการออกแรงหรือขยับตัว เช่น ขยับแล้วจะเจ็บมากขึ้น มีจุดกดเจ็บชัดเจน ตรวจร่างกายในระบบอื่นปกติ
-ระบบทางเดินหายใจ : ปอดอักเสบติดเชื้อ(Pneumonia) มักมีประวัติว่าไข้ ไอ หอบ/เหนื่อย ตรวจ X-ray แล้วพบความผิดปกติ, ถุงลมโป่งพอง, เส้นเลือดที่ปอดมีการอุดตัน, เยื่อหุ้มปอดอักเสบ, ปอดรั่ว/มีลมในปอด, ฝีในปอด, หอบหืด และอื่นๆอีกเป็นต้น
-ระบบหัวใจและหลอดเลือด : โรคกล้ามเนือ้หัวใจขาดเลือดฉับพลัน(MI), หัวใจขาดเลือด(angina), เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ, ลิ้นหัวใจรั่ว, มีเลือดเซาะหลอดเลือดใหญ่(Aortic dissection) และอื่นๆอีกเป็นต้น สาเหตุในกลุ่มนี้ มักมีประวัติว่า เหนื่อยง่ายขึ้น นอนราบไม่ได้ รู้สึกเจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมาทับ หรือเหมือนถูกมีดเสียบที่หน้าอก เจ็บร้าวไปแขนซ้ายหรือบริเวณอื่น มีเหงื่อแตก ใจสั่น รู้สึกไม่ดี บางรายอาจถึงขั้นช็อคหมดสติ
-ระบบทางเดินอาหาร : กรดไหลย้อน, โรคกระเพาะ(peptic ulcer), ตับอ่อนอักเสบ, ไส้เลื่อนที่กระบังลม เป้นต้น
-ระบบผิวหนัว : มีการติดเชื้อบริเวณผิวหนังที่หน้าอก เช่น ฝี หนอง งูสวัด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยเกี่ยวกับอาการเจ็บแน่นนหน้าอก จะต้องมีการซักประวัติ และตรวจร่างกาย รวมถึงอาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น การ X-ray ปอด, การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การเจาะเลือด เป้นต้น แต่จากอาหารที่พระเล่ามา ค่อนข้างมีแนวโน้มเข้าได้กับโรคที่เกิดจากระบบหลอดเลือดและหัวใจ โดยเฉพาะหัวใจขาดเลือด เนื่องจากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจได้ไม่เต็มปอด มีอาการปวดร้าว ใจสั่นเหงื่อแตก ซึ่งถือว่ามีอันตรายค่อนข้างมาก หากเป็นจากโรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคที่อันตราย ควรรีบได้รับการวินิจฉัยและรักษานะครับ ดังนั้นเบื้องต้น แนะนำให้รีบไปโรงพยาบาลก่อนเลยนะครับ แต่ถ้าหากไม่สะดวก สามารถโทรศัพท์ขอเบอร์รถรับส่งได้ครับ เบอร์ 1669

และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ หากมีอาการฉุกเฉินสามารถเข้ารับบริการได้ที่ รพ.ทุกแห่ง หรือถ้ากังวลเกี่ยวกบัค่าใช้จ่าย แนะนำให้ไปโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์การรักษาครับ แต่ตอนนี้หมอว่าควรรีบไปพบแพทย์ก่อนนะครับ

ถ้าอยู่ที่หัวหินก็สามารถไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหัวหินได้ครับ ที่นั่นเป็นโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางอยู่พอสมควร ซึ่งการตรวจก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้างครับ แต่ในกรณีนี้ถ้าหากตรวจแล้วพบว่าสาเหตุเกิดจากการมีเส้นเลือดหัวใจตีบก็จะสามารถใช้สิทธิการรักษาแบบฉุกเฉินทำให้สามารถรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ครับ

หรือถ้าหากไปตรวจในโรงพยาบาลที่มีสิทธิการรักษาพยาบาลอยู่ก็จะสามารถตรวจรักษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเสมอไม่ว่าจะเป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่ครับ

ถ้าเป็นการมรณภาพจากปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ ก็ยังสามารถนำร่างกายมาใช้ในการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ได้อยู่ครับ