จะทำอย่างไรที่จะหยุดอาการปวดศีรษะตุ๊บ ๆ นั้น และสัญญาณเตือนเกี่ยวกับอาการปวดศีรษะของคุณที่อาจเป็นอันตราย
เมื่ออาการปวดศีรษะไมเกรนเกิดขึ้น Jacqueline G. ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนอนพักในห้องมืด และรอจนกว่าอาการปวดนั้นจะหายไป “นี่มันทำให้อ่อนแรงไปมาก” หญิงวัย 73 ปีที่ประสบปัญหากับอาการปวดไมเกรนรุนแรงมาตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ปีได้กล่าวไว้ “อาการคลื่นไส้ที่ตามมาในทันที ทำให้ฉันไม่สามารถทานอะไรได้เลย ไม่แม้แต่ขนมปังกรอบ หรือน้ำแข็ง และเป็นอยู่ได้นานทั้งวันตั้งแต่เช้าตื่นนอนจนถึงเที่ยงคืน”
อาการปวดศีรษะไมเกรนนั้นเป็นอาการปวดศีรษะที่รุนแรงมากอย่างนึง เนื่องจากมีอาการติดต่อกัน 4 อาการหลัก ๆ ด้วยกัน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- อาการแรกคือ อาการนำ (prodrome or preheadache) เป็นความรู้สึกป่วย หรืออารมณ์ขุ่นมัว ที่อาจจะมีอาการนำมา 1-2 วันก่อนเริ่มมีอาการปวดศีรษะ
- จากนั้นอาการที่ตามมาคือออร่า (aura) ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยไมเกรน 20% - เห็นแสงวูบวาบ แสงสว่างจ้า หรือแม้กระทั่งปรากฏการณ์ที่รบกวนการมองเห็นในช่วงเวลานาทีถึงชั่วโมง
- ถัดมาอาการปวดศีรษะไมเกรนจึงค่อย ๆ เริ่มขึ้น อาการปวดศีรษะที่ค่อน ๆ เป็นหนักขึ้น ที่ทั้งปวดตุ๊บ ๆ คลื่นไส้ และอาจเป็นมากขึ้นตามเสียง หรือแสงที่กระตุ้น
- ท้ายที่สุดคืออาการระยะภายหลังปวดศีรษะ (postdrome) “headache hangover” ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย และอ่อนล้าเหมือนโดนสูบพลังออกไปเสียหมด โดยอาการนี้คงอยู่ได้เป็นวันหรือมากกว่า
อะไรเป็นสาเหตุของไมเกรน
นักวิจัยยังไม่สามารถหาสาเหตุได้แน่ชัดถึงสาเหตุของไมเกรน แต่อาการปวดศีรษะเหล่านี้อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลง และความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง เช่น serotonin ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยควบคุมเรื่องอาการเจ็บปวด
ผู้หญิงสามารถเกิดไมเกรนได้มากกว่าผู้ชายมากถึง 3 เท่า เนื่องจากฮอร์โมน estrogen มีส่วนกระตุ้นอาการ แพทย์ระบบประสาทวิทยาจากรพ.Massachusetts “รพ.ร่วมสอนของ Harvard, Dr.John Stakes ได้กล่าวไว้ว่า “หลังจากเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน (menopause) อาการปวดไมเกรนในผู้หญิงนั้นเป็นน้อยลง ดังนั้นแล้วจึงน่าจะมีผลมาจากฮอร์โมน estrogen” แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ป่วยหญิงเช่น คุณ Jacqueline ที่ยังมีอาการปวดไมเกรนต่อเนื่องแม้ว่าจะหมดประจำเดือนมานานแล้วก็ตาม
ผู้หญิงที่มีอาการปวดไมเกรนอยู่บ่อยครั้งมักมีสิ่งกระตุ้น สิ่งกระตุ้นอาการไมเกรนที่พบได้บ่อยได้แก่
- กลิ่นฉุน
- ความเครียด
- นอนหลับไม่เพียงพอ
- เสียงดัง หรือ แสงสว่างจ้า
- อากาศที่เปลี่ยนแปลง
- ภาวะน้ำตาในเลือดต่ำจากการขาดมื้ออาหาร
- อาหารบางประเภท เช่น ไวน์แดง ช็อคโกแลต ชีส ผลไม้แห้ง ถั่วเปลืองแข็ง ถั่วเขียว เนื้อหมู ซุบ bouillons ที่มีส่วนผสมของ MSG, เบียร์ ขนมปัง น้ำอัดลมที่มีส่วนประกอบของที่ให้ความหวาน เช่น aspartame
โครงสร้างทางกายวิภาคของอาการปวดศีรษะไมเกรน
อาการไมเกรนจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ประสาทในสมองได้รับการกระตุ้น ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น เช่น ความเครียด หรืออาหารบางชนิด โดยเซลล์ประสาทต่อไปนี้จะทำการหลั่งสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่สามารถทำให้หลอดเลือดสมองมีการขยายตัว และอักเสบ แต่อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการปวดศีรษะไมเกรนมีลักษณะปวดตุ๊บ ๆ
วิธีบรรเทาอาการปวดศีรษะ
เมื่อพูดถึงการรักษาไมเกรน “การเริ่มต้นการรักษาคือ การกำจัดสิ่งกระตุ้น” Dr.Stakes กล่าว “ก่อนที่เราจะเริ่มให้ยา เราจะเริ่มดูก่อนว่ามีปัจจัยอะไรที่เราสามารถกำจัดหรือลดได้บ้าง”
การจดบันทึกเกี่ยวกับอาหารปวดศีรษะสามารถช่วยชี้ได้ว่าอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นสำหรับคุณ ให้ลองจดตามหัวข้อต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- เวลาที่อาการปวดศีรษะเริ่ม และหายไป
- ความรุนแรง และตำแหน่งที่ปวด (เช่น หลังตา หรือ ท้ายทอย)
- มีสัญญาณเตือนอะไรก่อนหรือไม่
- สิ่งที่คุณทานในวันนั้น
- คุณทำอะไรก่อนที่จะเริ่มมีอาการปวดศีรษะ (เช่น ออกกำลังกาย)
- คุณได้ทำการรักษาอย่างไรบ้าง และวิธีนั้นช่วยหรือไม่
จากนั้นนำสิ่งที่บันทึกนี้ปรึกษากับแพทย์ของท่าน หรือแพทย์ระบบประสาท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูว่าจะสามารถกำจัด หรือปรับเปลี่ยนสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง หากเพียงแค่การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นนั้นไม่ทำให้อาการปวดศีรษะนั้นหายไป แพทย์อาจเริ่มให้ยาทานในการรักษา โดยมีสองแนวทางด้วยกัน
สำหรับการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบเฉียบพลัน การรักษานี้จะเน้นในการบรรเทาอาการปวด และคลื่นไส้ โดยคุณจำเป็นต้องทานยาเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มมีอาการปวดศีรษะทันที ยาเหล่านี้ได้แก่
กลุ่มยา Triptans - ยาที่จำเพาะต่อไมเกรน โดยช่วยทำให้หลอดเลือดในสมองนั้นหดแคบลง ได้แก่ frovatriptan (Frova), naratriptan (Amerge), zolmitriptan (Zomig), rizatriptan (Maxalt) และ sumatriptan (Imitrex)
ยาแก้ปวด - NSAIDs รวมถึง aspirin, ibuprofen (Motrin, Advil) ที่สามารถใช้ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนที่ไม่รุนแรงได้ Acetaminophen (Tylenol) สามารถใช้ในผู้หญิงที่มีอาการปวดไมเกรนได้ โดยยาแก้ปวดบางประเภทได้ทำสูตรที่เฉพาะต่อไมเกรนโดยเฉพาะ โดยผสมยาแก้ปวดกับคาเฟอีน (เช่น Excedrin Migraine) Indomethacin (Indocin) มีในรูปแบบยาเหน็บสำหรับผู้หญิงที่มักมีอาการคลื่นไส้ร่วมกับอาการปวดศีรษะ
ยาแก้คลื่นไส้ - metoclopramid (Reglan), prochlorperazine (Compazine) แลายาชนิดอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกผะอืดผะอมที่เกิดร่วมกับไมเกรนได้
ข้อควรระวัง การใช้ยารักษาไมเกรนมากไปอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะซ้ำ (rebound headache) ได้ โดยเฉพาะหากคุณมีการใช้ยามากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ปรึกษาแพทย์หากคุณสังเกตว่าคุณเริ่มมีอาการปวดศีรษะมากกว่าปกติในขณะที่กำลังทานยาเหล่านี้อยู่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ยาที่ใช้ในการป้องกัน สามารถช่วยคุมอาการไมเกรนได้ “สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดศีรษะ” โดยยาเหล่านี้จะแนะนำในผู้หญิงที่มีอาการไมเกรนถี่ (มากกว่า 2-3 ครั้ง/สัปดาห์) หรือ ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น
ยาที่ใช้ในการป้องกันได้แก่
- ยาลดความดัน - beta blockers หรือ calcium channel blocker
- ยาต้านซึมเศร้า - amitriptyline (Elavil), venlafaxine (Effexor)
- ยากันชัก - sodium valproate (Depacon), topiramate (Topamax), divalproex sodium (Depokate)
Botulinum toxin type A (Botox) สามารถช่วยในผู้หญิงที่มีไมเกรนเรื้อรังอย่างรุนแรงได้ ซึ่งเป็นยาชนิดเดียวกันกับที่ใช้รักษาริ้วรอย มีการศึกษาล่าสุดจาก Journal of the Americal Medical Association ที่พบว่า การฉีด Botox สามารถช่วยลดความถี่ของการเกิดไมเกรนได้ แต่การรักษานี้จำเป็นต้องได้รับยาฉีดบ่อยครั้ง และผลจะช่วยอยู่เพียงไม่กี่เดือน การรักษาอื่น ๆ ได้แก่ การฝึก biofeedback สมุนไพร เช่น butterbur และ feverfew อาจช่วยในการรักษาไมเกรนได้
อาการปวดศีรษะอื่น ๆ
อาการปวดศีรษะไมเกรนไม่ใช่อย่างเดียวที่ทำให้เกิดความทุกข์กังวล ยังมีอาการปวดศีรษะอื่น ๆ ได้แก่
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัว อาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัวจะมีลักษณะคือ รู้สึกเหมือนโดนบีบ รัด ตึงอยู่รอบศีรษะทั้งสองข้าง อาการปวดสามารถคงอยู่ได้ตั้งแต่ 30 นาที ถึงหลายวัน อาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัวนี้สามารถเกิดได้เรื่อย ๆ ไม่บ่อยนัก หรือตามในชีวิตประจำวัน สำหรับการรักษา : หาถึงปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดอาการตึงเครียด เช่น ความเครียด หยุดหายใจระหว่างนอนหลับ ซึมเศร้า กัดฟัน ยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดคือยากลุ่ม NSAIDs
ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (Cluster headache) อาการปวดศีรษะที่มาทันทีทันใดและเป็นรุนแรง โดยมักปวดมาเป็นชุด ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันของวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน โดยอาการปวดศีรษะนั้นมักเป็นที่ข้างใดข้างหนึ่งและรุนแรงมาก มักเป็นบริเวณหลังตา อาการปวดคงอยู่ได้ตั้งแต่ 5 นาทีถึง 1-2 ชั่วโมง อาจมีอาการน้ำมูกน้ำตาไหล กระสับกระส่าย สำหรับการรักษา การสูดดมออกซิเจนสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ lithium หรือ ยากลุ่ม triptans Calcium-channel blocker และยากันชักอาจช่วยลดความถี่ในการเกิดอาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์
อาการปวดศีรษะไซนัส อาการปวดศีรษะชนิดนี้เกิดจากการที่เซลล์บุผิวในโพรงไซนัสนั้นมีอาการบวมและอักเสบ อาการปวดตุ๊บ ๆ มักเกิดบริเวณรอบดวงตา แก้ม และหน้าผาก มักพบว่ามีอาการคัดจมูก ไอ และน้ำมูกสีเขียวเหลือง สำหรับการรักษา : ยาปฏิชีวนะสามารถใช้รักษาไซนัสอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้ ยาพ่นจมูกที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ยาแก้คัดจมูก และยาแก้ปวด รวมถึงการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากสาเหตุของไซนัสอักเสบเป็นจากโรคทางกายเดิม เช่น ผนังกันช่องจมูกคด (Deviated septum) คุณอาจจะได้รับคำแนะนำให้รับการผ่าตัดรักษา
หากคุณมีอาการปวดหัวอยู่เป็นประจำ คุณอาจเริ่มสังเกตได้ถึงรูปแบบอาการปวดของคุณ ดังนั้นแล้วหากเมื่อไหร่ที่อาการปวดนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หรือรุนแรงมากขึ้น ให้ไปพบแพทย์ แม้ว่าอาการปวดศีรษะจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณไปแล้วก็ตาม ให้ปรึกษาแพทย์ หรือแพทย์ระบบประสาท เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสมกะคุณในการบรรเทาอาการปวด หรือแม้กระทั่งสามารถรักษาให้อาการปวดศีรษะนั้นหายไปและไม่รบกวนชีวิตประจำวันคุณอีกต่อไป
เมื่ออาการปวดศีรษะส่งสัญญาณบอกถึงอันตราย
ในบางราย อาการปวดศีรษะบางส่วนเป็นสัญญาณบอกถึงภาวะอันตราย เช่น เนื้องอก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือหลอดเลือดในสมองโป่งพอง อาการต่อไปนี้เป็นสัญญาณเตือนที่คุณต้องรีบมาโรงพยาบาล
- อาการปวดศีรษะที่เป็นขึ้นมาทันทีทันใดและรุนแรงมาก
- อาการปวดศีรษะที่ตามมาด้วยไข้ คลื่นไส้อาเจียน หายใจลำบาก อ่อนแรงแขนขา สับสน มองเห็นภาพซ้อน คอแข็ง
- อาการปวดศีรษะที่ “แย่ที่สุดที่เคยมีมาในชีวิต”
- อาการปวดศีรษะที่เป็นอย่างรุนแรง ในขณะที่คุณแทบจะไม่เคยมีอาการปวดศีรษะมาก่อน
- อาการปวดศีรษะที่เกิดตามหลังจากการได้รับการกระทบกระแทก